กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 5 : ไฟรัญจวน (2)

กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 5 : ไฟรัญจวน (2)

โดย : ชีวาพร

Loading

กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว โดย ชีวาพร เรื่องราวของสองพี่น้องที่ชีวิตแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน คนหนึ่งใบหน้างดงามโดดเด่นเป็นที่ปรารถนาของผู้คน อีกคนใบหน้าสามัญและยังมีชะตากาลกิณีติดตัวมาตั้งแต่เกิด ชีวิตของทั้งคู่จะดำเนินไปในทิศทางใด อ่านเรื่องราวของพวกเธอได้ในเว็บไซต์อ่านเอา anowl.co และเพจ anowldotco

“ไอ้โชค อีผกากรอง” / “ชบา” / “น้าชบา”

สามเสียงร้องผสานกันโดยไม่ได้นัดหมาย ชบาเบิกตากว้างมองสภาพผัวของตนเองสลับกับหลานสาวตัวดีไม่ต้องเอ่ยถามก็คาดเดาเรื่องราวก่อนหน้าได้ชัดเจน ในใจพลันเดือดดาลคล้ายมีไฟสุม ตัวเกร็งสะท้านไปด้วยโทสะชี้หน้าคนทั้งสองด้วยอาการสั่นเทา

“หญิงชั่วชายเลว พวกมึงกล้าคบชู้กันรึ!”

โชคเห็นชบาโกรธจนตัวสั่นก็รีบโผเข้าไปคุกเข่ากอดเอวคนเป็นเมีย ก่อนจะปั้นเรื่องสร้างคำโกหกออกมาด้วยสีหน้าจริงจัง

“แม่ชบาฉันเปล่านะ เมื่อคืนฉันกินเหล้าเมามาก แล้ว…แล้วอีผกากรอง อีผกากรองมันเข้ามาประคองฉัน แต่ฉันไม่คิดว่ามันจะประคองพาฉันเข้าหอนอนมันมาเยี่ยงนี้ แม่ชบาฉันผิดไปแล้ว ฉันเมา ฉันคิดว่ามันเป็นแม่ชบา”

ผกากรองเบิกตาอ้าปากกว้างอย่างตื่นตกใจกับคำโกหกหน้าตายของโชค หากแต่ไม่ทันเอ่ยอธิบายคำใด ฝ่ามือของชบาก็ฟาดลงมาบนหน้าของเธอ

“อีผกากรอง อีอัปรีย์จัญไร ร่านไม่เลือก”

“นี่น้าชบาเชื่อที่น้าโชคบอกรึ เมื่อคืนฉัน…”

เมื่อเห็นว่าผกากรองกำลังจะบอกเล่าเหตุการณ์เมื่อคืน โชคก็รีบเข้าพูดแก้ต่างให้ตนเองเสียก่อน

“ผกากรอง ข้ารู้ว่าเอ็งพอใจในตัวข้ามานาน แต่ข้าก็บอกเอ็งแล้วมิใช่รึว่าข้ามีใจรักมั่นเพียงแม่ชบาเมียข้าเท่านั้น ให้เอ็งงดงามเพียงใดก็หาได้ทำให้ข้าหวั่นไหวไม่ ตัวเอ็งเป็นหลานมาพึ่งใบบุญแม่ชบาสมควรสำนึกบุญคุณให้มาก เหตุใดจึงได้ทำกับข้าและแม่ชบาเยี่ยงนี้”

โชคขยับตัวโอบเอวชบาอย่างรักใคร่ ตีสีหน้าเศร้าโยนความผิดทุกอย่างไปให้คนบนเตียง ผกากรองกัดฟันกรอด ยกมือขึ้นชี้หน้าคนกลับกลอกตรงหน้าอย่างเดือดดาล

“ไอ้โชค ไอ้สารเลว คำลวงของผีพนันเยี่ยงมึง หากใครเชื่อก็โง่เต็มที”

ชบาได้ยินผกากรองด่าผัวรัก โทสะในใจก็เพิ่มพูนเป็นทบทวี ง้างมือตบลงบนใบหน้าของหลานสาวอีกครั้ง ก่อนจะถีบเข้าที่กลางอกจนผกากรองจุกแน่นหงายหลังลงบนเตียง แม้แต่เสียงร้องก็เปล่งออกมาไม่ได้

“อีผกากรอง อีคนอกตัญญู ร่านไม่เลือกหน้าถึงเพียงนี้ เยี่ยงนั้นกูจักเอามึงไปขายที่โรงรับชำเราบุรุษ ให้มึงเสพสมร่านรักจนตายไปเลย”

ชบาจับผมของหลานสาวกระชากขึ้นตวาดลั่น ก่อนจะเหวี่ยงร่างที่งองุ้มตกเตียง นอนขดตัวบนพื้นด้วยความเจ็บปวดทั้งที่เรือนร่างยังเปลือยเปล่า ภาพรอยรักบนเนื้อตัวของผกากรองยิ่งทำให้ชบาคิดถึงบทสวาทของผัวรักกับหลานสาวอัปรีย์ตรงหน้า เดินไปกระทืบเท้าลงบนสะโพกขาวอย่างสุดแรง จนโชคต้องเข้ามาจับตัวห้ามปรามเอาไว้

“พี่โชคมาห้ามฉันทำไม หรือว่าพี่มีใจให้มัน”

“มิใช่เยี่ยงนั้น แต่หากแม่ชบาลงมือหนักไปแล้วอีผกากรองมันเจ็บหนักจะเสียราคาเอาได้”

ชบามองคนบนพื้นอย่างแค้นใจ อยากจะยกตีนกระทืบคนอีกสักหลายๆ หนให้สมกับการกระทำต่ำช้าของอีกฝ่าย แต่เมื่อคิดตามคำของโชคก็ยอมรามือ

“เมื่อคืนเนื้อตัวพี่ถูกอีผกากรองทำให้สกปรก แม่ชบาช่วยล้างออกให้พี่ทีเถิด”

อารมณ์ขุ่นเคืองของชบาพลันเบาบางลงในทันทีที่ถูกโชคออดอ้อนประคองออกจากหอนอนของผกากรอง แล้วเดินกลับเข้าหอนอนของตนเอง

ผกากรองประคองร่างกายที่ปวดระบมจากการถูกทำร้ายแล้วตวัดสายตาไปทางผนังห้องราวกับจะส่งผ่านความโกรธเคืองไปยังคนที่อยู่ห้องข้าง เสียงครวญหวานของชบาดังลั่นเรือน มุมปากของผกากรองยกขึ้นอย่างเย้ยหยัน

โง่งมเยี่ยงนี้ ก็ถูกชายต่ำช้าอย่างไอ้โชคหลอกลวงต่อไปเถิด

ผกากรองไม่ยินยอมถูกขายไปโรงรับชำเราบุรุษ ดังนั้นจึงเร่งนุ่งผ้าเก็บข้าวของมีค่าแล้วเดินไปที่ประตูหอนอน พยายามใช้แรงผลักแต่ก็ไร้ประโยชน์ ดูแล้วชบาคงลงกลอนที่ด้านนอกเพื่อขังเธอเอาไว้ ดวงตาเรียวกวาดมองรอบห้องเพื่อหาหนทางหนี ก่อนจะเร่งสาวเท้ามาที่หน้าต่างหอนอนหมายปีนหนี ทว่าแม้แต่หน้าต่างก็ถูกตอกปิดตายจากด้านนอก มือเรียวกำเข้าหากันแน่นอย่างแค้นใจ ทว่าให้อับจนหนทางเยี่ยงไรเธอก็ไม่ยอมไปเป็นหญิงงามเมืองแน่นอน

ผ่านไปไม่นานนักชบาก็กลับมาในหอนอนของผกากรองพร้อมกับโชค ผกากรองมองเชือกป่านในมือของอีกฝ่ายก็คาดเดาได้ทันทีว่าชบาตัดสินใจขายเธอแล้วแน่นอน

“น้าจะเชื่อหรือไม่ก็ตามใจ แต่ฉันไม่ได้ยั่วยวนน้าโชค หากไม่เชื่อก็รอดูตอนที่น้าขายฉันไปโรงรับชำเราบุรุษเถิด แขกประจำของฉันย่อมเป็นน้าโชคอย่างแน่นอน”

ผกากรองรู้ดีว่าชบาเป็นคนขี้หวาดระแวง และหึงหวงผัวยิ่งกว่างูจงอางหวงไข่ ต่อให้มีความเป็นไปได้เพียงน้อยนิดแต่ชบาจะต้องขัดขวางไม่ให้โชคมายุ่งวุ่นวายกับเธอแน่นอน

“ความจริงท่านเศรษฐีมิ่งพอใจในตัวฉันมาก หากน้าอยากได้เงินมากๆ ก็ขายฉันให้ท่านเศรษฐีมิ่งไม่ดีกว่ารึ”

ชบาคิดตามคำของผกากรองแล้วก็เริ่มคล้อยตาม หลายวันมานี้เศรษฐีมิ่งให้คนมารับผกากรองไปที่เรือนทุกวัน อีกทั้งยังให้เงินให้ทองมามากโข หากขายหลานสาวอัปรีย์นี้ให้เขาย่อมได้เงินก้อนใหญ่กว่าขายให้โรงรับชำเราบุรุษนั่น

ทว่าโชคกลับไม่ยินดีให้เป็นเช่นนั้น เป็นดังที่ผกากรองคิด หากชบาขายเธอให้โรงรับชำเราบุรุษเขายังแวะเวียนไปเสพสุขกับเธอได้เรื่อยๆ แต่หากชบาขายผกากรองให้เศรษฐีมิ่งเขาย่อมไม่อาจแตะต้องลิ้มรสสวาทของเธอได้อีก

“มึงทำต่ำทรามต่อแม่ชบาถึงเพียงนี้ยังมาขอให้แม่ชบาส่งเสริมให้มึงได้ดี ช่างหน้าหนานัก”

คำพูดของโชคทำให้ชบานึกถึงภาพที่เธอเห็นเมื่อยามสาย หญิงเยี่ยงผกากรองไม่สมควรได้ดิบได้ดีเป็นเมียเศรษฐีใหญ่ แต่เธอก็ไม่อาจวางใจขายผกากรองให้โรงรับชำเราบุรุษ เยี่ยงนั้นคงมีเพียง…

“เยี่ยงนั้นกูจักขายมึงไปเป็นทาสเรือนท่านเศรษฐีเพชร”

ทาส เมื่อได้ยินคำนี้ในใจของผกากรองก็เกิดคลื่นลูกใหญ่ หากถูกขายเป็นทาสแล้วชั่วชีวิตก็ต้องรอเพียงคนมาไถ่ถอนคืนอิสรภาพ ทว่าผู้ใดเล่าจะมาไถ่ถอนตัวเธอ ดังนั้นหากยอมให้ชบาทำเช่นนั้นชีวิตนี้ของเธอก็ไร้หนทางให้เดินแล้ว ร่างเพรียวบางจึงลุกขึ้นยืนร้องก้องอย่างเกรี้ยวกราด

“ฉันไม่ยอม โอ๊ย!…”

ชบาไม่รอให้ผกากรองได้พูดจบประโยคก็ตวัดฝ่ามือลงบนใบหน้าหลานสาว คนถูกตบพลันเซถลาล้มลง หากแต่ยังคงตวัดสายตาแข็งกร้าวไม่ยินยอม

“ไม่ยอมมึงก็ต้องยอม พ่อแม่มึงตายห่ากันไปหมดแล้ว มึงนับเป็นคนในปกครองของกู กูจะขาย จะเฆี่ยน จะตี มึงก็ไม่มีสิทธิ์มาต่อต้าน พี่โชคมัดมันไว้แล้วเอาไปตีตราขายเป็นทาสที่เรือนท่านเศรษฐีเพชร”

โชคขบกรามแน่น แม้ไม่ยินดีให้เป็นเช่นนี้แต่เงินทองที่เขาใช้ก็ล้วนมาจากน้ำพักน้ำแรงของชบา หากเขาขัดใจเธอย่อมต้องลำบากในภายหน้า

หญิงงามในพระนครหาได้มีเพียงแม่ผกากรองไม่ วันหน้าเขาก็แค่เอาเงินของชบาไปหาความสุขกับคนอื่น

ผกากรองดิ้นรนขัดขืนแต่ก็ไม่อาจสู้แรงของบุรุษตัวโตอย่างโชค สุดท้ายก็ถูกมัดมือไพล่หลัง แลคาดผ้าปิดปากลากลงเรือไปอย่างไม่ยินยอม

“หากมึงไม่อยากตายก็นั่งดีๆ มิเช่นนั้นตกเรือไปอย่าหวังว่ากูจะช่วย”

ชบาเอ่ยบอกเมื่อยามที่นั่งลงในเรือแล้วผกากรองยังไม่สิ้นฤทธิ์ดิ้นรนขัดขืนจนเรือโคลงไปมา แน่นอนว่าให้ผกากรองไม่ยินดีเป็นทาสเพียงใด เธอก็กลัวตายมากกว่า ดังนั้นตั้งแต่ออกจากเรือนจนกระทั่งเรือเทียบท่าเธอล้วนไม่ดิ้นรน ทว่าทันทีที่เท้าเหยียบท่าน้ำผกากรองก็สาวเท้าวิ่งหนีทันที แต่ก็ยังคงช้ากว่าโชค

“ฤทธิ์มากนักนะมึง”

ท้องน้อยถูกแรงหมัดของโชคกระแทก จุกแน่นปวดร้าวจนหมดสติ ลืมตารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ร่างกายถูกสายน้ำเย็นสาดใส่จนเปียกชุ่ม ผกากรองขยับลุกกวาดสายตามองรอบตัวอย่างพิจารณา ดูเหมือนตอนนี้เธอคงถูกชบาขายมาเป็นทาสเรือนท่านเศรษฐีเพชรแล้วจริงๆ มือเรียวขาวกำเข้าหากันแน่น ตวัดสายตามองทาสสาวตรงหน้าที่นุ่งผ้าแถบสีหม่นเนื้อหยาบ ในมือถือถังไม้ว่างเปล่า ดูแล้วสายน้ำที่สาดรดบนตัวเธอเมื่อครู่คงเป็นฝีมือของคนตรงหน้า

“มองหน้ากูอยากถูกตบรึ!”

เย็น ทาสหญิงวัยสิบเก้าปีเท้าเอวถามเสียงก้อง เรียกสายตาของบ่าวคนอื่นให้จดจ้องมองมาที่เธอสลับกับนางทาสคนใหม่ที่เพิ่งถูกขายเข้ามา

แต่ไหนแต่ไรผกากรองไม่เคยถูกคนดูแคลน ทุกคนต่างชื่นชมยกย่อง เยี่ยงนี้แล้วจะยินยอมให้นางทาสชั้นต่ำผู้หนึ่งมารังแกได้อย่างไร เพียงแต่ตอนนี้เธอเพิ่งย้ายเข้ามาใหม่ หากทำตัวมีปัญหาก็จะถูกหมายหัว ดังนั้นจึงจงใจเอ่ยยั่วยุเสียงเบาให้ได้ยินเพียงเธอและเย็นเท่านั้น

“มึงมีมือมีตีนคนเดียวหรือไร”

ทันทีที่ได้ยินประโยคท้าทาย เย็นก็สาวเท้าเข้ามาหาผกากรอง ทว่าไม่ทันถึงตัวก็ถูกอีกฝ่ายยกขาถีบเข้ากลางอกจนหงายหลังล้มลงกองกับพื้น ผกากรองลุกขึ้นหยิบถังน้ำล้างผักสาดใส่จนเนื้อตัวอีกฝ่ายเปียกชุ่มและเหม็นเน่า

“อร๊าย!”

เย็นกรีดร้องพร้อมกับลุกขึ้นสาวเท้าเข้าหาผกากรอง ง้างแขนขึ้นตบลงบนใบหน้าขาวเนียนจนผกากรองเซถลาไปเกาะเสาเรือน ทว่ายามที่หมายจะเข้ามาซ้ำเติมกลับถูกผกากรองยันเข้ากลางท้องอีกครั้ง แลคราวนี้เย็นก็จุกแน่นจนลุกไม่ไหว

ผกากรองขบกรามแน่น ดวงตาวาวโรจน์อย่างเดือดดาลสาวเท้าเข้าไปหาคนที่นอนตัวงอ โน้มตัวลงใช้มือหนึ่งจิกหัว มือหนึ่งง้างขึ้นฟาดกลับไปถึงสองครั้ง

“อีหญิงชั่ว! อีอัปรีย์ ถอยไปนะ!”

เพราะจุกแน่นที่ท้องและปวดร้าวที่ใบหน้าเย็นจึงร้องบอกเสียงติดขัด ยกมือขึ้นต่อต้านคนตรงหน้าเก้ๆ กังๆ หากแต่ผกากรองกลับยกยิ้มเย้ยหยัน บีบจับใบหน้าอีกฝ่ายแน่นแล้วกระซิบเสียงเบา

“เป็นมึงที่เริ่มก่อน ตอนนี้อยากให้กูถอย เยี่ยงนั้นก็ก้มกราบตีนกู”

ผกากรองปล่อยแก้มสากพร้อมกับออกแรงผลักจนเย็นล้มลงไปกองแนบพื้น ก่อนจะลุกขึ้นยืนยื่นปลายเท้าไปวางข้างแก้มอีกฝ่าย กอดอกมองด้วยสายตาดูแคลน

“ถุย! อีสันดานเลว คนเยี่ยงมึงแม้แต่น้าก็ยังไม่เลี้ยงเอามาขายเป็นทาส ยังคิดทำตัวสูงส่งไม่เจียมกะลาหัว”

ผกากรองยกมือขึ้นเช็ดน้ำลายที่เย็นพ่นใส่หน้าแล้วกัดฟันกรอด เอ่ยเสียงลอดไรฟันอย่างแค้นใจ

“เยี่ยงนั้นรึ!”

ดวงตาเรียวตวัดมองคนบนพื้น ตวัดขาย่อตัวคร่อมเอวอีกฝ่าย ใช้มือจิกผมคนบนพื้นอีกครั้ง แล้วง้างมืออีกข้างขึ้นตบอย่างไร้ความปรานี เพื่อระบายความคับแค้นในใจที่ถูกทาสชั้นต่ำดูแคลน รวมถึงความคับแค้นในอกที่ถูกคนเป็นน้าขายมาเป็นทาส

“หยุด! ข้าบอกให้หยุด!”

เสียงตวัดก้องจากด้านหลังทำให้ผกากรองหยุดมือที่ง้างตบระรัวก่อนหน้า แสร้งเสียท่าถูกเย็นจับพลิกแล้วขึ้นคร่อม กลายเป็นฝ่ายถูกกระทำ

“ข้าบอกให้หยุด! ไม่ได้ยินรึอีเย็น ไอ้ก้อนไปจับพวกมันแยกออกจากกัน”

ก้อนบ่าวชายในเรือนรีบเข้าไปห้ามคน จับเย็นออกจากตัวทาสสาวคนใหม่ ผกากรองเห็นชายหนุ่มหน้าตาใสซื่อก็รีบโถมตัวจับอีกฝ่ายไว้ด้วยท่าทางหวาดกลัว ก้อนที่ไม่ทันเล่ห์มารยาหญิงจึงช่วยประคองเธอลุกขึ้น

“เกิดกระไรขึ้น เหตุใดจึงมีเรื่องวิวาทเยี่ยงนี้ฮะอีเย็น”

“น้าอิ่ม น้าต้อง…”

ผกากรองได้ยินเย็นตั้งท่าฟ้อง ก็ร่ำไห้เสียงสั่นอย่างน่าเวทนา

“ฉันก็มิรู้จ้ะ อยู่ดีๆ พี่เย็นก็เอาน้ำมาสาดฉัน ตบตีฉัน”

“อีตอแหล เป็นมึงที่ทั้งตบทั้งถีบกู ยังมีหน้ามาร้องไห้คร่ำครวญ”

เย็นชี้หน้าไปทางคนที่ยืนร้องไห้ตัวสั่น ผกากรองจับแขนของก้อนเอาไว้มั่น ขยับตัวหลบอยู่ด้านหลังเขาด้วยท่าทางหวาดกลัว

“ฉัน…ฉันแค่ปกป้องตนเองมิให้ถูกรังแก ฉันผิดด้วยหรือ เมื่อครู่ใครๆ ก็เห็นทั้งนั้นว่าพี่เข้ามาจะทำร้ายฉันก่อน”

“เป็นเพราะมึงพูดจายั่วโมโหกู”

“ฉันพูดกระไร มีใครได้ยินหรือไม่ว่าฉันพูดจายั่วโมโหพี่”

“อี…!”

เมื่อถูกโต้กลับเยี่ยงนี้เย็นก็ไม่อาจหาข้อแก้ตัวได้อีก โทสะในใจพลันล้นทะลักโถมตัวจะเข้าไปเอาความคนหน้าหนา ผกากรองกอดแขนของก้อนแน่นราวกับทั้งชีวิตมีเขาเป็นที่พึ่งเพียงหนึ่งเดียว และเพราะท่าทางชวนเวทนานี้ก้อนก็เผลอปกป้องคนอย่างไม่รู้ตัว

“พี่ก้อน นี่พี่ปกป้องมันรึ!”

เย็นเห็นชายที่ตนหมายตาปองใจปกป้องหญิงอื่น ความคับแค้นในอกก็ยิ่งเพิ่มทวี ยื้อยุดจะเข้าไปทำร้ายคนจนอิ่มตวาดก้องอีกครั้ง

“อีเย็น หยุด!”

สุดท้ายไม่เพียงเจ็บตัวเย็นยังถูกอิ่มบ่าวบนเรือนใหญ่ตำหนิอีกหลายประโยค

“แล้วอย่าให้มีเรื่องเยี่ยงนี้อีก หาไม่กูจะเรียนแม่นายให้ลงหวายจนหลังลาย”

เย็นก้มหน้ากัดฟันกรอด หากแต่ก็ไม่อาจโต้แย้งอะไรได้ เป็นทาสเหมือนกัน ทว่าอำนาจกลับไม่เท่ากัน เรื่องนี้ทำให้ผกากรองเริ่มวางแผนร้ายในใจ

หากอยากมีชีวิตที่ดีขึ้น ความโปรดปรานของเจ้านายคือสิ่งสำคัญ

เมื่ออิ่มและก้อนจากไปแล้วผกากรองก็ปาดน้ำตาบนแก้ม แสร้งเดินมาใกล้เย็นแล้วยกมือพนมไหว้

“เมื่อครู่ล้วนเป็นเรื่องเข้าใจผิด ฉันขออภัยพี่เย็นด้วย”

เย็นมองคนตรงหน้าอย่างแค้นเคือง มั่นใจว่าตนเองดูคนไม่ผิด คนเยี่ยงผกากรองไม่มีทางสำนึกผิด ผกากรองแม้ส่งยิ้มหวานอ่อนโยน แต่ในแววตากลับเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ท้าทาย จนเย็นตัวสั่นสะท้านกรุ่นโกรธ ในอกอาบไปด้วยโทสะอยากเงื้อมือขึ้นตบคน ทว่าเมื่อคิดถึงคำขู่ของอิ่มก็ได้แต่กัดฟันหมุนตัวเดินจากไป

“อุว๊ะ! อีเย็นตัวเองเริ่มก่อนแท้ๆ คนเขารึก็อุตส่าห์ขอโทษ ยังไม่รู้จักให้อภัย”

“มิเป็นกระไรจ้ะ ฉันมิถือสา”

ผกากรองแสร้งตีหน้าเศร้าน้ำตาคลอชวนให้ผู้คนเวทนา และด้วยใบหน้าที่งดงามเป็นทุนเดิมจึงทำให้ผู้คนเอ็นดูสงสาร พากันด่าทอการกระทำอันหยาบคายของเย็น และปลอบขวัญผกากรอง



Don`t copy text!