กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 11 : ยวนสวาท (1)

กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 11 : ยวนสวาท (1)

โดย : ชีวาพร

Loading

กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว โดย ชีวาพร เรื่องราวของสองพี่น้องที่ชีวิตแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน คนหนึ่งใบหน้างดงามโดดเด่นเป็นที่ปรารถนาของผู้คน อีกคนใบหน้าสามัญและยังมีชะตากาลกิณีติดตัวมาตั้งแต่เกิด ชีวิตของทั้งคู่จะดำเนินไปในทิศทางใด อ่านเรื่องราวของพวกเธอได้ในเว็บไซต์อ่านเอา anowl.co และเพจ anowldotco

แก้วหาบคานน้ำอบแลแป้งร่ำลงจากเรือนด้วยสีหน้าไม่ดีนัก แม้เรื่องที่เธอมีชะตาเป็นกาลกิณีจะเป็นเรื่องที่ผู้อื่นล่วงรู้กันไปทั่ว แต่ก็มิมีผู้ใดเอ่ยถึงมานานโข จวบจนกระทั่งวันที่ก้อนมาโวยวายพังร้านของเธอเมื่อวันก่อน เรื่องดวงชะตาของแม่แก้วก็ถูกยกมาเป็นหัวข้อโจษจันกันอีกระลอก

“แม่แก้วรอพี่ก่อน”

“พี่ปราบ”

ดวงตากลมมองคนที่ควรจะไปซ้อมดาบซ้อมมวยก้าวขึ้นจากเรือเล็กแล้วเดินมายกหาบคานไปจากบ่าเล็กด้วยความสงสัย

“วันนี้ต้องไปซ้อมดาบกับท่านครูมิใช่หรือจ๊ะ”

“มิซ้อม”

“แต่…”

“สายมากแล้ว หากยังไม่เร่งไปตั้งร้านจักขายไม่หมดเอาหนา”

แม้ปราบไม่เอ่ยบอกถึงเหตุผลที่เขามิไปซ้อมดาบมวยเช่นทุกวัน แต่ในใจของแก้วเพลานี้รู้สึกอบอุ่นยิ่งนักที่มีเขาอยู่ข้างกาย

“ไม่ต้องกังวลไป หากวันนี้ไอ้อีคนใดกล้าพูดจาพล่อยๆ พี่จะเรียกสินไหมค่าปรับเสียให้หนัก เอาให้รวยไปเลย เอ็งจะได้ไม่ต้องมานั่งขายของอีกดีหรือไม่”

คำพูดกึ่งจริงจังกึ่งหยอกเย้าของปราบทำให้ใบหน้าที่แฝงความวิตกของแก้วคลายลงแลปรากฏเป็นรอยยิ้มหวานขบขันระบายเต็มวงหน้าแทน ก่อนจะหยิบจับจัดน้ำอบแลแป้งร่ำขึ้นวางขายบนแผง

“แม่แก้ว น้ำอบของฉันมีหรือไม่”

เสียงสำเนียงจีนต่างถิ่นที่คุ้นหูนี้แม้ไม่ต้องเงยหน้าขึ้นมองแก้วก็รู้ว่าอีกฝ่ายคือผู้ใด

“แม่ทองจีนเป็นลูกค้าประจำ ฉันจะลืมได้อย่างไรจ๊ะ”

ทองจีนยิ้มกว้าง เธอย้ายมาอยู่ที่สยามได้ไม่ถึงสามปี ภาษาสยามยังพูดไม่คล่องเพื่อนฝูงจึงไม่ค่อยมี เมื่อได้พบกับแก้วที่เจรจาภาษาบ้านเกิดของเธอได้อย่างแตกฉานก็ยินดีราวกับพบญาติสนิท จึงแวะเวียนมาหาอยู่เสมอ

“ทั้งหมดนี้เท่าไหร่กัน”

“ฉันทำมาให้ ไม่คิดเงินดอกจ้ะ”

“มิคิดได้อย่างไร ของซื้อของขาย”

“ถือเสียว่าเป็นการขอโทษเรื่องเมื่อวันก่อน”

“ขอโทษทำไมกัน แม่แก้วมิได้ทำกระไรผิดเสียหน่อย แต่เอาเถิดน้ำใจนี้ของแม่แก้วฉันรับไว้แล้ว เยี่ยงนั้นแม่แก้วก็ต้องรับน้ำใจของฉันด้วย”

แก้วขมวดคิ้วเรียวมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความสงสัย แต่ยามที่ได้รู้ว่าน้ำใจที่อีกฝ่ายหยิบยื่นให้คือสิ่งใด ดวงตากลมก็เบิกกว้างถามย้ำด้วยความตื่นตระหนก

“เรือสำเภาจะออกจากสยามต้นเดือนหน้า แม่แก้วอย่าลืมเตรียมของให้พร้อม”

“จ้ะ ฉันจะเตรียมของให้ครบถ้วน มิขาดไปแม้แต่ชั่งเดียว ขอบน้ำใจแม่ทองจีนมากที่ไว้ใจฉัน”

แก้วเอ่ยขอบน้ำใจอีกฝ่ายซ้ำอีกรอบก่อนที่ทองจีนจะจากไป ปราบขยับตัวมาประชิดหญิงสาวแล้วกระซิบเสียงเบา

“เมียพี่จักร่ำรวยเสียก็คราวนี้ มิรู้ว่าภายหน้าจะทอดทิ้งผัวผู้ยากไร้คนนี้หรือไม่”

แก้วหันไปฟาดฝ่ามือลงบนต้นแขนของอีกฝ่ายอย่างไม่จริงจังนัก พลางขบคิดถึงเรื่องที่ทองจีนเอ่ยบอกตน

‘ออกเรือสำเภาครานี้พ่อท่านอยากได้พริกไทยจำนวนมาก ฉันเห็นว่าแม่แก้วเอาพืชสมุนไพรไทยมาขายเป็นประจำจึงอยากให้แม่แก้วเป็นธุระจัดหาให้ทีได้หรือไม่ เรื่องส่วนแบ่งมิต้องกังวล ขอเพียงแม่แก้วหาของมาส่งให้พ่อท่านได้ ก็รับส่วนต่างสามในสิบเป็นสินน้ำใจ’

ฟากฝั่งผกากรองหลังจากไต่เต้าจนขึ้นมาเป็นเมียของคุณเงินที่เรือนเล็ก ชีวิตก็สุขสบายขึ้นมากโข มีเงินทองให้หยิบจับแลผ้าแพรเครื่องนุ่งห่มให้ใช้สอย ทว่าชีวิตที่วันๆ ต้องอยู่แต่บนเรือนเล็กนั้นน่าเบื่ออยู่ไม่น้อย อีกทั้งแม้ว่าคุณเงินจะเป็นบุตรชายของเศรษฐีเพชรเช่นคุณทอง แต่เพราะมีมารดาเป็นเพียงทาสในเรือนคุณเงินจึงไร้อำนาจวาสนา เบี้ยอัฐก็น้อยนิดหยิบใช้ไม่ถนัดมือ ทุกวันยังต้องปะทะฝีปากกับแม่ผัวที่มาระรานราวกับเป็นเจ้ากรรมนายเวรกันมาแต่ชาติปางก่อนยิ่งทำให้ผกากรองเริ่มเบื่อหน่ายชีวิตเยี่ยงนี้เต็มที

“นั่นคุณหนูทองมิใช่รึ กลับจากเมืองใต้มาแล้วหรือ”

“ย่อมต้องกลับมาแล้วสิวะ มิเช่นนั้นมึงกับกูจะเห็นได้เยี่ยงไร”

“ช่างรูปงามนัก อีกทั้งยังเป็นลูกชายของแม่นายเรไรบนเรือนใหญ่เสียด้วย หากกูได้เป็นเมียคุณท่านคงสบายมิน้อย”

เสียงทาสสาวที่เอ่ยสนทนาต่อกระซิกเรียกสายตาของผกากรองให้หันไปยังชายหนุ่มที่ท่าน้ำ คุณทอง บุตรชายที่เกิดจากแม่นายเรไรเมียกลางเมืองของเศรษฐีเพชร ดวงตาเรียวมองสำรวจร่างกายกำยำที่สวมใส่เสื้อผ้าเนื้อดี และประดับด้วยเครื่องทองคำก็เกิดใจละโมบ ริมฝีปากบางยกยิ้มเจ้าเล่ห์ ในใจผุดแผนการขึ้นมา

“ฉันมารับสำรับของเรือนเล็ก”

“อุวะ! ลมอะไรหอบอีคางคกลงมาที่โรงครัวได้ล่ะนี่”

เย็นที่กำลังพัดวีไฟในเตาได้ยินเสียงของคู่อริเก่าก็ลุกขึ้นเท้าเอวเอ่ยวาจากระแนะกระแหนเสียงดัง

“อีเย็น มึงอยากมีเรื่องรึ ลืมไปแล้วหรือไรว่าตอนนี้กูเป็นใคร”

“โถๆ ใครจะกล้าไปมีเรื่องกับแม่ผกากรองเมียของคุณเงินเล่า”

เย็นเอ่ยประโยคราวนอบน้อมถ่อมตน หากแต่น้ำเสียงแลสีหน้ากลับยั่วยุโทสะคนฟัง ผกากรองกำมือขบกรามแน่น หากมิใช่เพราะมีการใหญ่รออยู่เธอย่อมไม่ปล่อยให้คนตรงหน้าลอยหน้าลอยตากวนโทสะกันเช่นนี้

“สีหน้ามิสู้ดี ใครทำให้ผกากรองของพี่ขุ่นเคืองใจรึ”

คุณเงินที่สังเกตเห็นสีหน้าอมทุกข์ของเมียรักก็เอ่ยถามด้วยความห่วงใย ผกากรองแสร้งถอนหายใจยาววางท่าทีอึดอัดคล้ายไม่เต็มใจจะบอก แต่สุดท้ายก็เล่าความเสียยาวเหยียด

“วันนี้บ่าวไปยกสำรับให้คุณเงิน อีเย็นทาสในโรงครัวก็มาด่าทอกล่าวหาว่าบ่าวมายั่วยวนมอมเมาคุณเงิน แต่ที่บ่าวแค้นใจนักก็คือมันพูดดูแคลนคุณเงิน ว่าเป็นลูกทาสก็เลยตาต่ำรับคนเยี่ยงบ่าวมาเป็นเมีย บ่าวทำให้คุณเงินถูกคนอื่นดูแคลนจึงไม่สบายใจเจ้าค่ะ”

“อีเย็นรึ! อีทาสชั้นต่ำกล้านินทาว่าร้ายกูถึงเพียงนี้ เยี่ยงนั้นกูจะสั่งสอนให้มันรู้ความว่าใครเป็นนาย ใครเป็นบ่าว”

“คุณเงินจะไปไหนเจ้าคะ”

ผกากรองแสร้งร้องห้ามเสียงหลง หากแต่สายตากลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความพึงพอใจ ก่อนจะเดินตามคุณเงินไปที่โรงครัวด้วยสายตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความสมใจ

“อีตนไหนชื่อเย็น! เรียกมาพบกูเดี๋ยวนี้”

“บะ…บ่าวเจ้าค่ะ”

เย็นคลานเข่าออกมาด้านหน้าด้วยท่าทีลนลานตื่นกลัว เมื่อเห็นสายตาเย้ยหยันสมน้ำหน้าของผกากรองก็รับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายต้องสร้างเรื่องเดือดร้อนให้ตนแน่

“มึงเองรึ อีอัปรีย์”

ทันทีที่เห็นตัวคน คุณเงินก็ด่าทอพร้อมกับเดินเข้าไปเอาเท้าถีบไหล่จนอีกฝ่ายหงายหลัง

“จับมันมัดโยงขื่อ วันนี้กูจะโบยอีทาสปากพล่อยมิรู้นายรู้บ่าวให้หลาบจำ”

แม้จะมีแม่เป็นทาส แต่คุณเงินก็เป็นลูกชายคนหนึ่งของเศรษฐีเพชร คำพูดของเขาจึงมีน้ำหนักอยู่ไม่น้อย พริบตาเย็นก็ถูกจับมัดโยงขื่อ แผ่นหลังถูกหวายเฆี่ยนลงมาอย่างไม่ปรานี ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั้งตัว หยาดโลหิตไหลอาบไปทั้งหลัง ส่งสายตาอาฆาตมองไปยังผกากรองที่ยืนกอดอกมองดูอย่างพึงพอใจที่ด้านหลังคุณเงิน

คิดจะเป็นศัตรูกับกู ก็ต้องเจอเยี่ยงนี้

หลังจากเฆี่ยนตีจนเย็นสลบ คุณเงินก็โยนหวายในมือลง ความอัดแน่นที่ถูกดูแคลนมาตั้งแต่เยาว์วัยคล้ายถูกระบายออกไปบางส่วน ผกากรองรีบเข้าไปประคองตัวที่สั่นเทาเพราะโทสะเอ่ยห้ามราวกับคนมีเมตตา

“คุณเงินเจ้าขาพอเถิดเจ้าค่ะ”

“เพราะจิตใจเอ็งดีเยี่ยงนี้อย่างไรเล่าจึงถูกหญิงชั่วนี้ทำให้ช้ำใจ สาดน้ำเกลือให้มันฟื้นแล้วโบยมันอีก”

คุณเงินโยนหวายในมือให้บ่าวชายข้างกาย เย็นตัวสั่นสะท้านกรีดร้องอย่างเจ็บปวดจนเสียงแหบแห้ง กระทั่งหมดสติไปอีกรอบคุณเงินจึงยอมรามือให้ปล่อยตัว

“ภายหน้าหากใครกล้าดูแคลนเมียกู กูจะเอาจนตาย”

เสียงตวาดก้องของคุณเงินดังลั่น ก่อนจะจากไป ผกากรองยิ้มกว้างด้วยความยินดี ยามดึกจึงมอบรางวัลชุดใหญ่ให้คุณเงินจนชายหนุ่มแทบหมดแรง

“ดื่มน้ำก่อนนะเจ้าคะ จะได้มีแรง”

คุณเงินรับขันน้ำฝนมาดื่ม ทว่าหลังกลืนลงท้องจากที่ควรมีแรงก็กลายเป็นง่วงงุนและหลับสนิท ผกากรองใช้ปลายเท้ายันตัวคนอยู่สองสามที เมื่อเห็นว่าคุณเงินหลับลึกก็ยกมุมปากขึ้นยิ้มอย่างพอใจ นับว่ายานอนหลับที่ได้มาใช้ได้ดีทีเดียว ดวงตาเรียวนึกถึงร่างที่อาบไปด้วยโลหิตของเย็นแล้วปรากฏความเหี้ยมเกรียมขึ้นมาสายหนึ่งก่อนจะลุกเดินลงจากเรือนเล็ก



Don`t copy text!