กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 15 : สิ้นรักไร้สวาท (1)
โดย : ชีวาพร
กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว โดย ชีวาพร เรื่องราวของสองพี่น้องที่ชีวิตแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน คนหนึ่งใบหน้างดงามโดดเด่นเป็นที่ปรารถนาของผู้คน อีกคนใบหน้าสามัญและยังมีชะตากาลกิณีติดตัวมาตั้งแต่เกิด ชีวิตของทั้งคู่จะดำเนินไปในทิศทางใด อ่านเรื่องราวของพวกเธอได้ในเว็บไซต์อ่านเอา anowl.co และเพจ anowldotco
“คุณพริ้มเจ้าคะ ไอ้ทวนมันเข้าไปในหอนอนอีผกากรองแล้วเจ้าค่ะ”
คุณพริ้มได้รับรายงานจากบ่าวก็หุบพัดฟาดลงบนฝ่ามือดังฉาด ในใจยินดียิ่งนักที่เรื่องเป็นดังที่ตนคาดการณ์
“อีขวัญ มึงให้คนไปแจ้งคุณหลวงว่าอีผกากรองมันไม่สบาย”
“เจ้าค่ะ”
“สันดานร่านรักเยี่ยงอีผกากรอง กูไม่เชื่อดอกว่ามันจะอดทนกับรสรักอันจืดชืดของคุณหลวงได้”
คุณพริ้มเอ่ยสั่งความแล้วยกยิ้มอย่างพึงพอใจกับแผนการของตน ก่อนจะแสร้งดับไฟแล้วลอบออกไปดักฟังที่หน้าหอนอนของผกากรอง เพื่อตรวจดูว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผนหรือไม่
“ทวนอย่ารุนแรงนักสิ ข้าระบมไปหมดแล้ว อะ…อื้ม…”
“อะ…ผกากรองงามนัก ข้าอดใจยั้งมือมิไหวแล้ว”
“ทวน…อะ…อื้ม…”
เสียงครวญแผ่วแว่วหวานดังสะท้อนออกมาสร้างความปั่นป่วนมวนท้องให้คุณพริ้มแลทาสสาวเป็นอย่างยิ่ง ตัวเธออายุมิน้อยแล้วย่อมรู้ดีว่าอารมณ์ที่ปั่นป่วนของตนตอนนี้เกิดจากสิ่งใด เม็ดเหงื่อผุดขึ้นบนกรอบหน้าจนมิอาจต้านทานทนฟังไหว จำต้องเดินกลับเข้าหอนอนตนเอง
“หากคุณหลวงกลับมา พวกมึงก็พาท่านไปจับชู้ของอีผกากรองก็แล้วกัน”
“เจ้าค่ะ”
เอ่ยจบคุณพริ้มก็รีบสาวเท้าเข้าห้อง ไล่ทาสสาวในเรือนออกจากหอนอน และขึ้นเตียงถกผ้านุ่งเพื่อปรนเปรอตนเอง หลายปีแล้วที่คุณพริ้มต้องใช้วิธีนี้ในการปลดปล่อยอารมณ์ตนเอง เพราะคนเป็นผัวมักพาหญิงสาวมากหน้ามาเล่นรักในหอนอนข้างอยู่เสมอ ทว่าครานี้เธอยังมิทันสุขสมที่หน้าต่างหอนอนก็มีชายโพกหน้าปีนเข้ามา
“ว้าย! มึงเป็นใครเข้าหอนอนกูมาทำไม ช่วย!…”
คำร้องขอความช่วยเหลือยังมิทันออกจากปากคุณพริ้ม ร่างสูงกำยำก็ปีนขึ้นเตียงขึ้นคร่อมเอวบาง ปลดดึงสไบออกจากเรือนกายของคุณหนูบุตรพระยา แม้คุณพริ้มจะมิใช่หญิงสาวแรกรุ่น ทว่าเพราะได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดี ร่างกายที่อยู่ในช่วงวัยสี่สิบจึงดูเต่งตึงมิต่างจากหญิงสาววัยสามสิบต้นๆ มือหยาบกร้านข้างหนึ่งวางทาบบีบเคล้นบนอกอวบอิ่ม อีกข้างหนึ่งกดปิดริมฝีปากแดงสด กลิ่นบางอย่างที่โชยออกมาจากมือหนาปลุกเร้าอารมณ์ของคุณพริ้มให้ตื่นตัวมากขึ้น ร่างกายที่ห่างจากรสรักมานานสั่นสะท้าน พริบตาจากต่อต้านก็กลายเป็นคล้อยตามอย่างน่าฉงน
“อย่า…ปล่อยกู”
เสียงแหบพร่าร้องบอกสั่นเครือ ทว่าร่างกายกลับโอนแอ่นบดเบียดเข้าหาชายหนุ่มบนเรือนร่าง ชายโพกหน้ายกยิ้มเจ้าเล่ห์ เปิดผ้านุ่งขึ้นยลความงามของหญิงสาวแล้วแทรกตัวเข้าประสานรุนแรง
“อะ…โอ๊ย!”
เสียงหวานร้องครวญลั่นห้องอย่างลืมตัว มือหยาบกร้านปลดปล่อยริมฝีปากบางให้เธอได้ส่งเสียงหวานอย่างเต็มที่ เอวสอบขยับกดเน้นรุนแรง โน้มตัวฝากรอยรักไว้บนเรือนกายขาวเนียนจนเกิดรอยแดงช้ำไปทั่วตัว บ่าวไพร่หน้าหอนอนพลันหน้าซีดเบิกตากว้าง ยิ่งเห็นว่าหลวงโยธาธิบาลกำลังก้าวขึ้นเรือนมาก็ตัวสั่นเทิ้มหวาดกลัว
“เกิดกระไรขึ้น!”
หลวงโยธาธิบาลขมวดคิ้วสีดอกเลาแน่น เมื่อสังเกตเห็นความผิดปกติของบ่าวหน้าห้องคุณพริ้ม แต่เพราะใจที่เป็นห่วงผกากรองจึงไม่ได้รั้งรอคำตอบ ขยับตัวเดินเลี่ยงไปยังหอนอนรับรองด้านข้าง ทว่าจังหวะที่กำลังก้าวเท้าเสียงครวญสั่นสะท้านก็ดังเล็ดลอดออกมาจากห้องคุณพริ้ม
“จะไม่ไหวแล้ว เร็วอีก อะ…อื้ม…”
ร่างสูงกำยำไม่เพียงปรนเปรอจนคุณพริ้มสุขสมเป็นคราแรกในรอบสิบปี แต่ยังปลดปล่อยน้ำรักในกายเธอจนเอ่อล้นเปียกชุ่มฟูกนุ่มอยู่หลายหน
ปัง! เสียงประตูหอนอนถูกกระแทกจากด้านนอก ชายโพกหน้าเร่งสวมผ้านุ่งแล้วกระโจนลงจากหอนอน คุณพริ้มเองก็รีบรุดไปหยิบผ้านุ่งแลสไบที่กระจัดกระจายไปอยู่กลางห้องมาสวมใส่อย่างร้อนรน ทว่าแม้จะสวมใส่เสื้อผ้าทันก่อนประตูหอนอนเปิดออก แต่ริ้วแดงก่ำเด่นชัดบนกายแลรอยรักที่เปียกชุ่มบนเตียงก็บ่งชัดว่าก่อนหน้านี้ในห้องเกิดสิ่งใดขึ้น
“อีพริ้ม อีจัญไร มึงกล้าเล่นชู้บนเรือนกูเลยรึ”
เพียะ! ฝ่ามือหนาฟาดลงบนแก้มนวลของคุณพริ้ม สองแก้มของเธอพลันอาบไปด้วยหยาดน้ำตา คลานเข่าเข้ามากอดเท้าคนเป็นผัวอย่างสำนึกผิด
“คุณหลวงอิฉันผิดไปแล้ว อิฉันมิได้เต็มใจ ไอ้โจรชั่วนั่นมันขึ้นมาขืนใจอิฉันเจ้าค่ะ”
“ขืนใจเยี่ยงนั้นรึ กูมิได้หูหนวกจนมิได้ยินว่าเมื่อครู่มึงร้องครวญครางอย่างสุขสมแค่ไหน อีหญิงชั่ว”
คุณพริ้มอับจนด้วยคำแก้ตัว ในจังหวะที่เอนใบหน้าซบลงบนหลังเท้าหลวงโยธาธิบาลเพื่อร้องขออ้อนวอนก็ปรากฏว่ามีเท้าเล็กขาวข้างหนึ่งสอดเข้ามารองรับ
“อีผกากรอง อีหญิงชั้นต่ำ มึงกล้าดีอย่างไรเอาตีนสอดเข้ามาให้กูกราบ”
ผกากรองวางมือลงบนต้นแขนของหลวงโยธาธิบาล แล้วมองต่ำเหยียดหญิงสูงศักดิ์ตรงหน้าอย่างเย้ยหยัน
“บ่าวรู้เจ้าค่ะว่าบ่าวเป็นหญิงชั้นต่ำ ทว่าถึงบ่าวจะเกิดมาต่ำต้อยแต่ก็มิเคยทำตัวต่ำตมเช่นคุณพริ้มนะเจ้าคะ ทั้งที่คุณหลวงมีเมตตาต่อคุณพริ้มที่สุด แต่คุณพริ้มกลับลักลอบเล่นชู้กับผู้อื่นลับหลังคุณหลวงเยี่ยงนี้ ทำได้กระไรกันเจ้าคะ นี่คงมิใช่ครั้งแรกกระมัง มิน่าเล่าคุณพริ้มจึงได้ละเลยมิใส่ใจคุณหลวงเช่นนี้”
ผกากรองเอ่ยเสียงอ่อนแต่แฝงอารมณ์ยั่วยุอยู่ในที หลวงโยธาธิบาลกำมือแน่นนึกถึงหลายปีที่ผ่านมา ทั้งที่เป็นเมียแต่คุณพริ้มมิเคยหึงหวงตนกับหญิงอื่น ไม่แม้แต่จะใส่ใจออดอ้อน เดิมทีเขาคิดว่าคุณพริ้มเป็นหญิงใจกว้าง ที่แท้หาใช่ไม่อีกฝ่ายก็แค่…
“หญิงชั่ว อัปรีย์ จับมันไปมัดไว้ที่กลางเรือน ไอ้เจิมไปเอาหวายมา”
คุณพริ้มเบิกตากว้างด้วยความตื่นตระหนก ดิ้นรนขัดขืนสุดกำลังแต่ก็มิอาจสู้แรงบ่าวชายสองคนที่จับเธอมัดกอดเสาที่กลางเรือนได้
“โบยมันให้หนัก กูมิบอกให้พอก็ห้ามหยุด”
“คุณหลวงเจ้าขา คุณพริ้มอ่อนแอนัก โบยมิกี่ทีก็คงสลบแล้วเจ้าค่ะ”
“อีขวัญไปเอาน้ำเกลือมา หากนายมึงมันสลบก็เอาน้ำเกลือสาดให้ตื่น”
เพราะอย่างไรคุณพริ้มก็เป็นเมียกลางเมืองที่ตบแต่งอย่างออกหน้าออกตา ดังนั้นเรื่องที่อีกฝ่ายเล่นชู้ถึงบนเรือนหากประกาศโจ่งแจ้งก็มีแต่จะสร้างความอับอาย ทว่าหากมิกระทำการใดเลยโทสะในใจของหลวงโยธาธิบาลก็คงอัดแน่นจนอกแทบแตก ดังนั้นที่ทำได้จึงมีเพียงลงโทษอีกฝ่ายให้สาสมต่อการทรยศเขา
“มิครบร้อยทีห้ามหยุดมือ”
ร้อยที คำสั่งนี้เท่ากับจงใจให้เธอตกตายอย่างชัดเจน น้ำตาของคุณพริ้มไหลพราก แรงหวายที่โบยลงหลังยังมิเจ็บเท่าคำของผัวที่เอ่ยออกมา สามสิบปีที่อยู่กินกันมาด้วยความภักดีกลับมิมีเยื่อใยมากพอให้อีกฝ่ายเมตตาสงสารตนเลยแม้แต่น้อย หลวงโยธาธิบาลสั่งความจบก็กลั้นความเจ็บช้ำในอกเดินกลับเข้าหอนอนด้วยความหงุดหงิด ผกากรองเดินมาที่กลางเรือนหยุดมองคนที่ทั้งตัวโชกไปด้วยเลือดแล้วยิ้มเย้ยหยัน
“เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะคุณพริ้ม ระหว่างรสรักของไอ้ทวนกับรสหวายของคุณพี่อย่างไหนตรึงใจกว่ากันฤๅเจ้าคะ”
คุณพริ้มถลึงตากว้าง ที่แท้ทั้งหมดเป็นแผนการของผกากรองที่จงใจสร้างเรื่องใส่ความตน
“อีผกากรอง อีชาติชั่ว มึงวางแผนใส่ความกู”
“อิฉันวางแผนใส่ความอันใดกันเจ้าคะ เสียงคุณพริ้มร้องครางเสียลั่นเรือนเยี่ยงนั้นผู้ใดบ้างไม่ได้ยิน ไอ้ทวนมันแรงดีมากใช่หรือไม่เจ้าคะ” ผกากรองเอ่ยกระซิบบอกก่อนจะแค่นเสียงเยือกเย็น “เป็นมึงที่คิดเล่นงานกูก่อนมิใช่รึอีพริ้ม ถูกย้อนแผนเยี่ยงนี้ก็สมควรแล้วมิใช่รึ”
ดวงตาเรียวเบิกกว้างนึกถึงเรื่องราวก่อนหน้าที่อยู่ดีๆ ทวนก็เดินเข้ามาในหอนอนของเธอ
“ทวนเข้ามาทำไมกัน ประเดี๋ยวมีคนเห็นจักเป็นเรื่องใหญ่ได้มิรู้รึ”
“คุณพริ้มให้ข้าเอายาบำรุงมาให้เอ็ง”
เรือนนี้มีทาสมากมายแต่คุณพริ้มกลับจงใจให้ทวนนำยาบำรุงมาให้ ในใจของผกากรองคาดเดาแผนร้ายของอีกฝ่ายออกในทันที จึงเดินไปหยิบบางสิ่งออกมาจากลิ้นชักแล้วส่งให้ทวน
“กระไรรึผกากรอง”
“หากทวนทำตามที่ฉันบอก ต่อไปฉันจะทำให้ทวนมีความสุขมากกว่าทุกคืนที่ผ่านมา ที่สำคัญจะมีเงินใช้มิขาดมือด้วย”
ผกากรองพูดพลางปลดผ้าแถบบนตัวออก ทวนเบิกตากว้าง ที่ผ่านมาเพียงได้มองร่างกายอันเย้ายวนของผกากรองผ่านหน้าต่างหอนอนไกลๆ ยามที่ได้เห็นอย่างชิดใกล้ร่างกายของเขาก็ร้อนรุ่มจนถ้วยยาในมือหลุดร่วง ผกากรองยิ้มหวานก้าวเดินมาประชิด แนบอกเปลือยบดเบียดกับแผงอกแกร่งไร้เสื้อผ้า แล้วดันชายหนุ่มลงนั่งบนเตียงกว้าง ขยับตัวลงนั่งคร่อมเอวหนา ลูบไล้เล้าโลมจนชายหนุ่มตื่นตัว
ผ้านุ่งเนื้อดีถูกเลื่อนขึ้นมากองที่เอวบางเผยเรียวขาขาวเนียนและเนินเนื้อสาวที่โดดเด่น ทวนกลืนน้ำลายฝืดมองมือเล็กขยับปลดผ้าโจงเนื้อหยาบจนหลุดลุ่ย เผยกายแกร่งที่ผงาดตั้งของเขา
ผกากรองโน้มตัวลงขยับสอดแทรกกายสาวให้ทวนได้ลิ้มรสสวาทอันเร่าร้อน แล้วจงใจร้องครวญเสียงกระเส่าแผ่วเบาพอให้คนที่ลอบฟังได้ยินรางๆ ทวนจับยึดเอวเล็กเป็นฝ่ายขยับโยกจังหวะรักแทน
“ทวนอย่ารุนแรงนักสิ ข้าระบมไปหมดแล้ว อะ…อื้ม…”
“อะ…ผกากรองงามนัก ข้าอดใจยั้งมือมิไหวแล้ว”
“ทวน…อะ…อื้ม…”
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าคนจากไปผกากรองก็ขยับตัวลุกขึ้นจากเอวหนา ทวนรีบโผมาจับคนโอบกอดพลิกกดลงบนเตียง
“ผกากรองอย่าทำเยี่ยงนี้ ให้ข้าต่ออีกนิดเถิด”
“เยี่ยงนั้นทวนก็ไปปีนเข้าห้องคุณพริ้ม เอายานี่ให้คุณพริ้มดมแล้วหาความสุขให้เต็มที่ อย่าลืมทิ้งรอยรักให้มาก แล้ววันหน้าฉันจะทำให้ทวนสุขจนลืมไม่ลงเลย”
ทวนนั้นไม่ใช่คนโง่ ย่อมคาดเดาแผนการของผกากรองออก ดังนั้นจึงพาร่างกายที่ร้อนรุ่มของตนเองปีนเข้าหอนอนคุณพริ้ม เอายาปลุกเร้าอารมณ์ทาบนมือหนากดปิดปากและจมูกให้คุณพริ้มดอมดม ยามที่คุณพริ้มตกอยู่ในห้วงสวาทก็ตักตวงลิ้มรสคุณหนูสูงศักดิ์ หลับตานึกถึงใบหน้าที่เย้ายวนของผกากรองก่อนจะปลดปล่อยความสุขสมเป็นหลักฐานจนชุ่มเตียงนุ่ม
ผกากรองมองใบหน้าที่โชกไปด้วยเหงื่อแห่งความเจ็บปวดของคุณพริ้มแล้วยิ้มร้ายออกมา โน้มตัวลงกระซิบข้างใบหูของอีกฝ่าย
“คุณพริ้มเหงาแห้งมานานหลายปี ได้สุขสมก่อนตายเช่นนี้สมควรขอบน้ำใจข้าให้มากมิใช่หรือเจ้าคะ”
“อีผกากรอง อีสารเลว”
คุณพริ้มตวาดด่าก้อง หากแต่ผกากรองกลับไม่สะทกสะท้าน มือเรียวจับคางของอีกฝ่ายบีบแน่นแล้วเอ่ยเจือเสียงขบขัน
“จักโทษกูได้เยี่ยงไร เป็นมึงที่เปลื้องผ้าอ้าขาให้ไอ้ทวนมันเอาเองมิใช่รึ กูยังได้ยินมึงร้องให้มันเอาแรงๆ อยู่เลย”
กรี๊ด! เสียงกรีดร้องของคุณพริ้มดังก้องเรือน ตามมาด้วยเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด ทว่าโทษโบยร้อยทีนั้นรุนแรงนัก คุณพริ้มสลบไปถึงสามคราถูกน้ำเกลือสาดไปถึงสามหนจึงรับโทษครบ ยามที่กลับถึงหอนอนก็ล้มป่วยหนักสามวันต่อมาก็ตกตายไป
“คุณพริ้มตายไปเยี่ยงนี้ ท่านเจ้าคุณศรีจะมิมาเอาความคุณหลวงรึ”
ทวนเอ่ยถามเสียงกังวล หลังจากที่เล่นรักกับผกากรองจนสุขสมไปหลายหน ผกากรองที่เปลือยกายเอนตัวกึ่งนั่งกึ่งนอนพิงอกแกร่งของทวนทาสหนุ่มร่วมเรือนแล้วยกยิ้มเย้ยหยัน
“ลูกสาวที่ลักลอบเล่นชู้จนถูกผัวโบยตาย หากใครรู้เข้าคงมีแต่จะอับอาย ไอ้พวกขุนนางใหญ่หน้าบางมิกล้ามาเอาความดอก”
“ก็จริงของเอ็ง”
ทวนเอ่ยคล้อยตามพลางสอดมือกอบกุมอกอวบอิ่มทั้งสองข้างของผกากรอง ก่อนจะขยับกายจับร่างในอ้อมแขนโน้มตัวคุกเข่าบนแคร่ไม้ไผ่ เสียงลมหายใจหอบกระเส่าเบาอยู่ในกระท่อมเล็กอันเป็นรังรักลับของผกากรองแลทวน จวบจนสุขสมพอใจทั้งสองคนก็แยกย้ายออกมาราวกับมิมีสิ่งใดเกิดขึ้น
ยามสิ้นคุณพริ้มบนเรือนใหญ่ก็มีเพียงผกากรองที่คอยดูแลจัดการทุกสิ่ง แม้มิได้ตบแต่งยกย่องเป็นเมียกลางเมือง ทว่าก็มีอำนาจมิต่างกันยิ่งยามนี้หลวงโยธาธิบาลได้อวยยศเป็น พระธรรมการบดี ผกากรองก็วางตัวราวกับตนเป็นคุณหญิงของเรือนเสียเอง ริมฝีปากเล็กยกขึ้นอย่างลำพองใจ
ภายหน้าจะมีวาสนาเป็นเมียขุนนางใหญ่ คำทำนายนี้ของพระท่าน ดูแล้วมิผิดไปเลยแม้แต่น้อย
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 15 : สิ้นรักไร้สวาท (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 14 : ทำหน้าที่เมีย (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 14 : ทำหน้าที่เมีย (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 13 : เล่ห์มารยา (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 13 : เล่ห์มารยา (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 12 : มีเงินท่วมหัว มิเท่ามีผัวพระยา (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 12 : มีเงินท่วมหัว มิเท่ามีผัวพระยา (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 11 : ยวนสวาท (3)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 11 : ยวนสวาท (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 11 : ยวนสวาท (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 10 : ยั่วราคะ (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 10 : ยั่วราคะ (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 9 : เปื้อนราคี (3)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 9 : เปื้อนราคี (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 9 : เปื้อนราคี (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 8 : กลรักดอกแก้ว (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 8 : กลรักดอกแก้ว (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 7 : เล่ห์ร้ายผกากรอง (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 7 : เล่ห์ร้ายผกากรอง (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 6 : เพลิงริษยา (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 6 : เพลิงริษยา (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 5 : ไฟรัญจวน (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 5 : ไฟรัญจวน (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 4 : อวลกลิ่นดอกแก้ว (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 4 : อวลกลิ่นดอกแก้ว (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 3 : กรุ่นกลิ่นผกากรอง (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 3 : กรุ่นกลิ่นผกากรอง (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 2 : ดวงบริพัตร (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 2 : ดวงบริพัตร (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 1 : ดวงกาลกิณี (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 1 : ดวงกาลกิณี (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว : บทนำ