ข้ามเมฆา และนางเอก ‘บ้านๆ’ นาม “สีทับทิม”
โดย : กฤษณา อโศกสิน
“หลังม่าน” คอลัมน์ที่จะบอกเล่าถึงชีวิ
วันใดวันหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน ฉันบังเอิญได้พูดคุยกับผู้ใหญ่ผู้มีประสบการณ์มากมาย ท่านจึงเอ่ยถามฉันว่า ไม่คิดจะเขียนเรื่องบ่อนการพนันบ้างดอกหรือ ชวนให้นึกถึง ‘เวิ้งระกำ’ ขึ้นมา ก็เลยตอบท่านว่า เคยเขียนไว้แล้วเรื่องหนึ่ง แต่ก็ไม่ถึงกับลึกซึ้งมากมาย แค่มีผู้มาเล่าให้ฟังถึงแม่ผู้หนึ่งซึ่งมีลูกชายสุดที่รักติดการพนัน เสียเงินส่งไปเรียนอเมริกา แต่กลับได้เมียหนึ่งลูกหนึ่งกับพฤติกรรมล้างผลาญอันเกิดจากเสียการพนันจนหมดตัวมาฝากแม่ จนแม่ผู้ทำงานหนักก็แทบกระอักออกมาเป็นโลหิต…ครั้นกลับถึงเมืองไทยก็ยังมาเข้าบ่อนที่นี่อีก ดังนั้น ส่วนใหญ่ของเนื้อหาจึงเดินไปพร้อมชีวิตของมารดากับลูกเมียตัวการใหญ่มากกว่าบรรยายเรื่องบ่อน
แต่มาคราวนี้ กลับมีผู้นำความปรารถนาใหม่เอี่ยมมาป้อนฉันอย่างน่าสนใจจนถึงแก่บอกกล่าว
‘ถ้าอยากเขียน ก็จะให้เบอร์โทรเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้คนหนึ่งไว้เลย…แล้วคุณติดต่อขอความรู้จากเขาเอาเอง บอกเขาก็ได้ว่าใครแนะนำมา ผมเองก็จะบอกเขาเหมือนกันว่า คนที่โทร.มาคือใคร’
จึงเป็นอันว่า ฉันลงมือหาวัตถุดิบได้นับแต่ชั่วโมงนั้น
ครั้นแล้ว นักเขียนก็รีบโทรศัพท์ถึงเจ้าพ่อทันใดด้วยความใจร้อน
แต่เสียงที่ผ่านมาทางสายกลับมิได้ร้อนเช่นฉัน ขณะแนะนำตนเอง
“ผมทราบแล้วครับ” เขาคงรออยู่แล้วเช่นกัน
ฉันก็เลยบอกกล่าวว่าจะขอรบกวนส่งเด็กมาสัมภาษณ์เขาเรื่องบ่อนการพนันที่คราวนี้ฉันจะเขียนอย่างละเอียดเพราะมีเนื้อเรื่องเต็มเหยียดอยู่ในกำมือพร้อมแล้ว เพียงแต่ขัดข้องที่ไม่มีความรู้เพราะไม่เคยเป็นนักเล่น…ก็เท่านั้น
ดูเหมือนเขาฟังแล้วจะขำนิดๆเหมือนกัน หากก็อนุญาตให้ฉันส่งคนไปพบกับคนสนิทของเขาที่คลับแถวพัฒน์พงษ์ได้ทันที
ฉันก็เลยบอกว่าเด็กที่ฉันจะส่งไปผู้นี้เป็นหญิงสาว ไม่ทราบจะปลอดภัยหรือไม่
เขาก็คงขำอีกแล้ว เพราะได้ยินเสียงกลั้วหัวเราะผ่านมา
“รับรองเลยครับ ทุกอย่างปลอดภัย ผมจะสั่งให้คนของผมต้อนรับคนของคุณอย่างดี”
แล้วก็แค่นั้น
ค่ำวันรุ่งขึ้น หญิงสาวผู้บังเอิญเข้ามารับหน้าที่หาข้อมูลนวนิยายบางเรื่องให้ฉัน จึงตรงดิ่งไปพัฒน์พงษ์ตามนัดหมาย
ภายในสัปดาห์เดียวกัน ฉันก็ได้เอกสารเป็นตัวพิมพ์เรียบร้อยว่าด้วยรายละเอียดเรื่องบ่อนมาส่งให้
แถมยังชมเชยอีกด้วยว่า ผู้ช่วยของเจ้าพ่อให้ความอนุเคราะห์เธอเป็นอย่างดี เพราะเขาเองก็เคยถูกผีการพนันเข้าสิงจนสิ้นลูกเมียครอบครัวไปนานแล้ว บัดนี้เขาจึงกลายเป็นผู้คลาดแคล้วจากปีศาจตัวนั้น จึงยินดีถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดบางประการให้นำไปเขียน
โดยพลัน ดวงเทียนที่ฉันรับมา กลับกลายเป็นแสงไฟฟ้าส่องสว่าง พรายพร่างงดงาม
นาม ‘ข้ามเมฆา’ ผ่านเข้ามาทันใด พร้อมนางเอก ‘บ้านๆ’
ช่วยให้ฉันตั้งชื่อคนสำคัญได้ทันทีว่า ‘สีทับทิม’
นั่นก็เนื่องด้วยเรื่องราวของหญิงผู้นี้มีอยู่ในพล็อตที่ค้างไว้ จึงไม่รู้สึกยากเย็นแต่อย่างใดในการขึ้นต้นเรื่องว่า
‘สีทับทิมไม่เคยคิดไม่เคยฝันมาก่อนเลยว่า ด้วยความทะเยอทะยาน 3 อย่างที่ตั้งไว้นับแต่เริ่มรุ่นเป็นต้นมา จะชักพาตนเองมานั่งลอยหน้าเคียงคู่อยู่กับชายผู้หนึ่งซึ่งวันทั้งวันไม่ยอมทำมาหากิน นอกจากพาหล่อนลอยชายไปมา ที่ที่แวะมากที่สุดก็คือบ่อนการพนัน’
แต่ก่อนที่ฉันจะพาหล่อนมาเข้าฉาก ฉันก็ต้องขอให้หล่อนสัญญา
“เธอจ๋า…สีทับทิมของฉัน ระหว่างที่เธอนั่งนอนอยู่แถวบ่อนการพนันพร้อมหน้ากับแฟนเธอไม่ว่าหนุ่มหรือแก่นี่น่ะ…เธออย่างอแงเป็นอันขาดนะ…ขอให้เข้าใจไว้ว่า เรื่องบ่อนนี่ จะมาทำเหยาะแหยะขี้แยไม่ได้เป็นอันขาด พวกหน้ามืดมันรำคาญตาย เดี๋ยวก็เลยหันมาทำพิษเอากับผู้กำกับ…ฉันยิ่งไม่เคยทำเรื่องพรรค์นี้อยู่ด้วย”
“รับรองค่ะคุณ” หญิงสาวสวยวัย 23 ปี รับปากอย่างกระปรี้กระเปร่า “หนูเพิ่งอ่านบทเสร็จเดี๋ยวนี้เอง ถึงหนูจะไม่ชอบการพนันเลย แต่ก็ทำไงได้ล่ะคะ ในเมื่อ…อืมม…หนูเองก็อยากได้คู่รวยๆ”
“รวย…แต่ก็…ร้ายน่ะเหรอ” ฉันก็เลยล้อหล่อนหน่อยๆ “เอาละนะ…ในเรื่องนี้…ฉันก็ทำให้เธอรู้สึกตั้งแต่ต้นแล้วไง…ว่าควงกับลูกคนรวยแต่ไม่เอาถ่าน มันทรมานขนาดไหน”
สีทับทิมก็เลยหน้าเศร้า
“แต่ก็เอาละค่ะคุณ หนูจะเล่นให้เต็มที่”
ครั้นแล้วฉันก็เริ่มกำกับการแสดงที่คนในฉากมีเพียงสาม คือเรโช ตัวการผู้เป็นลูกชายนักการเมืองท้องถิ่น มีอิทธิพลคับบ้านคับเมืองเวลานี้ จึงมาฉกฉวยสีทับทิม นางเอกของฉันผู้เป็นลูกแม่ค้าพ่อค้า ขายจำพวกปลาเค็ม พริก กะปิ หอม กระเทียม และอีกนานาที่ต้องใช้ปรุงกับข้าวที่ตลาดสด มีลูกชายหญิงตั้ง 6 คน สองคนสุดท้ายนามบุษรี และสีทับทิม
กับลูกผู้พี่ กำพร้าที่นางสนิทแม่ของนางเอกเลี้ยงดูมาจนเขาโตเป็นหนุ่มฉกรรจ์สูงใหญ่ เรโชผู้เอาใจสีทับทิมก็เลยขอเขามาเป็นคนขับรถ พาหนุ่มสาวไปเข้าบ่อนไปแวะนอนด้วยกันตามโรงแรมรายวัน
รวมทั้งกำลังจะไปลงเรือเดินสมุทรที่มี ‘เจ้ามือ’ ซื้อบัตรโดยสารเตรียมไว้ให้
เจ้ามือนามว่า ‘คุณซอ’
นัยว่าชายวัย 55 ปี ผู้นี้เป็นเจ้าของกิจการหลากหลายทั้งในพระนครและต่างจังหวัด…นั่นก็คือ จังหวัดบ้านเกิดของทั้งเขา เรโช สีทับทิมและแล่น
แท้จริงแล้ว ฉันคงต้องกระซิบเบาๆกับผู้อ่านทั้งหลายว่า
‘เขาคือวิญญาณจำลองของเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้นั่นเอง’
ถึงอย่างไร ฉันก็ต้องพาเขามาเข้าฉากในฐานะผู้ให้ความรู้เรื่องบ่อนจนได้ เพื่อตอบแทนน้ำใจอันดี
เท่ากับสอนให้ฉันเรียนรู้เรื่องแปลกๆ แล้วนำมาโปรยปราย ให้ผู้ยังไม่รู้ได้เข้าใจ
แต่ขอร้องอย่างเดียวว่า ‘ต้องไม่ทำตาม’
แค่เก็บไว้เป็นความรู้เท่านั้น
จะได้ซาบซึ้งในชั้นเชิงนักพนัน
ครั้นแล้ว จึงมาถึงวันไปสนามบินสุวรรณภูมิ ขึ้นเครื่องบินไปลงเรือเดินสมุทรหรือเรือสำราญที่สิงคโปร์
ที่ที่คุณซอผู้อุปถัมภ์รายการรอคอยอยู่ตรงนั้น
‘สีทับทิมเคยรู้จักคุณซอมาก่อนตอนไปเข้าบ่อนที่ชายแดนไทย-พม่า และชายแดนไทย-กัมพูชา’
ลืมเล่าไปว่า ฉันเองก็เคยไป ‘ดูงาน’ เป็นเรื่องเป็นราวที่บ่อนชายแดนไทย-กัมพูชา
ดังนั้นจึงเก็บรักษาภาพบ่อนไว้เป็นการบ้าน เมื่อถึงคราวต้องนำมาใช้ จะได้ใช้งานสมความปรารถนา
ครั้นมาถึงบัดนี้ ฉันก็ใกล้จะได้ใช้งาน
แต่ขอไปบ่อนภายในเรือสำราญก่อนอื่นใด เนื่องด้วยภายในเรือท่องเที่ยวทุกลำ จะมีบ่อนการพนันประจำเรือเป็นธรรมเนียม
จึงเพียงแต่ก้าวออกจากด่าน ทั้งสามก็แลเห็นคุณซอกับโกบีคนสนิทยืนยิ้มรออยู่ก่อนแล้ว
‘คุณซอในวัยห้าสิบห้าปี มีบุคลิกไม่ธรรมดา…ฉันบอกบทไว้อย่างนี้…สีทับทิมสังเกตเห็นมาพักใหญ่แล้วว่า บุรุษวัยกลางคนผู้นี้เหมาะจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ไม่สาขาใดก็สาขาหนึ่ง เนื่องด้วย เขาผึ่งผายไหล่หนา ดวงหน้าไม่เชิงกลมไม่เชิงเหลี่ยม ไม่เชิงรี เหมือนสีที่ผสมจนออกมาลงตัวด้วยผิวค่อนข้างขาว จมูกใหญ่ แก้มอิ่ม นัยน์ตาเล็ก หนังตาหนาก็จริง แต่สิ่งที่เป็นประกายเฉียบแหลมอยู่ระหว่างเปลือกตาบนและล่าง ดูพร่างพรายด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญชั้นเชิง’
แท้จริงแล้ว นี่ก็คือภาพจำลองของ ‘เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้’ ในสายโทรศัพท์ที่ฉันคิดเอาเองทั้งเพ
โดยนำ ‘คำทำนายลักษณะบุคคล’ มาสอดแทรกไว้
“ว่าไง คุณสี สบายดีนะ คุณเรน่ะ ไม่ต้องถามก็ได้มั้ง สบายทุกนาทีทุกวินาทีอยู่แล้ว” ฉันบอกบทให้คุณซอทักทาย เพื่อผู้ชมจะได้เห็นรายละเอียดของทั้งสาม
“ไม่สบายก็ตรงเสียไพ่นี่แหละอา” ชายหนุ่มวัย 35 ผู้ยังไม่เป็นเนื้อเป็นตัวบอกกล่าว
ผู้ถูกเรียกว่า ‘อา’ เพียงแต่พยักหน้าอย่างไม่เห็นเป็นเรื่องใหญ่
เสียไพ่น่ะหรือ…สิบยี่สิบล้านสำหรับเขานั้นเรื่องเล็ก ขณะที่ห้าหมื่นย่อมเรื่องใหญ่สำหรับผู้ที่ต้องขอเงินพ่อแม่ใช้
ดูเอา…แค่บอกบท ผู้กำกับก็ยังหน้ามืด สมองทึบขึ้นมาแล้วเลย
แต่แม้จะเคยหรือไม่เคยเล่น ก็จำเป็นจำยอมพร้อมพรักต่อการผลักดันทุกตัวละครให้ยอกย้อนเรื่องพนันกันสืบไป
หันไปชมโรงแรมระดับหรูกลางใจเมืองสิงคโปร์กันดีกว่า มีถึง 57 ชั้น
ครั้นแล้วคุณซอก็ต้องคอยปรนเปรอสีทับทิมให้คลายเหงาขณะที่เรโชจากไปเข้าบ่อน
ณ บัดนี้ ฉันจำต้องเปลี่ยนรูปแปลงร่างจากผู้ออกแบบการแสดง เป็นบรรยายขั้นตอนการพนันภายในบ่อนชั้นหรู โดยคุณซอพาสีทับทิมไปหยอดเหรียญแค่สล็อตแมซีน
เสียเงินเบ็ดเสร็จ 500 บาท ก็เสียดายแทบตาย
มากับคุณซอเที่ยวนี้ กินฟรี ลงเรือฟรี ทุกอย่างฟรี
แต่สีทับทิมจะเป็นสุขก็หาไม่…จนคุณซอสังเกตเห็น
ชั่วโมงถัดมา คุณซอก็พาทุกคนไปลงเรือสำราญที่จะออกเดินทางไปภูเก็ต จองห้องแกรนด์ สวีต ให้ทั้งคู่ นอนด้วยกันอย่างรู้ไส้เป็นอันดี
ให้โกบีกับแล่นอยู่ชั้นล่าง
“คนแก่ชอบลงเรือ” คุณซอหันมาบอกยิ้มๆ เมื่อได้ฟังหญิงสาวบอกกล่าวว่า ตลอดชีวิตไม่เคยไปกับเรือเดินสมุทร คุณซอก็เลยเล่าถึงภรรยาของเขาว่า “ไม่ชอบทั้งลงเรือและขึ้นเครื่องบิน เวลานี้ก็นั่งรถเข็นแล้ว…ฝ่ายลูกชายสามคน มีคนเดียวที่อยู่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ของผม อีกสองคนปลีกตัวไปทำงานกับบริษัทอื่น ซึ่งผมก็ไม่ว่าอะไร…คือเราก็ยึดหลักทำอะไรต้องทำแล้วมีความสุขเหมือนกัน ก็เลยเข้าใจ…”
ที่จริง สีทับทิมก็รู้จักครอบครัวของคุณซอมายาวนาน นั่นก็คือ รกรากดั้งเดิมเขาก็เกิดและเติบโตขึ้นมาในจังหวัดเดียวกับหล่อนและเรโชนั่นเอง มิใช่คนแปลกหน้าแต่อย่างใด จะเรียกว่าเคยมี ‘เสื่อผืนหมอนใบ’ ก็อาจเรียกได้เต็มปาก
แต่ด้วยความมานะบวกกับนิสัยอันดี แม้เริ่มต้นด้วยทำรถเข็นขายก๋วยเตี๋ยวขึ้นมาตรงย่านกลางใจเมือง วันเวลาต่อมาก็ยิ่งมีลูกค้าคับคั่ง ทั้งข้าราชการ ทหาร ตำรวจ นักการเมือง นักท่องเที่ยว ต่างก็ทยอยกันมาอุดหนุนจนพ่อแม่ ตัวเขา น้องชายน้องสาวกลายเป็นที่รู้จักของชาวเมือง
สืบมาจากนั้น เจ้าของที่ดินข้างๆก็มาบอกขายบ้านหลังใหญ่พร้อมที่ดินแค่ 80 ตารางวา คุณซอจึงไปกู้เงินธนาคารโดยนำที่กับบ้านไปจำนอง นำเงินมาตกแต่งบ้านให้กลายเป็นที่พักแรมเล็กๆราคาย่อมเยา มอบให้น้องสาวน้องชายเป็นผู้ดูแล
จากที่และบ้านที่ให้เช่าในราคาไม่แพง ก็เริ่มไม่พอแก่การต้อนรับ บวกกับร้านก๋วยเตี๋ยวก็แน่นขนัดด้วยลูกค้า ยืนต่อแถวกันจนเลื้อยออกไปถึงถนน คุณซอจึงเริ่มปรุงปนอาชีพ ให้พลิกแพลงไปได้หลายทาง เพราะเริ่มกว้างขวางได้ที่
อาชีพแรกก็คือ ‘จังเก็ต’ ต่อจากนั้นก็เขยิบไปลงทุนทุกสาขาโดยใช้นักการเมือง นายตำรวจ นายทหาร ข้าราชการระดับสูงเป็นผู้สนับสนุนแบบ ‘ยื่นหมูยืนแมว’
ครั้นแล้ว ณ บัดนี้ จึงมีร่างของคุณซอผู้ก่อกายจากมือเปล่า กลายเป็นผู้มีอิทธิพลอยู่ ‘หลังม่าน’ ในแทบจะทุกน่านน้ำและน่านฟ้า
พาเรโชมาเล่นพนันทั้งบนเรือสำราญ ทั้งบ่อนการพนันทุกสาขา แบบไม่อั้น
นั่นก็เนื่องด้วยมีนายชัน บิดาของเรโชผู้มีอิทธิพลคับจังหวัด เป็นผู้มีส่วนแบ่งอยู่เบื้องหลัง
บนเรือสำราญที่กำลังออกเดินทางจากสิงคโปร์สู่ภูเก็ตคืนนี้ คุณซอจึงทำหน้าที่ตามเคยของเขา นั่นก็คือจ่ายเงินให้เรโชไปเล่นบาคาร่า
แล้วค่อยนำไป ‘หัก’ จากบริการที่ให้นายชัน พ่อของเรโชทีหลัง…เช่นเดียวกับรวยต่อรวยที่ถ้อยทีถ้อยจ่ายแทนกัน
ผลประโยชน์มหาศาลที่เอื้อกันอยู่ ก็หักหนี้เล็กน้อยได้ภายในพริบตา
เฮ้อ…ฉันแอบถอนใจใส่หน้าคุณซอเป็นบางนาที
ฝ่ายคุณซอก็เลยยิ้มนิดๆ
‘ก็ดีแล้วไง ในเมื่อคุณอยากเขียนเรื่องพวกนี้นักก็…แล้วจะยังมาทำเก่งอีกตังหาก’ ชายวัยห้าสิบห้าอัชฌาสัยดีสัพยอก…แต่ออกอาการสมน้ำหน้า…เห็นได้ชัดจากแววตาของเขา
‘คุณแสดงเก่งมาก…ยกนิ้วให้เลยละ…มองเผินๆจะไม่มีใครรู้เลยว่า คุณพกเอาเลศเล่ห์กระบุงโกยมาเป็นของคุณได้ทุกที่ทุกเวลา…ในรูปร่างของนักบุญ’
‘ฮ่าฮ่าฮ่า’ คุณซอหัวเราะออกมาทันใด ‘ดีแล้ว…คุณจะได้ฉลาดซะมั่ง…รู้ไว้ด้วยว่า ซื่อเซ่อเป๋อเหลออย่างคุณน่ะ มันใช้ไม่ได้’
‘แต่ฉันร้ายนะ’ ฉันก็เลยข่มขวัญ
‘ถึงยังไงก็ขอบคุณคุณมากที่มอบให้ผมเป็นคนคอยดูแลสีทับทิม…ผมสงสารแฟนเจ้าเรโชคนนี้ชะมัดเลยละครับ’
ว่าแล้วเขาก็กลับไปเข้าฉากที่กำลังเปิดกว้าง หลังจากพาเรโชไปส่งที่โต๊ะบาคาร่า จนกระทั่งพาสีทับทิมไปหยอดสล็อต ครั้นแล้วจึงพาหญิงสาวไปเลือกสินค้าที่ห้องขายของปลอดภาษี
แต่สีทับทิมก็ไม่ยอมใช้เงินของเขา
‘หรือจะไปดูระบำท้ายเรือก็ได้ หรืออยากเข้าสปาก็มี เข้าห้องนวดก็ไม่ขัด’ คุณซอเอาใจหล่อนตามบทที่ฉันแจกไว้
ตัวผู้กำกับเองนั่นสิที่เหนื่อยยาก ครั้นจะนั่งลงกอดเข่าหมดแรง ก็คิดขึ้นมาได้ว่าตัวเองมีหน้าที่ใด
ในเมื่อยังมีตัวละครของฉันถึงสองตัว หญิงผู้เยาว์คนหนึ่ง ชายแก่คร่ำโลกอีกผู้หนึ่ง ซึ่งมีจุดหมายปลายทางคนละฟาก…คนแรก…อยากเป็นเทพธิดางามพร้อม ส่วนอีกคนมีอาชีพปลอมกายเป็นผู้คอยแต่บริจาค หากแท้จริง รอเก็บผลกำไร…แต่ก็ลงลึกอย่างคนใจกว้าง…แบบ…หมูไปไก่มา
เฮอ…กำกับแสนยากเย็นกระไรเช่นนี้
แม้ฉันจะเคยผ่านคนหลายหน้าในจินตนาการมาแล้วก็ตาม
แต่ความยากจากการปรุงแต่งชายสูงวัยผู้หนึ่งให้ขึ้นถึงนักบุญและคนบาป ก็ช่างเป็นความสามารถที่เหลือเชื่อ
แม้กระนั้นก็จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อฉันจำเป็นต้องรักษาความเป็น ‘มนุษย์เกลือ’ ของตนเองไว้ โดยสาดใส่ความเค็มเป็นระยะ เพื่อสู้กับกาสิโน ฉันจึงต้องโชว์ให้ผู้ชมแลเห็นว่าฉันทำได้
หากในที่สุด เงินที่คุณซอให้ไป ก็ถูกเรโชละลายไปในบ่อน เดินคอตกกลับมา คุณซอก็ต้องจ่ายเงินซื้อชิพให้อีกสองหมื่น
สีทับทิมเห็นแล้วถึงกับกลืนน้ำตา เริ่มรู้สึกขึ้นมาทุกขณะว่า บัดนี้ ตนเองกำลังตกอยู่ในกองเพลิงกาฬที่เผาไหม้ตั้งแต่ขนทุกเส้นจนลามเร้นเข้าไปในทุกมิติขององคาพยพ
จึงถามขึ้นว่า
“พี่เร เมื่อไหร่พี่จะเลิกเล่น แล้วมาทำงานทำการเป็นหลักแหล่งเสียที สีเริ่มเบื่อพี่แล้วนะ อย่าให้เบื่อมากจนทนไม่ไหวดีกว่า เพราะถึงวันนั้นเมื่อไหร่ สีก็จะขอตัวลาพี่ไป”
ฉันเองที่ทนนายเรไม่ไหว
เลยให้นางเอกยื่นคำขาดให้มันรู้แล้วรู้รอดกันไป
เนื่องด้วยถึงเวลาแล้วที่ฉันจะต้องฟาดฟันหมอนี่ให้บรรลัยไปคาดาบ
โอย…ทีนี้ เจ้าตัวผู้เกลือกกลั้วอยู่กับอบายมุขตลอดมา พลันผุดลุกขึ้นส่งเสียงกระชาก
“นี่เธอพูดถึงอะไรฮะสี”
นางเอกของฉันก็เลยทวนให้ฟัง
“แล้วถ้าฉันไม่เลิกล่ะ”
อีกฝ่ายยังไม่ทันตอบก็พอดีคุณซอมากดกริ่งจะพาไปกินอาหารเย็น
ก็เลยจำเป็นจำใจต้องรับฟังเสียงสะอื้นกับเสียงตะคอก
“ทะเลาะกัน ก็มันอยากบอกเลิกผมทำไมล่ะ” ฝ่ายเกเรบอกกล่าว
นางเอกก็เลยสวนเข้าไป
“ถ้างั้นสีก็ไม่ไปละ งานดินน่งดินเน่อร์ ขอแต่ได้ไปจากตรงนี้ ไปอยู่ตรงไหนก็ได้”
“งั้นเอางี้ไหม” คุณซอเองก็มีไม้เด็ด “คุณสีไปนอนห้องผม แล้วผมมานอนกับคุณเร”
ชายติดบ่อนฟังแล้วก็แทบจะเอาหมอนปาหน้าชายสูงวัย
ครั้นแล้ว ฉันก็จัดแจงให้เรโชแยกทางไปจากสีทับทิมท่ามกลางความเจ็บแค้นของเจ้าตัวโดยมีคุณซอเป็นคนกลาง รู้ตื้นลึกหนาบางทั้งในเรือและบนบก จนกระทั่งส่งคู่ชกถึงบ้านของแต่ละฝ่าย
หากคุณซอก็คาดคั้นเอาความจริงใจ
“ว่าแต่ว่าสีแน่ใจหรือว่าจะเลิกกับเขาแน่”
ครั้นนางเอกตอบว่าแน่ คุณซอจึงบอก
“ถ้าแน่ใจ ผมก็จะหางานที่ได้เงินมากให้ทำเพียงแต่สี จะไม่รังเกียจมันเกินไปเท่านั้น”
ผู้ชมก็คงเห็นเค้าลางเป็นอย่างดีแล้วว่า ผู้กำกับจะหาทางไปแบบใดให้นางเอก
ก่อนอื่น ก็ต้องถูกใครคนหนึ่งคายสันดาน
นั่นก็คือ เรโชส่งชายฉกรรจ์มาสองนายในวันรุ่งขึ้น
เพียงแต่เด็กรับใช้เปิดประตู ชายทั้งคู่ก็ก้าวเข้ามา ทำทีท่าว่ามีจดหมายจากคุณซอ
แต่ที่ไหนได้ นางเอกของฉันกลับถูกฉุดกระชากลากถูจนแข้งขาถลอกปอกเปิกฟกช้ำ เนื่องด้วยถูกหมัด ชายฉกรรจ์ทุบถอง ครั้นได้ยินเสียงร้องของทั้งสีทับทิมและเด็กรับใช้ มันทั้งคู่ก็เลยโจนขึ้นจยย.หายไป
สมกับที่คุณซอเตือนไว้เมื่อวานว่า ขืนอยู่ที่นี่ต่อไป สีทับทิมจะไม่ปลอดภัยอย่างยิ่ง
เพียงไม่กี่ชั่วโมง เรื่องจริงก็มาปรากฏ
ในที่สุด คุณซอก็พาสีทับทิมและแล่นจากต่างจังหวัดสู่กรุงเทพมหานคร มาพักบนคอนโดมิเนียมชั้น 16 แห่งหนึ่ง ที่แสนกว้างขวางสุขสบาย มีห้องเล็กให้แล่นอยู่เป็นบอดี้การ์ดของน้องสาวราวเนรมิต
โดยจะฝากงาน ‘จังเก็ต’ ให้พี่ชายเข้าไปรับจ้าง มีน้องสาวเป็นคนทำบัญชี
แม้ว่าแล่นจะกังขา
“แล้วผมจะไปหาลูกค้ามาจากไหน”
คุณซอก็ตอบแค่ง่ายๆ
“เถอะน่ะ แล้วก็หาได้เอง” พร้อมกับบรรยายให้อีกฝ่ายได้รับรู้ถึงคุณสมบัติของผู้ที่ควรจะได้รับเลือกเป็น ‘จังเก็ต’ “แต่คนธรรมดาไม่สามารถเป็นได้ เพราะจังเก็ตต้องเป็นคนบริสุทธิ์ ต้องมีอิทธิพล เครดิตดี คนเชื่อถือ แล้วก็ต้องรวย ต้องกว้างขวาง ถ้าถามว่าในเมื่อพี่แล่นไม่มีคุณสมบัติที่ว่านี้ จะเป็นได้ไหม
เป็นได้ ถ้านายซออยากให้เป็น”
เห็นหรือยังว่า บัดนี้คุณซอคือใคร
จากเสื่อผืนหมอนใบจริงๆนา ไม่ใช่ล้อกันเล่นๆ
“แต่สีต้องพักก่อน รอให้ร่างกายอยู่ในสภาพดีก่อน แล้วเราค่อยเริ่มงาน”
นักแสดงที่เล่นเป็นคุณซอก็เก่งมหากาฬจริงๆ ทุกอิริยาบถทุกถ้อยคำและแววตาจะต้องทิ้งวี่แววลวดลายนักพนันอันดับหนึ่งไว้ในทีในท่า
“คราวนี้จะพาไปมาเก๊า…หมายความว่า จังเก็ตที่ว่านี้ทำเหมือนแพ็กเกจทัวร์ เพียงแต่เป็นทัวร์การพนัน…พาคนไปเล่นการพนันอย่างเดียว”
ฉันเองยังเสียวไส้แทนตัวเองรำไรขึ้นมา…อัลลั่ลล้า ลั่ลล้า…
เพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่า…หาควรทำงานยากถึงเพียงนี้ไม่
แม้จะไม่ยากสำหรับผู้พูด แต่ก็ยากที่สุดสำหรับสีทับทิมและแล่น จนผู้มาคอยดูแลน้องสาวครางออกมา
“ไปไกลถึงมาเก๊าเชียวหรือครับ”
อีกฝ่ายได้แต่ยิ้มเย็นๆ…ฉันเขียนถึงเขาว่าเช่นนี้
‘เห็นได้ชัดว่าธาตุแท้ของเขาสุขุม คิดอ่านการณ์ต่างๆอย่างรอบคอบ ตีกรอบทั้งการงานและการเงินให้เดินไปได้ทั้งในและนอกประเทศโดยบัดนี้ไม่กลัวล้ม จึงต้องเป็นผู้อุดมด้วยปัญญา ที่สำคัญก็คือ เมื่อสัมผัสดวงหน้า และท่าทีของบุคคล เขาจะล่วงรู้ว่าคบได้หรือไม่
สอนได้ฝึกขึ้นหรือต้องคัดออก”
เห็นหรือไม่ว่า… ‘ความเป็นคุณซอ’ ลอกเลียนใครไม่ได้
ณ เวลานี้ เขาแลเห็นทีท่าของพี่แล่นและหล่อนชัดเด่น จึงไม่เป็นปัญหาให้ข้องใจ
“คุณก็รู้อยู่แล้วไม่ใช่หรือสี พี่แล่น ว่าผมไม่ชอบเกี่ยวข้องกับตำรวจไทย”
คุณซอเอ่ยพลางยิ้มมุมปากนิดหนึ่ง เป็นยิ้มที่ผู้กำกับมิวายนึกชม…ว่า…เขายิ้มน่ารักและน่ากลัวเก่งขึ้น…ค่อยๆเก่ง
นั่นก็เพราะ คุณซอมีหัวใจอีกดวงหนึ่งซ่อนอยู่
ก็ฉันยังถามเขาเลยก่อนเข้าฉาก
‘น้องแน่ใจนะว่าน้องถอดวิญญาณคุณซอออกมาได้’
นักแสดงจึงตอบผู้กำกับอย่างมั่นใจ
‘ได้แน่นอนครับพี่ ไม่ต้องห่วง’
ครั้นแล้ว บัดนี้ เขาก็ทำได้…ทำให้เห็นเต็มตา
โกบีเคยบอกแล่นเสมอว่า…คุณซอใจดี…ใช่…ใจดี…เขาเชื่อ
หากบัดนี้ก็เชื่ออีกเหมือนกันว่า
คุณซอใจดีอย่างมีดปลายแหลมที่ยังสอดใส่อยู่ในฝัก
พลางเขาก็บรรยายต่อไป
“ส่วยเป็นเรื่องที่แยกไม่ออกจากธุรกิจการพนัน คุณรู้ไหมว่า บ่อนจะต้องจ่ายให้ตำรวจกับคนของรัฐที่มีอำนาจควบคุมอะไรต่างๆทั้งฝั่งนี้ฝั่งโน้นเท่าไหร่”
กำกับมาถึงตรงนี้…ฉันก็เลยขนลุกขนพองเสียวไส้ขึ้นมาจนได้
ไม่น่าเลยที่ฉันจะระห่ำลำหักปักใจว่าต้องเขียนนวนิยายเช่น ‘ข้ามเมฆา’
ที่ฉันหยอดแต่ละประโยคไว้จนตนเองก็มิวายตกใจ
“เรื่องรับส่วยนี่ เรากับที่อื่นไม่เหมือนกัน บางประเทศติดชายแดนไทย เขารับส่วยกันบนโต๊ะอย่างเปิดเผย…แต่พอมาถึงเจ้าหน้าที่ไทยเรา เขารับส่วยแบบสอดมือลงไปรับใต้โต๊ะ…หมายความว่า…ทุกอย่างต้องแลกกับการอำนวยความสะดวก หน่วยงานไหนไม่ได้ส่วย ก็มักหาทางปิดเอาดื้อๆ
ผมก็เลยเอือมกับธุรกิจบ่อนชายแดน”
หากคุณซอก็เล่าต่อไป…ซึ่งฉันจะไม่บรรยายให้มากความ
เพียงแค่นี้ก็เสียวสันหลังแทบแย่
แล้วก็อีกอย่าง
นวนิยายเรื่องนี้ ฉันเขียนก่อน พ.ศ.2560
วันเวลาผ่านไป 5 ปี มิรู้ว่าเหตุการณ์ชายแดนเกี่ยวกับบ่อน จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
“แล้วถ้าถามว่า ถ้ามีการเปิดบ่อนกาสิโนถูกกฎหมายในเมืองไทย ตัวเลขสัดส่วน ‘ส่วย’ ที่ต้องจ่ายจะลดลงหรือไม่”
คุณซอหรือที่แท้คือฉัน ขอทิ้งท้ายไว้เพียงนี้
เนื่องจากมีรายละเอียดอีกมากต่อมากจากหนังสือ แม้จะคือจุดสำคัญ แต่เมื่อเดินออกไปหน้าฉาก ตัวละครมีเวลาอันจำกัดจนต้องย่นย่อ
แต่รับรองว่าเพียงพอต่อความเข้าใจ
ในที่สุด ก็ได้เวลาเดินทางไปปอยเปต ที่คุณซอกะให้ไปชิมลางก่อนเดินทางไปมาเก๊า
ทั้งสองครั้ง ไปอย่างวีไอพี.
มีนักพนันที่เป็นนักธุรกิจไทยชั้นนำร่วมทางไปด้วยสี่คน
ฉันเองก็ต้องดั้นด้นแสวงหาความรู้เกี่ยวกับบ่อนมาบรรยาย เพื่อให้เท่าทันความเป็นไปในบ่อนต่างชาติทันสมัย เพียบด้วยความเข้าใจเรื่อง ‘หมดตัว’ กลับไป
แม้จะเศร้าแสนเศร้าแทนตัวละครเพียงไร ก็จำเป็นจำใจพาเรื่องราวไปให้ถึงฝั่ง จะมัวลังเลกับใครคนใดคนหนึ่งหรือพฤติกรรมอำพรางอย่างใดอย่างหนึ่งหาได้ไม่
แต่ตัวละครดีๆที่พลัดหลงเข้ามาในดงอบายดังเช่นสีทับทิมและพี่แล่น ก็ต้องคอยปลอบใจเขาเป็นระยะ บัญชาให้เขาทั้งคู่ต้อง ‘ปลง’ ให้ได้ อยู่ให้เป็น เย็นดังน้ำ
ไม่เช่นนั้น ตัวเขานั่นเองจะอันตราย
“ความหมดตัวของคนเราหมดได้หลายรูปแบบ ฉันให้สีทับทิมนึกไปคิดไป…หนูต้องคิดให้สุด รู้สึกให้ได้ ทำใจให้ครบนะหนูนะ”…ฉันกระซิบเบาๆอยู่ข้างหู… “ที่หนูคิดว่าสภาพของหนูขณะนี้ แม้ไม่เล่นการพนันก็นับได้ว่ากำลังจะหมดตัว…อะฮ้า…หนูคิดถูกแล้ว ถูกต้องตามที่เป็นไปและเป็นจริง
เพราะถึงอย่างไร ในที่สุดหนูก็ต้องตกเป็นเมียลับของคุณซออย่างไรเล่า”
ได้ยินฉันบอกกล่าวให้คุณซอลงเรือกอนโดลาในคลอง เมืองเวนิสที่บ่อนมาเก๊าจำลองมาสร้างทำแข่งกับลาสเวกัสแล้วใช่ไหม…ก็คุณซออีกนั่นเองที่จ้างนักดนตรีมาบรรเลงกล่อมใจ เพื่อให้ทั้งเขาและหนูตกอยู่ในอารมณ์สบายๆ ครั้นแล้วจึงชวนหนูออกไปตระเวนชมเมืองจนอิ่ม แม้ว่าบนเส้นทางที่รถแล่นไปจะต้องเจอ ‘คนไทยโดดตึกตาย’ เพราะเมื่อกี้เพิ่งหมดตัวจากบ่อนก็ตาม
ผู้ชมเองก็คงพลอยตื่นเต้นไปด้วยกับฉัน
ฉะนั้น การเล่น ‘อย่างฉลาด’ จึงต้องมี…สีทับทิมเริ่มคิดในใจ
วันรุ่งขึ้น คุณซอก็พาสีทับทิมเดินชมเมืองมาเก๊าโดยไม่มีแล่นและโกบี หากก็กลับโรงแรมโดยเร็ว พาหล่อนไปส่งถึงห้อง
แล้วเลยไม่ยอมกลับออกไป
ก่อนอื่นใด ก็ต้องใช้เวลาคุยกัน กินอาหารและจิบกาแฟที่สั่งพนักงานนำขึ้นมา
“รู้ไหมว่า ผมเพิ่งรู้สึกสบายมากก็ครึ่งวันนี่เอง”
ขณะที่เสียงไลน์ดังขึ้น ชายสูงวัยจึงเพียงแต่กดดู หากก็ไม่กดกลับ
เรโชนั่นเองที่ตามมาบอกว่า เขารู้แล้วว่าสีทับทิมอยู่กับคุณซอ
คงไม่มีสิ่งใดร้ายแรงเท่ากับถูกสะกดรอย
คุณซอจึงฉวยโอกาสปลอบโยน
“แต่คุณไม่ต้องกังวลอะไรให้มากหรอกนะสี เชื่อผมมั่งได้ไหมว่าเขาไม่มีน้ำยาอะไรมากกว่าคอยไลน์มาขู่”
แท้จริงแล้ว สีทับทิมก็อยากรู้เหมือนกันว่า
‘ตัวจริง’ ของคุณซอคืออย่างไร
ใจดีมีเมตตา คมในฝัก หรือคือเจ้าของธุรกิจบาปที่ใจบาปพอกันกับธุรกิจของเขา
“ถึงพ่อเขาก็เหมือนกัน คุณคิดว่าเขาพึ่งผมหรือผมพึ่งเขากันล่ะ”
“ก็ด้วยกันทั้งสองฝ่ายมังคะ” สีทับทิมก็เลยตอบออกไปเท่าที่เคยสังเกตมา “ทุกวันนี้ ทั้งนักการเมือง นักธุรกิจ หรือนักอะไรก็ตาม จะอยู่โดดเดี่ยวได้หรือคะ เพราะต่างฝ่ายต่างก็จะเอาประโยชน์ หวังประโยชน์”
“อือ…คุณคบกับเรโชนี่ก็ดีเหมือนกันนะ คบกับคนเลวนี่ก็ให้ประสบการณ์ดีเหมือนกัน”
“ดียังไงคะ ดีที่เขาส่งคนมาเตะต่อยสีจนน่วมน่ะหรือคะ”
“ก็ถ้าสีไม่เห็นธาตุแท้ที่สุดของเขา สีก็อาจจะใจอ่อนกลับไปดีอีกได้ไงล่ะ ผมหมายถึงแค่นั้น”
สีทับทิมจึงเริ่มนึกชอบชั่วโมงนาทีและบรรยากาศขณะนี้ขึ้นมาอย่างน่าแปลกใจ นักธุรกิจเช่นเขามีเวลาครึ่งค่อนวันนั่งสนทนาเป็นงานเป็นการกับหญิงสาวผู้ไม่มีสิ่งใดดีเด่นแม้สักอย่าง แม้กระทั่งปีกแข็งแรงที่สามารถโผผินบินไปในอากาศอย่างงามสง่า…เขาก็ยังเห็นควรเผาผลาญเวลาอันมีค่าของเขาไปกับการพูดจากับหล่อนที่ทำท่าว่าจะล่วงลึกแบบล้วงเอาใจต่อใจมาคุยกัน…
น่าขอบคุณยิ่งนัก
ที่จริง นางเอกของฉันก็น่าจะรู้นะว่า ผู้ออกแบบบุคลิกและนิสัยใจคอของคุณซอคือใคร
แค่ ‘เสียงจากสาย’ วันนั้น วันที่ฉันขอส่งคนของฉันไปไล่เลียงเรื่องราวบ่อนการพนัน ฉันก็นึกออกทันใด
“ถึงเขาไม่ส่งคนมาทุบตี สีก็ไม่เคยคิดจะกลับไป…สีคบกับความวิบัติแบบนี้ต่อไปไม่ไหว”
“แต่สีก็ต้องมาคบกับผมที่หย่ากับบ่อนไม่ได้”
ฉันก็เลยให้หญิงซื่อกล่าวคำ
“ไม่เหมือนกันนี่อา…ถึงอาเล่นก็ไม่ได้เอาเงินใครมาเล่น ถึงอาเสียอาก็ยอมเสียแค่ที่อาพอใจ”
คุณซอฟังแล้วถึงกับดีดนิ้วพลางเอ่ยชม
“สีไม่ต้องเสียดายสองปีที่ไปกับนายเรหรอก…ไม่ต้องเสียดาย…สีต้องคิดใหม่ให้ใหม่กว่านี้…นั่นก็คือ ผีบ่อนไม่เคยเข้าสิงสี ไม่เคยเปลี่ยนสีให้เป็นผีการพนัน แต่กลับให้ความเข้าใจหลายเรื่อง…สีฉลาดขึ้น แลเห็นธาตุแท้ของคนมากขึ้น ไม่ดีหรือ”
“ถ้าดี…ผมก็จะพาสีไปต่อไปกับผม สีอยากได้อะไร จะให้ทุกอย่าง…ว่าแต่ว่า…ตั้งแต่รู้จักกันมานี่ ผมยังไม่รู้เลยนะว่าสีอยากได้อะไร”
จริงซีนะ…สีทับทิมส่งแสงจากนัยน์ตาสวยของตนเองออกมา แม้เคยตั้งความหวังไว้ 3 ประการ คืออยากสวย อยากรวย อยากเป็นคนดี…หากก็ดูจะปลิวหายไปเสียหมด
แม้แต่ความดีก็ดูคล้ายจะไม่ดีอีกต่อไป
ไม่มีดี ไม่เหลือดี
ดังนั้น นาทีนี้ เสียงถามของเขาจึงเสียดสีจนหัวใจปลาบขึ้นมา ด้วยความสะทกสะท้านราวเสียงเลื่อนลั่นของหินผา
น้ำตามาแต่ไหนไม่ปรากฏ ถึงกับพรั่งพรูไหลพรากจนคุณซอตกใจ
จึงลุกขึ้นจากเก้าอี้ โน้มกายลง ดึงแขนหล่อนให้ตามมือเขาขึ้นมา พลางกอดร่างทั้งร่างของสีทับทิมด้วยวงแขนค่อนข้างสั่น กายทั้งกายร้อนจัด
ครั้นแล้ว ฉันก็ประเคนทั้งสำรับให้คุณซอ
หากก็เว้นโรแมนติคของทั้งคู่ไว้บ้าง แม้จะอยากให้ดูต่างหน้า
จะได้รู้ว่า ‘ข้ามเมฆา’ รสชาติเป็นอย่างไร
ใช่เรื่องราวของบ่อนอย่างเดียวหรือมีพิเศษอื่นใด
ขอให้รู้เพียงว่า เขาเริงร่าอย่างผู้ดีในอ่างจากุซซี่ร่วมกับสีทับทิมก็พอแล้ว
ต่อจากนั้นก็ขึ้นจากน้ำ กลับมาชนแก้วกันและกัน
“ขอให้รักของเรามั่นคงยืนยาวนะสี”
เมียยังมีอยู่ที่บ้านเนี่ยนะ
ฉันก็เลยแอบคิกคักคนเดียวอยู่ ‘หลังม่าน’
แก้ปวดศีรษะเรื่องบ่อนไปได้หน่อยหนึ่ง
ต่อจากนั้น จะได้ตื่นตะลึงกันสืบไปเมื่อสีทับทิมตั้งท้องขึ้นมา หลังจากคุณซอพาขาประจำไปตะลอนเล่นที่เกาะกง เจอตงเทียน ลูกน้องและเรโช ทั้งหมดล้วนเป็นศัตรูคู่แค้นของคุณซอพร้อมหน้า ด้วยสาเหตุต่างๆกัน
จนถึงคราวที่ ‘พี่แล่น’ ถูกอุ้มหายไป
อือ…นี่ฉันก็ใกล้จะหมดแรงกำกับแล้วเชียวนา เพราะต่อไปนี้ จะมีแต่เภทภัยที่นึกไม่ถึงรออยู่
ผู้ร้ายที่กำลังลับล่อแถว ‘หลังม่าน’ ฉันก็วางตัวไว้แล้วว่า คือ ‘คุณนาย’ บ้านใหญ่ของคุณซอ กับตงเทียนคู่แค้นเก่าก่อน ตามมารังควานบั่นทอนคุณซอและสีทับทิมจนอยู่ไม่เย็น นอนไม่เป็นสุข
ท้ายที่สุด ‘คุณนาย’ ก็จ้างวัยรุ่นสามคนวิ่งมาชนข้างหลังจนสีทับทิมหน้าคว่ำลงกับพื้นปูหินแผ่นใหญ่
ครั้นแล้วก็แท้งลูก
ต่อจากนั้นเป็นต้นมา สีทับทิมก็เปลี่ยนไป…
จากหญิงสาวผู้เคยชื่นบาน อารมณ์ดี กลายเป็นคนใหม่ ผู้ซึมเซา เคล้าทุกข์ ขลุกอยู่บนห้องอย่างหญิงที่หัวใจแตกยับ
คุณซอก็อับจน เมื่อ ‘คุณนาย’ ตามมาผจญในวันใดวันหนึ่งอย่างถึงเนื้อถึงตัว บังคับให้นางเอกหยุด ‘ข้ามเมฆา’
– จบ –
- READ "หลังลับแล" เบื้องหลังแสงสว่างมีความมืด...เบื้องหลังความมืดมีแสงสว่าง
- READ ประจิมและอรอินทรา จาก "พฤกษาสวาท"
- READ รู้จักกับ 'เทียนธารา' ให้มากขึ้นใน "ควันเทียน"
- READ "รัด" จาก พญาไร้ใบ
- READ ไฟพ่าย..."พิจิกา" ดวงดาวอันเจิดจ้าและหมองมัว
- READ ข้ามสีทันดร “เดือนสิบและเที่ยงวัน”
- READ "วิมานไฟ" ความคั่งแค้นในใจ 'ภุมเรศ'
- READ วิมวิริยา แห่ง "วิหคโสภา"
- READ "อุโมงค์เวลา" สำปันนีและแคว
- READ "รอบรวงข้าว" ก่องและอัญชัน
- READ "จำหลักไว้ในแผ่นดิน" เจ้าหญิงโสคนเทียและสู
- READ "จันทร์ยาตรา" ปั้นหยาและลุ่มน้ำ
- READ "ไฟทะเล" เรื่องของ 'ชับ' และ 'สิชล'
- READ 'มัลลิกา' มารดายืนหนึ่งใน "กิ่งมัลลิกา"
- READ เรื่องราวของ "ศศิน" ใน "เงาจันทร์"
- READ "ทองลงยา" นางเอกของฉันจาก "กระจกขอบทอง"
- READ ข้ามเมฆา และนางเอก ‘บ้านๆ’ นาม "สีทับทิม"
- READ รสรักปักอุรา "มฤคีและอุบากอง"
- READ ป่ากามเทพ : รำพรและสดมภ์
- READ ตะวันตกดิน : วิธูและโสรวาร
- READ 'บนฟ้า' และ 'สมุทรไท' ณ ขอบฟ้าจรดขอบน้ำ
- READ เมื่อ "ขอบน้ำจรดขอบฟ้า" บนฟ้าและสมุทรไท
- READ ข้ามมหาสาคร 'ดูรา' และ 'กันตัง'
- READ 'ระย้า' เด็กสาวแห่งวังอาชาไนย
- READ "รสอมฤต" การสืบสวนที่พา 'ปูนปั้น' และ 'ร้อยรัด' มาพบกัน
- READ ‘ตวง’ ตัวละครวัยเยาว์ใน 'เมรัยสีกุหลาบ'
- READ "รำนำ" ฤทธิ์เดชจาก ‘กระเช้าสีดา’