อรุณแสงรัก บทที่ 10 : ริษยา

อรุณแสงรัก บทที่ 10 : ริษยา

โดย : SUDA

Loading

อรุณแสงรัก โดย  SUDA นวนิยายอ่านฟรีที่อ่านเอามีให้คุณได้อ่านที่ anowl.co กับเรื่องของ “นวล” หญิงสาวจากสวรรคโลก ที่ชีวิตพลิกผันจนต้องมาใช้ชีวิตในกรุงศรีอยุธยาและได้ร่วมหัวจมท้ายกับชายหนุ่มบ้านใกล้เรือนเคียงที่ความสัมพันธ์เริ่มต้นจากความสงสาร เพียงแค่อยู่ร่วมกันแต่ไม่เคยร่วมเรียงเคียงหมอนแบบนี้จะเรียกว่าความรักได้หรือไม่

นวลเดินตามหลังคุณหญิงจันทร์เข้ามาในเขตวังหลวงด้วยความสงบ แม้ในใจจะตื่นเต้นเหลือเกินที่ได้เห็นบรรยากาศความงามของเขตพระราชฐาน แต่เพราะคำเตือนของพ่อกล้ายังก้องอยู่ในหัว เธอจึงทำได้เพียงก้มหน้าเดินตามไปอย่างเงียบๆ เท่านั้น

คุณหญิงจันทร์พาเธอเดินเข้ามาจนถึงเขตพระราชฐานชั้นใน ก่อนจะพาเข้าไปกราบท้าวอินทรสุริยา ตำแหน่งคุณท้าวว่าการห้องวิเศษ หรือเรียกอย่างสามัญว่าห้องครัวที่ใช้เตรียมอาหารถวายเจ้านายชั้นสูง ซึ่งมีคุณท้าวคอยกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด

หญิงสาวก้มลงกราบคุณท้าวอินทรสุริยาด้วยท่าทีสงบเรียบร้อย ดูจากสายตาของคุณท้าวแล้วคงถูกชะตากับเธอมากพอควร เพราะนวลเป็นหญิงสาวร่างบางอ้อนแอ้น ผิวพรรณขาวสะอาดน่ามอง แต่งกายเรียบร้อยอีกทั้งกิริยายังน่าเอ็นดูอีกด้วย

คุณท้าวค่อยๆ เลือกดูถ้วยกระเบื้องที่นวลนำติดตัวมา มีทั้งถ้วยชามมีฝาปิดเรียบร้อย มีโถใส่ข้าว จานเชิงใส่อาหารหลายขนาด และยังมีช้อนกระเบื้องลวดลายสวยงามเข้าชุด

“ของพวกนี้เจ้าทำเองทั้งหมดรึ”

“เจ้าค่ะ” นวลพยักหน้ารับ “ข้าเกิดแลเติบโตมากับเครื่องสังคโลก จึงพอมีความรู้ในการปั้นถ้วยกระเบื้องขาย แต่เมื่อมาอยู่กรุงศรีจึงเลือกดัดแปลงวัตถุดิบบางอย่างที่หาได้ง่ายในแถบนี้ ลองผิดลองถูกอยู่นานกว่าจักเห็นผลเจ้าค่ะ เครื่องถ้วยของข้าจึงมีลักษณะคล้ายเครื่องสังคโลก แต่ก็มิใช่เสียทีเดียว เพราะมีความแตกต่างในเนื้อดินแลน้ำเคลือบเจ้าค่ะ”

“แต่ก็งดงามมิแพ้ใครเชียวหนา” คุณท้าวใช้มือลูบเครื่องถ้วยของเธออย่างเบามือ “กระเบื้องเนื้อแกร่งใกล้เคียงเครื่องลายครามของจีน แต่มีสีแลลวดลายที่แตกต่าง…แล้วเจ้าขายราคาเท่าใด”

“หากเป็นถ้วยชามข้าขายใบละหนึ่งเฟื้องเจ้าค่ะ แต่หากเป็นกาน้ำชาหรือคนโท คนที ขายใบละสองเฟื้อง จานเชิงใบละหนึ่งสลึง ราคาตามความยากง่ายเจ้าค่ะ”

“แล้วลวดลายพวกนี้เล่า…นอกจากดอกไม้ก้านขดแล้ว เจ้ามีลวดลายอื่นบ้างหรือไม่”

“มีเจ้าค่ะ” นวลเงยหน้าตอบพลางส่งยิ้มสดใส “นอกจากดอกไม้ก้านขดแล้ว ยังมีลายปลาตะเพียน ลายกงจักร รวงข้าว ดอกพิกุล แลอื่นๆ แล้วแต่จักสั่งทำได้เจ้าค่ะ”

“ดีจริง…” คุณท้าวอินทรสุริยาพยักหน้ารับท่าทางพึงพอใจนัก

“หากเขียนลายได้ตามสั่งก็ยิ่งดี จักได้มีเครื่องถ้วยให้เลือกใช้หลากหลาย ฝีมือการเขียนลายของเจ้าก็งดงามจนใช้จัดใส่เครื่องคาวหวานถวายเจ้านายได้ เช่นนั้นเจ้าทำมาส่งให้ห้องวิเสทนี้เถิด…”

 

นวลดีใจเหลือเกินที่ได้ส่งเครื่องถ้วยเข้าวังหลวง ส่วนบรรดาภริยาขุนนางก็เริ่มมีการซื้อเพื่อเก็บสะสมอีกด้วย และเพราะสามารถสั่งให้นวลเขียนลายเครื่องถ้วยได้ตามสั่ง บรรดาเรือนขุนนางใหญ่และตามพระตำหนักต่างๆ จึงสรรหาลวดลายมาให้เธอเขียนเพื่อให้เครื่องถ้วยของตนเป็นเอกลักษณ์

เวลาผันผ่านไปความนิยมจึงยิ่งเพิ่มมากขึ้น ชื่อเสียงของนวลเลื่องลือไปทั่วกรุงศรี…จนกระทบไปถึงการค้าเครื่องลายครามในที่สุด

หลี่เฟยหงเองก็ได้ยินข่าวลือเรื่องนี้มาเช่นกัน เมื่อราชสำนักกรุงศรีอยุธยาลดจำนวนการสั่งซื้อเครื่องลายครามของเธอลงครึ่งหนึ่ง จึงยิ่งสร้างความเดือดดาลให้มากขึ้น หญิงสาวนั่งจมอยู่ในห้องหนังสือที่เก่า มือบางกำบัญชีสินค้าไว้แน่นด้วยความคับแค้นใจ

“คุณหนู…เป็นกระไรไปเจ้าคะ”

อาหลิวผู้เป็นสาวใช้กล่าวถามด้วยความเป็นห่วง หลี่เฟยหงยังไม่ได้กล่าวตอบคำใด หญิงสาวผุดลุกขึ้นยืนพลางเดินออกไปรับลมริมหน้าต่าง ดวงหน้าหวานละมุนนั้นเจือความขุ่นเคืองอย่างเห็นได้ชัด

“วันพรุ่งข้าจักไปตลาดขายหม้อริมคลองสระบัว”

“ริมคลองสระบัว? ไปทำไมกันเจ้าคะ”

คนเป็นสาวใช้ยังคงซักถามด้วยความไร้เดียงสา เพราะมัวแต่รับใช้คุณหนูของตนอยู่หลังเรือนเธอจึงไม่อาจรู้สถานการณ์ภายนอก และไม่อาจรับรู้ได้ว่านายของตนกำลังว้าวุ่นใจมากเพียงใด หลี่เฟยหงสูดหายใจเข้าเต็มปอด…ก่อนจะกล่าวตอบสาวใช้ด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

“ไปดูถ้วยกระเบื้อง…เห็นเขาเล่าลือกันว่างามนัก…”

 

บ่ายวันนี้นวลยังอยู่ในตลาดริมคลองสระบัวเช่นเคย เครื่องถ้วยของเธอยังขายดีเป็นเทน้ำเทท่า หญิงสาวนั่งขายของอยู่กับนางอุ่นและแม่ยี่สุ่นที่ช่วยมาเป็นลูกมือ สองมือจัดเรียงสินค้าบนเพิงไม้ไผ่ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นเห็นหญิงสาวชาวจีนเดินเข้ามาหา

ร่างเล็กเดินตัวปลิวเข้ามาหานวลพร้อมกับสาวใช้อีกคนหนึ่ง แม้กิริยาดูอ่อนช้อยงดงามดังเทพธิดา แต่แววตาที่มองมานั้นกลับดูไม่เป็นมิตร มือบางเอื้อมหยิบกระปุกใบเล็กขึ้นมาดู ก่อนจะเหยียดยิ้มมุมปากเบาๆ

“เครื่องถ้วยเขียนลายจากน้ำขี้เถ้า ก็ถือว่างามดี…เจ้าทำเองรึ”

“เจ้าค่ะ” นวลกล่าวตอบพลางเงยหน้ามองหญิงชาวจีนผู้มาเยือน แต่ยิ่งมองเธอก็ยิ่งนึกสงสัย เพราะแม้กล่าวชมเชยออกมาว่างาม…แต่สายตาที่มองมานั้นกลับตรงกันข้าม

“ใบนี้เจ้าขายเท่าใด”

“หนึ่งเฟื้องเจ้าค่ะ”

เมื่อนวลบอกราคาหญิงสาวจึงหยิบเงินขึ้นมาจ่ายให้ ร่างเล็กก้าวเข้าไปหาพลางคว่ำมือวางเงินไว้บนเพิงไม้ไผ่…ก่อนจะเงยสบตานวลอีกครั้ง

เมื่อถูกจ้องหน้าอยู่นาน นวลจึงตัดสินใจเอ่ยถามด้วยความงุนงง

“แม่หญิง…มีกระไรหรือเจ้าคะ”

“เปล่า…”

คำตอบที่ได้ยินยิ่งทำให้นวลนึกสงสัย เหตุใดแม่หญิงผู้นี้จึงแปลกคนนัก…หรือเหตุที่มาวันนี้จะมีจุดประสงค์บางอย่าง แต่กระนั้นนวลก็เลือกเงียบปากไปเสีย มือหยิบเอาพดด้วงเฟื้องมาเก็บให้เรียบร้อย “ขอบน้ำใจเจ้าค่ะ…”

หลี่เฟยหงเหยียดยิ้มมุมปากอีกครั้ง ก่อนจะถอยออกมาแล้วหยิบพัดจีนสะบัดไปมาให้เย็นกาย นัยน์ตาคู่ใสที่จ้องมองมานั้นไม่อาจปกปิดความขุ่นเคืองใจไว้ได้ “เจ้าคงสงสัยว่าข้าเป็นใคร…แต่มิต้องห่วงดอก เราคงได้พบกันอีกในเร็ววันนี้”

“แต่จงจำไว้ให้ดี…อย่าได้บังอาจเอาเครื่องถ้วยพวกนี้…มาเทียบเครื่องลายครามของพวกข้า”

 

วันนี้พ่อกล้ามารับนวลในยามบ่ายอย่างเคย ร่างสูงนั่งอยู่บนเรือลำน้อยพลางใช้ไม้พายกวักน้ำไปด้านหน้า เมื่อถึงที่หมายจึงผูกเรือไว้ให้เรียบร้อยก่อนจะปีนขึ้นมาบนท่าน้ำ แต่พลันก็นิ่งชะงัก…เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นชายคนหนึ่ง

“นั่น…พ่อขวัญรึ”

ชายหนุ่มพึมพำในลำคอ สายตายังจ้องมองบุรุษตรงหน้าอยู่นานโข บัดนี้พ่อขวัญแต่งกายอย่างชาวจีน แม้มองดูคล้ายชาวจีนมากเพียงใด แต่เขาจำหน้าพ่อขวัญได้แม่นยำนักจึงรู้ว่าไม่ผิดตัวแน่

พ่อขวัญเองก็หันมามองเขาเช่นกัน…แต่กระนั้นก็ไม่ได้ปริปากเอ่ยคำใดออกมา เมื่อหลี่เฟยหงกลับมาถึงเขาจึงประคองเธอลงเรือแล้วพายออกไป

พ่อกล้ายืนมองอยู่นานโขจนกระทั่งเรือพายลับหายไป ร่างสูงถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเดินเข้าไปในตลาดเพื่อพานวลกลับเรือนอย่างที่เคยทำ เห็นนวลนั่งพูดคุยอยู่กับหญิงชาวบ้านตามปกติ บนเพิงขายของเหลือถ้วยชามและหม้อดินเผาเพียงเล็กน้อย

“วันนี้ขายของเป็นอย่างไร”

“ขายดีเหมือนเดิมจ้ะ”

นวลเอ่ยตอบพลางช่วยพ่อกล้าเก็บข้าวของก่อนจะลงเรือมาด้วย “แต่วันนี้มีแม่หญิงคนจีนมาซื้อของกับข้าด้วย ซื้อผอบใส่ดินสอพองใบหนึ่ง แต่ก็ดูแปลกประหลาดนัก…เพียงมองตาก็รู้ว่าเขาไม่ชอบข้า”

“หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ เขาจักมาซื้อของเอ็งทำไม”

“ข้าก็ไม่รู้” นวลเอ่ยตอบเสียงเบา “แต่ข้ามิได้คิดไปเองหนาพี่กล้า…ข้ารู้ว่านางไม่ชอบข้า หรือบางทีอาจเป็นแค่ความเย่อหยิ่งตามธรรมดาของพวกเศรษฐี แต่ก็แปลกนัก พวกคนจีนมีย่านขายเครื่องลายครามจากสำเภาจีนมิใช่รึ…แล้วมาซื้อถ้วยของเราทำไม”

ถ้อยคำของนวลทำให้พ่อกล้าฉุกคิดขึ้นมาอีกหน เพราะปกติแล้วมักไม่เห็นชาวจีนมาที่ริมคลองสระบัวอย่างที่นวลว่า หรือแม่หญิงชาวจีนผู้นั้นจะเป็นคนเดียวกันกับที่เขาเห็น แม่หญิงที่พ่อขวัญติดตามมาด้วย

แล้วมาที่นี่ทำไมกัน…

 

นวลกับพ่อกล้าช่วยกันทำมาหากินจนเริ่มมีเงินทองมากขึ้น นอกจากจะขายของที่ริมคลองสระบัวแล้ว นวลยังเตรียมเครื่องถ้วยส่งเข้าวังทุกเดือนด้วย หญิงสาวจึงเริ่มคุ้นเคยกับราชสำนักฝ่ายใน การเข้าวังในครั้งหลังมานี้จึงมิได้กังวลมากนัก

เช้านี้นวลลุกมาเตรียมตัวเข้าวังตั้งแต่ฟ้ายังมิสาง เครื่องถ้วยที่เธอนำมาส่งในครั้งนี้มีทั้งพานเชิงขนาดต่างๆ รวมไปถึงชุดถ้วยชามมีฝาปิดอีกด้วย แต่พ่อกล้าก็ยกของมาส่งให้ได้เพียงหน้าประตูวังเท่านั้น ยังดีที่มีนางข้าหลวงช่วยถือเข้ามาให้

ส่งเครื่องถ้วยแล้วนวลจึงนั่งสนทนากับคุณท้าวอินทรสุริยาอยู่พักหนึ่ง ครั้งนี้เธอได้เงินกลับเรือนถุงใหญ่ทีเดียว แต่ก่อนนวลจะขอตัวกลับ นางข้าหลวงห้องวิเสทก็แจ้งว่ามีคนมาขอพบคุณท้าว และเมื่อเห็นว่าผู้มาเยือนคือใคร…หญิงสาวก็พลันนิ่งชะงักไปทันที

“แม่หญิง…”

นวลนั่งมองด้วยความงุนงง หลี่เฟยหงย่อคำนับคุณท้าวด้วยกิริยาอ่อนช้อย ก่อนจะนั่งลงตรงหน้า “ข้านำเครื่องลายครามมาส่งเจ้าค่ะ”

“มาพร้อมกันเชียว”

คุณท้าวอินทรสุริยาส่งยิ้มทักทาย หลี่เฟยหงจึงให้สาวใช้นำเครื่องลายครามมาวางเรียงรายตรงหน้า เมื่อเครื่องลายครามและเครื่องถ้วยของนวลมาวางเคียงกันเช่นนี้ก็ดูงดงามไม่แพ้กันนัก

นวลเห็นภาพเหล่านี้จึงเข้าใจได้ในทันที…รู้แล้วว่าเหตุใดแม่หญิงจีนจึงดูไม่เป็นมิตรกับเธอนัก ที่แท้ก็เป็นคู่แข่งกันนี่เอง

“เครื่องถ้วยพวกนี้งามจริงเจ้าค่ะ” หลี่เฟยหงแสร้งหันมองถ้วยกระเบื้องของนวลแล้วกล่าวชื่นชม “งามกว่าเครื่องลายครามเสียอีก มิน่าเล่า…จึงทำให้เครื่องลายครามขายได้น้อยลงครึ่งหนึ่ง”

คุณท้าวอินทรสุริยาพลันหัวเราะในลำคอเบาๆ เพราะอายุมากแล้วจึงไม่ได้ถือสาถ้อยคำของหญิงสาว หลี่เฟยหงถูกจำกัดให้ขายเครื่องถ้วยได้น้อยลง จึงเป็นธรรมดาหากเธอจะเกิดความไม่พอใจขึ้นมาบ้าง

“มิใช่ว่าเครื่องลายครามจีนมิงามดอกหนา แต่เพราะเครื่องถ้วยของเจ้าทั้งสองนั้นลักษณะแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด หากจักตัดสินว่าของใครงามกว่าใครก็คงยาก อีกอย่าง…ของแม่นวลก็สั่งเขียนลายได้ด้วย”

“เครื่องลายครามก็สั่งเขียนลายได้เจ้าค่ะ” หลี่เฟยหงเอ่ยกล่าวตอบเสียงเบา “หากท่านต้องการข้าก็พร้อมทำให้ เพียงบอกข้าเท่านั้น แม้อาจใช้เวลาหลายเดือน…แต่ข้ารับรองว่าท่านจักมิผิดหวัง”

“ก็เพราะใช้เวลานานนี่ละหนา”

คุณท้าวอินทรสุริยาจ้องมองหญิงสาวแน่วแน่ “มิใช่ว่าข้ามิเคยสั่งทำเครื่องลายคราม ข้าเคยสั่งทำเมื่อครั้งที่พ่อของเจ้ายังคุมกิจการค้าขายที่นี่ แต่กว่าจักส่งแบบลายไปถึงกรุงจีนก็ใช้เวลานานมากแล้ว กว่าจักใช้เวลาปั้นถ้วย…กว่าจักลงเรือข้ามทะเลมาที่นี่ก็รอนานหลายเดือนนัก ต่างจากเครื่องถ้วยของแม่นวลที่ใช้เวลาเพียงเดือนเดียวเท่านั้น”

“แล้วหากข้าให้ช่างปั้นเครื่องลายครามที่นี่…ท่านจักยอมให้ข้าส่งเข้าวังได้เท่าเดิมหรือไม่เจ้าคะ”

“ปั้นเครื่องลายครามที่นี่อย่างนั้นรึ”

“เจ้าค่ะ” หลี่เฟยหงพยักหน้ารับ ก่อนจะชายตามองนวลด้วยสายตาไม่เป็นมิตร “หากท่านต้องการข้าก็พร้อมทำให้เจ้าค่ะ ขอเพียงอย่างเดียว…อย่าให้เครื่องถ้วยของไพร่ชาวบ้านพวกนี้ มาเทียบเคียงกับเครื่องลายครามของข้า”

นวลนั่งเงียบอยู่นาน เมื่อทนไม่ไหวจึงเอ่ยออกไปจนได้ “มากเกินไปแล้วหนาแม่หญิง…ข้าเป็นเพียงไพร่ชาวบ้านก็จริงอยู่ แต่เจ้าเพิ่งบอกออกมาเองมิใช่รึ ว่าเครื่องถ้วยของข้าทำให้เครื่องลายครามขายได้ลดลง เช่นนั้นเครื่องถ้วยของข้าก็คงมิธรรมดาแล้วกระมัง”

ถ้อยคำสบประมาทของนวลทำให้หลี่เฟยหงพลันนิ่งชะงัก ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับความโกรธ “เครื่องถ้วยเขียนลายด้วยน้ำขี้เถ้าเช่นนี้…ที่บ้านเมืองข้าเลิกทำกันนานแล้วเพราะถือว่าล้าสมัย แล้วเจ้ายังบังอาจยกมาข่มข้า…”

“พอได้แล้ว…ทั้งสองคนนั่นละ”

คุณท้าวอินทรสุริยากล่าวห้าม เมื่อทั้งสองเริ่มสงบสติอารมณ์ลงแล้วจึงเพิ่งสังเกตเห็นว่าบัดนี้มีนางข้าหลวงหันมาฟังจำนวนมาก ทั้งสองคนจึงต่างนั่งเงียบหุบปากตนเองไปเสีย

“เอาอย่างนี้ดีหรือไม่…”

นางข้าหลวงที่นั่งร้อยมาลัยอยู่กล่าวเสนอขึ้นมา “หากพวกเจ้าต่างคิดว่าเครื่องถ้วยของตนนั้นงามกว่าอีกฝ่าย เช่นนั้นก็ประลองฝีมือกันดูสักครั้ง…แล้วให้พวกข้าเป็นผู้ตัดสินให้”

“ได้ ข้ามิกลัวอยู่แล้ว” หลี่เฟยหงกล่าวรับปากทันที

เมื่อเป็นเช่นนั้นนวลจึงทำได้เพียงนั่งอ้าปากค้างเพราะมิอาจปฏิเสธได้ เธอยังไม่พร้อมจะแข่งกับใคร แต่ฝ่ายนั้นท้าทายถึงขั้นนี้แล้วหากไม่ลงแข่งก็เสียศักดิ์ศรีนัก แม้คุณท้าวจะรีบห้ามปรามนางข้าหลวง แต่เมื่อหลี่เฟยหงกล่าวรับคำท้าในทันที…คงต้องปล่อยเลยตามเลยเสียแล้ว

“เอาอย่างนี้แล้วกัน หากเจ้าสองคนจักประลองฝีมือกันสักครั้ง…เช่นนั้นข้าจักเป็นผู้ตัดสินให้”

นวลได้ฟังก็นั่งทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกไปนานโข แต่เมื่อหันไปสบสายตาดูแคลนของหลี่เฟยหงเธอจึงกล่าวตกลงในที่สุด การเดิมพันครั้งนี้คือสิทธิ์ในการส่งเครื่องถ้วยขายให้ราชสำนัก แม้เป็นการเดิมพันครั้งใหญ่ แต่นวลก็ไม่ได้หวั่นกลัวเลยแม้แต่น้อย

เสียเงินเสียทองนั้นเสียได้…แต่จะไม่ยอมเสียศักดิ์ศรีเป็นอันขาด

การประลองฝีมือครั้งนี้เป็นที่สนใจของนางข้าหลวงนัก ต่างคนต่างตั้งตารอด้วยใจจดจ่อ เมื่อทั้งสองตกลงกันเรียบร้อยแล้วหลี่เฟยหงจึงขอตัวลา ร่างเล็กก้าวถอยหลังก่อนจะย่อคำนับคุณท้าวด้วยกิริยาอ่อนหวาน จากนั้นจึงเดินตัวปลิวหายไปทันที

 

หลี่เฟยหงกลับเรือนมาด้วยความรู้สึกมืดแปดด้าน เธอจำเป็นต้องรับปากเดิมพันเพื่อให้ตนได้กลับมาผูกขาดการค้าในวังหลวงอีกครั้ง ทั้งๆ ที่รู้ตัวดีว่าตนเสียเปรียบนวลทุกอย่าง

เป็นการยากที่จะผลิตเครื่องลายครามขึ้นในกรุงศรี เพราะนอกจากวัตถุดิบที่ไม่สามารถหาได้แล้ว ช่างปั้นเครื่องลายครามก็เช่นกัน…ไม่มีทางที่จะพาข้ามโพ้นทะเลมาได้ แต่ศึกครั้งนี้นั้นสำคัญมากกว่าเงินทอง เธอจึงต้องหาทางผลิตเครื่องลายครามในกรุงศรีให้ได้

ยิ่งมาแข่งกับไพร่ชาวบ้านอย่างแม่นวลแล้ว…เธอจะแพ้ไม่ได้เป็นอันขาด

หญิงสาวนั่งหน้าเครียดอยู่ในสวนดอกไม้คนเดียวเงียบๆ สายตาเหลือบไปเห็นพ่อขวัญนั่งถางหญ้าอยู่ไม่ไกลนัก พลันก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าเขาคือช่างปั้นเครื่องสังคโลก…เธอจึงเริ่มหาหนทางให้เขาช่วย

พ่อขวัญเป็นนายช่างปั้นดินย่อมมีความรู้พื้นฐานในการผลิตถ้วยกระเบื้อง บางคราเขาอาจผลิตเครื่องลายครามให้เธอได้ ขอเพียงมีคนถ่ายทอดวิชาและมีวัตถุดิบให้เท่านั้น เมื่อนึกได้เช่นนั้นเธอจึงเรียกพ่อขวัญมาหา…รออยู่ไม่นานชายหนุ่มก็เข้ามาคุกเข่าลงตรงหน้า

“แม่หญิง มีกระไรให้ข้ารับใช้หรือขอรับ”

หลี่เฟยหงวางถ้วยน้ำชาลงอย่างเบามือ ก่อนจะหยิบเอากระปุกใส่ดินสอพองของนวลยื่นให้เขา “พักหลังมานี้ราชสำนักกรุงศรีสั่งซื้อเครื่องลายครามลดลง เหตุเป็นเพราะมีเครื่องถ้วยประหลาดเช่นนี้เข้ามาเป็นคู่แข่ง วันนี้ข้านำของไปส่งคุณท้าวเองกับมือ…จึงได้พบแม่หญิงเจ้าของเครื่องถ้วยเข้า”

พ่อขวัญนั่งฟังคำอธิบายของเธอเงียบๆ แต่เมื่อก้มลงมองกระปุกใส่ดินสอพองก็พลันนิ่งชะงัก…เพราะรู้ได้ทันทีว่าของชิ้นนี้เป็นฝีมือใคร

“ข้ากับนางเกิดมีปากเสียงกันในห้องวิเสท เหล่านางข้าหลวงจึงท้าให้ข้ากับนางประลองฝีมือกันสักครั้ง จักได้รู้กันว่าใครเหนือกว่าใคร แต่ข้าจักสั่งเครื่องถ้วยมาจากสำเภาจีนมิได้…ต้องทำขึ้นใหม่พร้อมกันกับนางเท่านั้น”

“แล้วแม่หญิงจักทำเช่นไร…ทำเครื่องลายครามที่นี่อย่างนั้นรึ”

หลี่เฟยหงก้มหน้าเงียบไปนานโข สีหน้าเจือความกังวลอย่างเห็นได้ชัด “ใช่…ข้าจักทำเช่นนั้น แลจักให้เจ้าปั้นเครื่องลายครามไปแข่งกับนางด้วย”

“ข้าคงทำเช่นนั้นมิได้ดอกขอรับ”

เมื่อพ่อขวัญกล่าวปฏิเสธในทันที หลี่เฟยหงจึงเริ่มร้อนใจมากขึ้น “เหตุใดมิได้เล่า หรือเจ้าเป็นห่วงเรื่องดินขาวแลวัตถุดิบอื่นๆ เรื่องนั้นเจ้ามิต้องกังวลไปดอก ข้าให้อาหลิวไปบอกเหยียนตงแล้ว…ออกเรือสำเภาครั้งนี้เขาจักนำกลับมาให้”

“มิใช่เพียงเรื่องนั้นดอกขอรับ…”

“แล้วเหตุใดจึงขัดคำสั่งข้า”

พ่อขวัญเงยหน้าสบตาหญิงสาวอีกครั้ง แม้ชายหนุ่มจะอยู่ในฐานะผู้อาศัย แต่แววตาคมนั้นก็แฝงไปด้วยความมั่นคงและเด็ดขาดนัก “การแข่งครั้งนี้เป็นเรื่องของแม่หญิงสองคน มิได้เกี่ยวกับข้า…แลมิได้เกี่ยวกับใครอื่น หากให้ข้าลงแข่งแทน…แม่หญิงเองนั่นละที่จักถูกสบประมาทให้เสียศักดิ์ศรี”

“แต่ข้าถนัดเพียงงานค้าขาย มิได้ถนัดปั้นถ้วยโถโอชามสักหน่อย”

“เช่นนั้นก็มิควรรับคำท้าตั้งแต่แรก”

ถ้อยคำของพ่อขวัญทำให้หญิงสาวพลันอ้าปากค้าง ก่อนจะสูดหายใจเข้าเต็มปอดเพื่อระบายความโกรธ “ฝั่งนั้นนางก็มิได้แข่งคนเดียวดอก อย่างมากนางก็ทำได้แค่ปั้นดินเขียนลาย งานเตาเผาก็ต้องใช้แรงชายทั้งนั้น ฝั่งของนางยังมีสามีคอยช่วย แล้วข้าเล่า…เจ้าจักให้ข้าทำคนเดียวอย่างนั้นรึ”

เมื่อหญิงสาวเริ่มเสียงสั่นเครือด้วยความอึดอัด พ่อขวัญจึงนิ่งเงียบหุบปากไปเสีย

นึกทบทวนไปแล้วหากหลี่เฟยหงต้องปั้นถ้วยแข่งกับนวลจริงก็น่าเห็นใจไม่น้อย เขารู้ว่าบัดนี้เธอเหลือที่พึ่งไม่มากนัก คงมิอาจหาช่างปั้นเครื่องลายครามข้ามโพ้นทะเลมาได้ และเพราะถูกตัดขาดจากวงศ์ตระกูลแล้วเธอจึงมิอาจขอความช่วยเหลือ

ยิ่งเมื่อเขากล่าวปฏิเสธแล้วเธอนั่งน้ำตาเอ่อเช่นนี้…ในใจชายหนุ่มก็พลันร้อนผ่าวด้วยความรู้สึกผิด

พ่อขวัญก้มลงมองกระปุกใส่ดินสอพองในมืออยู่นานโข ก่อนจะวางบนโต๊ะคืนให้หญิงสาว

“เช่นนั้นแม่หญิงคงต้องปั้นถ้วยแลเขียนลายเอง ส่วนงานเข้าเตาเผา…ข้าจักคอยดูแลให้”



Don`t copy text!