อรุณแสงรัก บทที่ 9 : ปรารถนา (2)

อรุณแสงรัก บทที่ 9 : ปรารถนา (2)

โดย : SUDA

Loading

อรุณแสงรัก โดย  SUDA นวนิยายอ่านฟรีที่อ่านเอามีให้คุณได้อ่านที่ anowl.co กับเรื่องของ “นวล” หญิงสาวจากสวรรคโลก ที่ชีวิตพลิกผันจนต้องมาใช้ชีวิตในกรุงศรีอยุธยาและได้ร่วมหัวจมท้ายกับชายหนุ่มบ้านใกล้เรือนเคียงที่ความสัมพันธ์เริ่มต้นจากความสงสาร เพียงแค่อยู่ร่วมกันแต่ไม่เคยร่วมเรียงเคียงหมอนแบบนี้จะเรียกว่าความรักได้หรือไม่

https://www.groovebooks.com/blog/นิยายใหม่จาก-groove-next-anowl-ลูกองุ่น-เปิดให้สั่งจอง-25-มี-ค-67/62

“พี่กล้า! ข้ากลับมาแล้ว”

หญิงสาวเดินกลับมาเรือนพ่อกล้าพลางตะโกนเรียกอยู่ใต้ถุน เมื่อได้ยินเสียงพ่อกล้าขานรับด้วยน้ำเสียงงัวเงียเธอจึงเดินขึ้นเรือนไปหา เขาเพิ่งเอาหม้อดินเข้าเตาเผาเมื่อคืนจึงเพิ่งเข้านอนเมื่อฟ้าสว่าง เหตุที่มักทำในยามค่ำคืนก็เพราะอากาศเย็นสบายกว่านัก

“เหตุใดกลับมาเร็วนัก…”

พ่อกล้าลุกขึ้นนั่งพิงผนังเรือน ก่อนจะก้มหน้านิ่งเพราะยังงัวเงียไม่หาย นวลจึงขยับเข้าไปใกล้พลางเขย่าไหล่เขาให้ตื่น “ก็ข้ามิเหลือกระไรให้ขายแล้ว จึงรีบกลับมาอย่างไรเล่า”

หญิงสาวกล่าวตอบพลางหยิบเอาถุงเงินออกมายื่นให้ มีทั้งพดด้วงบาท พดด้วงเฟื้องอีกหลายเม็ด “พี่ดูสิ! ข้าได้เงินกลับมาสองตำลึง เห็นหรือไม่”

พ่อกล้าตั้งสติได้จึงรับเงินมานับด้วยความงุนงง “เอ็งขายหมดเลยรึ…”

“หมดแล้วจ้ะ!” นวลเอ่ยเสียงใส

“ในที่สุดข้าก็จักสุขสบายกับเขาสักที เงินในถุงนี้ข้าให้พี่หนึ่งตำลึงเป็นค่าแรงอย่างที่เราสัญญากันไว้ ส่วนอีกหนึ่งตำลึงก็ฝากไว้กับพี่ก่อนแล้วกัน แม่หญิงตัวคนเดียวอย่างข้ามิควรถือเงินมากมายเช่นนี้ มันอันตรายเกินไป”

“แล้วเอ็งมิแบ่งไว้ใช้บ้างรึ”

“ยังดอกจ้ะ ข้ายังมิรู้จักเอาไปใช้กระไร”

พ่อกล้าเผลอยิ้มออกมาอีกครั้งเมื่อเห็นแววตาสดใสของหญิงสาว เขาไม่ได้คิดจะแบ่งเอาค่าแรงกับเธอเลยแม้แต่น้อย แต่เพราะนวลจะฝากเงินทั้งหมดไว้กับเขาเพื่อความปลอดภัย พ่อกล้าจึงเก็บถุงเงินเหน็บชายพกตนเองไว้ ก่อนจะเอนกายลงนอนอีกครั้ง…

“ขอนอนเอาแรงก่อนเถิด…”

ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเบา ร่างสูงนอนตะแคงเข้าหาพลางหลับตาลงด้วยความผ่อนคลาย นวลจึงเพิ่งรู้ตัวว่าตนเองมารบกวนเขา ทั้งๆ ที่พ่อกล้าเพิ่งเข้านอนไปเมื่อเช้านี่เอง

“โอ๊ย ข้าลืมไป…ข้ามิกวนพี่แล้ว”

นวลรีบขอตัวกลับ แต่เมื่อหญิงสาวหันหลังให้ กลับถูกพ่อกล้าดึงลงมานอนข้างกายทันที

“พี่กล้า! พี่จักทำกระไร! ”

“ข้ามิได้จักทำกระไรสักหน่อย” พ่อกล้ากล่าวตอบโดยไม่ยอมลืมตาขึ้นมาแม้แต่น้อย มือข้างหนึ่งคว้ามือเธอมากุมไว้แล้วนอนอยู่ตรงนั้น “เอ็งขายของหมดแล้ว…ไม่มีกระไรทำแล้วมิใช่รึ เช่นนั้นก็นอนเอาแรงกับข้าเถิด”

ได้ยินเช่นนั้นนวลแก้มสาวก็แดงระเรื่อด้วยความหวั่นไหว นี่เขาวิปลาสไปแล้วหรืออย่างไรจึงชวนเธอนอนด้วยยามกลางวันแสกๆ “พี่อดนอนจนเป็นบ้าไปแล้วหนา ข้า…ข้ายังมีงานต้องทำอีกมาก เก็บกวาดเรือนก็ยังมิได้ทำ เชิญพี่นอนไปคนเดียวเถิด”

กล่าวเพียงเท่านั้นนวลก็รีบลงจากเรือนพ่อกล้าอย่างรวดเร็ว ดูแล้วพ่อกล้าคงอ่อนล้ามาทั้งคืนจึงไม่อยากตื่น แม้จะเข้าใจการกระทำของเขาว่าอาจเป็นเพราะความง่วง แต่เธอไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อน เหตุใดหนอใจเจ้ากรรมจึงหวั่นไหวยามถูกเขาฉุดลงมาใกล้…หัวใจเต้นแรงเสียจนกลัวเขาจะได้ยินเสียง

นี่มันเรื่องกระไรกัน…

 

“แม่จันทร์ นั่นกระไรรึ”

ออกญาอภัยมนตรีเพิ่งกลับมาถึงเรือนของตน แต่เมื่อก้าวขึ้นบันไดเรือนมาก็เห็นคุณหญิงจันทร์นั่งอยู่กับบ่าวรับใช้ กำลังชื่นชมถ้วยกระเบื้องชุดใหญ่ “ถ้วยชามพวกนี้ได้มาจากไหนกัน”

“ชาวบ้านริมคลองสระบัวเจ้าค่ะ”

คุณหญิงจันทร์กล่าวตอบสามีพลางยื่นให้ดูใกล้ๆ “คุณพี่ดูสิเจ้าคะ ถ้วยกระเบื้องเขียนลายประณีตงดงามนัก เนื้อกระเบื้องเคลือบเช่นนี้จักว่าคล้ายเครื่องสังคโลกก็คล้าย แต่หากจักบอกว่าเป็นเครื่องสังคโลกหรือก็มิใช่ แต่ก็งามถูกใจเหลือเกิน น้องได้มาครบชุดทั้งถ้วยชาม จานเชิง กาน้ำชา ทั้งหมดนี้ราคาเพียงหนึ่งบาท…ถูกกว่าเครื่องลายครามหนาเจ้าคะ”

“ถูกกว่าเพราะทำเองขายเองกระมัง”

ออกญาอภัยมนตรีออกความเห็น “เครื่องลายครามต้องนำใส่สำเภาข้ามโพ้นทะเลมา จึงมีราคาสูง แต่ความงามก็คงแล้วแต่คนมอง…พี่เองเห็นว่างามทั้งคู่”

“น้องก็ว่าเป็นเช่นนั้นเจ้าค่ะ แต่เรือนของเรามีเครื่องลายครามมากโขแล้ว ซื้อถ้วยกระเบื้องสีอื่นมาประดับเรือนไว้คงดีไม่น้อย ยามได้ต้อนรับแขกผู้ใหญ่จักได้มีให้เลือกใช้หลากหลาย”

นอกจากจะเก็บไว้ใช้ในครัวเรือนแล้ว คุณหญิงจันทร์ยังนำเครื่องถ้วยและจานเชิงของนวลจัดสำรับของหวานเข้าวังไปด้วย คุณหญิงจันทร์ต้องเข้าวังบ่อยครั้งเพราะบรรดาภริยาของขุนนางใหญ่ในราชสำนักจะต้องเข้าเฝ้าตามตำหนักเจ้านายฝ่ายในเป็นระยะ ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่จะฝ่าฝืนไม่ได้

และเมื่อเครื่องถ้วยของนวลเป็นที่สนใจของบรรดาคุณหญิงคนอื่นๆ รวมถึงในราชสำนักฝ่ายในแล้ว แม้เธอกับพ่อกล้าจะผลิตออกมาขายมากเท่าใดก็ยังขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ชื่อเสียงของหญิงสาวจึงยิ่งแพร่กระจายไปในกลุ่มสตรีชนชั้นสูง

เช้านี้นวลมาขายเครื่องถ้วยอย่างที่เคย แต่ยังไม่ทันจัดเรียงถ้วยชามขายก็ชะงักไปเมื่อเห็นหญิงวัยกลางคนมายืนอยู่ตรงหน้า เธอจำได้ว่าเป็นหญิงคนเดิมที่เคยซื้อถ้วยกระเบื้องไปครบชุด วันนี้กลับมาพร้อมนางบ่าวอีกสองสามคนเช่นเคย

“แม่หญิง…เจ้าชื่อเสียงเรียงนามว่าอย่างไร แล้วเป็นใครมาจากไหนรึ”

เมื่อนวลยืนนิ่งทำหน้าฉงน คุณหญิงจันทร์จึงส่งยิ้มอย่างเป็นมิตร “มิต้องกลัวดอก…ข้าคือคุณหญิงจันทร์ เป็นเอกภริยาของออกญาอภัยมนตรี ที่ไถ่ถามก็เพราะเครื่องถ้วยของเจ้างามถูกใจบรรดาคุณหญิงคนอื่นๆ แลยังถูกใจคุณท้าวอินทรสุริยา คุณท้าวว่าการห้องวิเสทด้วย หากข้าจักพาเจ้าไปกราบคุณท้าวในวัง เจ้าจักสะดวกใจหรือไม่”

ได้ฟังคำอธิบายนวลก็พลันนั่งอ้าปากค้าง แต่เมื่อตั้งสติได้จึงรีบพนมมือไหว้คุณหญิงทันที “ข้าไหว้เจ้าค่ะคุณหญิง ข้าชื่อนวลเจ้าค่ะ…เดิมทีเป็นหญิงชาวบ้านจากเมืองสวรรคโลก แต่ชะตาชีวิตผกผันได้มาเริ่มต้นชีวิตใหม่อยู่ที่กรุงศรีแห่งนี้ จึงนำวิชาที่มีมาทำเครื่องถ้วยกระเบื้องขาย ลองผิดลองถูกอยู่นานกว่าจักได้อย่างที่เห็นเจ้าค่ะ”

“ดีจริง…” คุณหญิงจันทร์ยกยิ้มละมุน ก่อนจะหยิบเครื่องถ้วยของนวลที่วางเรียงรายขึ้นมาดูอีกครั้ง

“ถ้วยชามแต่ละใบล้วนเขียนลายอย่างประณีต แลยังงามแปลกตายิ่งนัก วันก่อนข้าเอาเครื่องถ้วยของเจ้าใส่ของหวานไปถวายเจ้านายฝ่ายใน จึงทำให้มีคนอยากได้เครื่องถ้วยของเจ้าไปเก็บสะสม รวมถึงจักซื้อไปใช้ในห้องวิเสทด้วย วันพรุ่งเจ้ามาหาข้าที่เรือนก็แล้วกัน…ข้าจักพาเจ้าไปกราบคุณท้าว”

“เป็นพระคุณเหลือเกินเจ้าค่ะ”

นวลพนมมือไหว้คุณหญิงด้วยความดีใจ แม้กระทั่งคุณหญิงเดินจากไปแล้วเธอก็ยังรู้สึกราวกับเป็นเพียงความฝัน นางอุ่นหญิงชาวบ้านที่นั่งขายของด้วยกันจึงรีบเข้ามาสะกิดท่าทางตื่นเต้น “แม่นวล! เครื่องถ้วยของเอ็งจักได้เข้าวังเชียวรึ”

“ข้า…ข้าก็มิรู้เหมือนกันจ้ะ”

“ได้เข้าวังแน่แล้ว ข้าจำได้ว่าคุณหญิงท่านนี้เป็นเมียเอกของออกญาท่านจริงๆ เรือนออกญาท่านอยู่มิไกลนี้เอง” แม่ยี่สุ่นผู้เป็นหลานกล่าวตอบท่าทางตื่นเต้นไม่ต่างกันนัก “ข้าดีใจกับเอ็งเหลือเกินแม่นวล หากขายให้ตำหนักเจ้านายในวังได้ เอ็งจักได้อยู่สุขสบายมีกินมีใช้ไปทั้งชาติ…วันพรุ่งเอ็งเตรียมตัวเข้าวังกับคุณหญิงเถิด”

 

เมื่อกลับถึงเรือนได้นวลก็รีบแจ้งข่าวดีให้พ่อกล้าทันที แม้ชายหนุ่มจะดีใจที่เครื่องถ้วยกระเบื้องของเธอเป็นที่สนใจของกลุ่มชนชั้นสูง แต่เพราะไพร่ธรรมดาอย่างทั้งสองคนไม่เคยก้าวเข้าเขตวังหลวงเลยสักครั้ง เขาจึงเป็นห่วงนวลมากนัก ไม่รู้ว่าด้านในรั้ววังนั้นจะมีสิ่งใดน่ากลัวหรือไม่ อีกทั้งเขาเองก็เป็นชายจึงมิอาจติดตามไป…คงต้องฝากความหวังกับคุณหญิงท่านให้เมตตาเธอเท่านั้น

พ่อกล้านั่งเงียบอยู่นานโข…ก่อนจะจูงมือเธอมายังท่าน้ำ

“พี่กล้า พี่จักพาข้าไปที่ใด”

“ไปตลาดป่าชมภู” ชายหนุ่มกล่าวตอบก่อนจะประคองเธอลงเรือลำน้อย แล้วคว้าไม้พายกวักน้ำให้เรือล่องไปข้างหน้า เหตุเพราะทุกวันนี้นวลนุ่งผ้าผืนเก่ามอมแมมอยู่เป็นนิจ เนื้อผ้าจึงทั้งซีดและเริ่มมีรอยเปื่อยยุ่ยไปตามกาลเวลา หากจะเข้าไปเขตวังหลวงจึงจำเป็นต้องแต่งกายให้เรียบร้อยกว่านี้…หาไม่แล้วคนจะค่อนแคะเอาได้ว่าแต่งกายมิรู้กาลเทศะ

“ไปตลาดป่าชมภู ไปทำไมกัน”

“ไปซื้อผ้านุ่งผืนใหม่…ยามเอ็งเข้าวังจักได้มิตกเป็นเป้าสายตาของใคร มิจำเป็นต้องซื้อผ้าราคาแพงดอก แต่ก็ต้องเป็นผืนใหม่ที่ดูสะอาดสะอ้านมากกว่านี้ ข้าจักซื้อให้…เอาเงินส่วนแบ่งของข้านี่ละ”

“ได้อย่างไรกันเล่า”

นวลรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันที “ผ้าของข้า…ข้าก็ต้องซื้อเอง จักเดือดร้อนพี่เช่นนี้ได้อย่างไร”

“มิเป็นไรดอก…ข้ามีเงินทองเก็บไว้มากกว่าที่เอ็งคิด มิได้เดือดร้อน”

“แล้วพี่มิซื้อของตนบ้างรึ”

“ไม่” พ่อกล้าส่ายหน้าปฏิเสธ “เพราะข้ามิได้เข้าวังกับเอ็งด้วย”

“มิได้เข้า หมายความว่าอย่างไร” นวลขมวดคิ้วท่าทางฉงน พ่อกล้าจึงเผลอยิ้มจางๆ กับความไร้เดียงสาของแม่หญิงตรงหน้า เธอเป็นหญิงสาวจากหัวเมืองเช่นนี้จึงไม่เข้าใจขนบธรรมเนียมสักเท่าใดนัก

“เขตฝ่ายในนั้นเข้าได้เฉพาะแม่หญิงเท่านั้น”

“เช่นนั้นก็หมายความว่า…”

“เอ็งต้องตามคุณหญิงเข้าวังไป…คนเดียว”

ได้ฟังเช่นนั้นนวลก็พลันใบหน้าซีดเผือด ในใจเริ่มหวาดกลัวขึ้นมา “พี่กล้า…ข้าจักเข้าไปกับคุณหญิงตามลำพังได้อย่างไร ข้ากลัว…ในวังเป็นอย่างไรข้าก็มิเคยรู้ แล้วหญิงชาวบ้านอย่างข้าหากเผลอทำสิ่งใดมิบังควรขึ้นมา ข้าจักมิถูกตัดหัวเอารึ”

“เช่นนั้นเอ็งก็ตั้งสติให้ดีเถิด…”

พ่อกล้ากล่าวตอบพลางใช้ไม้พายกวักน้ำไปอย่างเชื่องช้า “เดินตามหลังคุณหญิงท่านไว้ พูดให้น้อย อย่าเที่ยวกวาดสายตามองใคร วันพรุ่งข้าจักไปส่งที่เรือนคุณหญิงท่านแล้วจักแอบตามไปห่างๆ เสร็จธุระเมื่อใดเอ็งค่อยออกมาหาข้าที่ประตูวังแล้วกัน”

สองหนุ่มสาวเลือกซื้อผ้าในตลาดโดยใช้เวลาไม่นานนัก นวลเลือกซื้อสไบสีไม้จันทน์และผ้านุ่งสีน้ำตาลเข้ม แม้ดูเรียบง่ายอย่างหญิงชาวบ้านทั่วไป…แต่เพราะความงามของเธอที่มีอยู่ก่อนแล้วจึงยิ่งเสริมให้งามน่ามองมากขึ้นไปอีก

รุ่งเช้าวันถัดมาพ่อกล้าจึงมาส่งเธอที่เรือนออกญาอภัยมนตรี ก่อนจะลอบสะกดรอยตามเรือของคุณหญิงจันทร์ไปจนกระทั่งถึงเขตกำแพงพระราชฐานชั้นนอก พ่อกล้านั่งรออยู่ใต้ต้นไม้ สายตาชะเง้อมองกำแพงวังด้วยความเป็นห่วง แม้อยากติดตามเธอไปสักเท่าใด…แต่ไพร่ชายฉกรรจ์อย่างเขาก็มิบังอาจแม้แต่จะย่างกรายเข้าไปใกล้

ได้แต่หวังว่านวลจะปลอดภัย…และเจรจาค้าขายสำเร็จผล



Don`t copy text!