อรุณแสงรัก บทที่ 8 : ในห้วงความฝัน

อรุณแสงรัก บทที่ 8 : ในห้วงความฝัน

โดย : SUDA

Loading

อรุณแสงรัก โดย  SUDA นวนิยายอ่านฟรีที่อ่านเอามีให้คุณได้อ่านที่ anowl.co กับเรื่องของ “นวล” หญิงสาวจากสวรรคโลก ที่ชีวิตพลิกผันจนต้องมาใช้ชีวิตในกรุงศรีอยุธยาและได้ร่วมหัวจมท้ายกับชายหนุ่มบ้านใกล้เรือนเคียงที่ความสัมพันธ์เริ่มต้นจากความสงสาร เพียงแค่อยู่ร่วมกันแต่ไม่เคยร่วมเรียงเคียงหมอนแบบนี้จะเรียกว่าความรักได้หรือไม่

นวลยังนั่งขายของให้พ่อกล้าทุกวันเพื่อแลกกับเบี้ยไว้ประทังชีวิต โดยช่วยพ่อกล้าขนของออกไปขายตั้งแต่เช้ามืด ตกเย็นจึงกลับมาพักที่เรือนไม้ไผ่หลังน้อย

เธอเริ่มมีทรัพย์สินติดตัวบ้างแล้ว เพราะพ่อกล้าแบ่งให้เป็นค่าแรงกึ่งหนึ่ง และยังบังคับให้เธอรับปลาร้าปลาแห้งมากินที่เรือนด้วย ข้าวเปลือกที่เพิ่งได้มาใหม่ก็ของเขาทั้งนั้น จนเธอมิอาจปฏิเสธได้ว่าโชคดีนักที่อยู่ใกล้คนจิตใจเมตตาเช่นเขา

หลังจากนั้นมาเธอจึงใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย…แม้ไม่มีหวังจะปั้นเครื่องถ้วยขาย แต่การมาช่วยพ่อกล้าขายหม้อไหก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด อย่างน้อยก็ไม่ต้องอดมื้อกินมื้อ มีเบี้ยไว้ซื้อของเล็กๆ น้อยๆ มีข้าวปลาอาหารให้กินไม่ขาด

รุ่งเช้าวันนี้หญิงสาวตามพ่อกล้ามาขุดดินเหนียวในทุ่งนา เพื่อนำไปหมักก่อนปั้นถ้วยอย่างเคย ทั้งสองเดินลัดเลาะตามทุ่งไปไม่ไกลนักก็ถึงที่หมาย พ่อกล้าขุดดินเหนียวขึ้นมาเป็นกองให้นวลเลือกเก็บใส่กระบุง ร่างสูงมีเหงื่อผุดเป็นหยดเพราะอากาศร้อนนัก

“เอ็งแบ่งเอาไปตากที่เรือนด้วยหนา”

พ่อกล้าเอ่ยพลางสอดคานหาบกระบุงให้เป็นสองคู่ ก่อนจะช่วยกันหาบกลับมาที่เรือน นวลเดินตามหลังชายหนุ่มมาอย่างว่าง่าย คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย

“พี่จักให้ข้าตากที่เรือนทำไม”

“เผื่อเอ็งได้ใช้ ดินพวกนี้หดตัวน้อยจึงเหมาะแก่การนำเข้าเตาเผา เพราะเผาออกมาแล้วมิเสียรูปได้ง่ายๆ เอ็งเลือกเอาก้อนสีอ่อนสักหน่อยแล้วกัน”

นวลได้ฟังก็ยิ่งงุนงงมากกว่าเก่า “พี่จักให้ข้าปั้นถ้วยขายหรือจ๊ะ”

“ใช่” ชายหนุ่มพยักหน้ารับ “ปั้นถ้วยขายด้วยก็คงดี…จักได้มีของขายเพิ่มมากขึ้น”

ทั้งสองหาบดินกลับมาตากไว้ที่ลานกว้างด้านหลัง พ่อกล้าเทดินลงแล้วเกลี่ยให้ก้อนดินกระจายทั่ว จากนั้นจึงช่วยเลือกก้อนดินเหนียวให้เธอแบ่งไว้เตรียมปั้นถ้วย เสร็จเรียบร้อยแล้วชายหนุ่มจึงถอดเสื้อออกแล้วเดินไปท่าน้ำ

“เราจักไปไหนกันอีกรึ”

นวลเห็นเขาเดินไปท่าน้ำจึงเดินตามไปด้วยความงุนงง พ่อกล้ายังไม่ตอบ…แต่ชายหนุ่มกลับเดินผ่านเรือไปแล้วลงแช่ในลำคลองเสียอย่างนั้น ร่างสูงกำยำยามเปียกน้ำไปทั่วกายก็ดูน่ามองนัก เขาดำลงไปครู่หนึ่งให้น้ำเปียกเส้นผมก่อนจะว่ายน้ำเข้ามาใกล้

“หากจักอาบด้วยก็ลงมา…”

ถ้อยคำนั้นทำเอานวลสะดุ้งเพราะความตกใจ นวลแก้มสาวพลันแดงระเรื่อ อยู่ดีๆ เธอก็ถูกหลอกให้มายืนดูชายอาบน้ำเสียได้ นี่เขากลายเป็นคนเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด

“ลงมาสิ”

นวลได้ฟังก็รีบหันหลังกลับทันที “โอ๊ยย ข้ามิลงไปดอก! พี่นั่นละมาอาบน้ำกระไรตอนนี้”

“ก็ข้าร้อน อาบมิได้รึ…”

พ่อกล้ายกยิ้มละมุน เมื่อเห็นนวลวิ่งกลับไปใต้ถุนเรือนชายหนุ่มก็หัวเราะในลำคอเบาๆ

สำหรับเขาแล้วนวลยังเป็นเพียงแม่หญิงไร้เดียงสา ทั้งงดงามและน่าทะนุถนอมไว้ข้างกาย แต่เพราะอายุห่างกันหลายปี เขาจึงไม่กล้าแสดงออกมากนัก เกรงว่าจะทำให้เธอตกใจแล้วรีบตีตนออกหาก

เขาห่างหายจากเรื่องนี้ไปนาน…จนลืมวิธีเกี้ยวแม่หญิงไปเสียแล้ว

 

นวลกลับมานั่งนวดดินอยู่ใต้ถุนเรือนเขาคนเดียว ปล่อยให้พ่อกล้าไปอาบน้ำในคลองเสียจนพอใจ แล้วออกไปหาปลาในคุ้งน้ำไม่ไกลนัก เขาพายเรือออกไปตั้งแต่บ่ายโมงแล้วกลับมาในยามตะวันเริ่มลับแสง แต่เมื่อกลับเรือนมาก็สร้างความฉงนให้เธอทันที เพราะนอกจากจะมีปลาเต็มเรือแล้ว…พ่อกล้ายังถือทรายขาวกลับมากระบุงใหญ่ด้วย

“ทรายกระไรรึพี่กล้า…ทำไมขาวสะอาดนัก”

นวลวางมือก่อนจะเดินเข้าไปรับของจากเขา มือน้อยเอื้อมสัมผัสทรายละเอียดอย่างเบามือ พ่อกล้าจึงนำปลาไปวางไว้ในครัวให้เรียบร้อยก่อนจะเดินกลับมาหา

“ทรายแก้วจากเมืองระยอง”

“เมืองระยอง?”

“ใช่” ชายหนุ่มพยักหน้ารับ “ไอ้ทดมันไปเยี่ยมญาติที่เมืองระยอง ข้าเลยให้มันเก็บทรายจากชายหาดกลับมาให้”

“แล้วพี่เอามาทำไม”

“ก็เอามาให้เอ็งนั่นละ” พ่อกล้ากล่าวตอบเมื่อนวลยังทำหน้าฉงน

“เผาเครื่องถ้วยครั้งก่อนเอ็งใช้หินที่นี่แทนหินฟันม้า ยามน้ำเคลือบหลอมละลายจึงเป็นสีน้ำตาลขุ่นจนแทบมองมิเห็นลายข้างใต้ ข้าเคยไปเมืองระยองครั้งหนึ่ง จำได้ว่าทรายหาดริมทะเลนั้นเป็นเม็ดสีขาว จึงคิดว่าหากนำมาหลอมแทนหินที่นี่คงจักได้สีใสกว่า ข้าจึงวานให้ไอ้จั่นเอาทรายพวกนี้มาให้”

“พี่หมายความว่า…จักให้ข้าลองใช้ทรายแก้วมาผสมทำน้ำเคลือบรึ”

“ใช่”

“ปกติแล้วเครื่องสังคโลกห้ามผสมทรายในเนื้อดินเด็ดขาด เพราะหากนำไปเผาความร้อนสูงจักทำให้ถ้วยแตกได้” หญิงสาวเอ่ยอธิบายเสียงเครียด “แต่หากเอาทรายพวกนี้บดจนละเอียดเป็นผง แล้วเอาไปเคลือบด้านนอก ก็ไม่แน่ว่าอาจทำให้น้ำเคลือบใสกว่าหินธรรมดาได้ แต่ถ้าหากมิได้เล่า…”

“แล้วเอ็งอยากลองทำไหมล่ะ”

“แต่ข้ากลัวมันไม่สำเร็จ…ข้ากลัวพี่จักเสียแรงเปล่า”

นวลนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะก้มหน้าตอบเสียงเบา “ข้าอยากลองอีกสักครั้งหนาพี่กล้า แต่การทำเครื่องถ้วยแต่ละครั้งนั้นกินแรงแลเสียเวลาไปมากโข…ข้ามิอยากให้พี่ลำบากอีกแล้ว”

พ่อกล้าได้ฟังเหตุผลก็ยกยิ้มละมุน ร่างสูงเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะโน้มใบหน้าลงมาหา ในแววตาที่มองเธอนั้นแฝงความอบอุ่นชัดเจนนัก “มีไม่กี่คนดอกที่จักทำการใดแล้วสำเร็จในครั้งแรก ข้านำทรายแก้วมาให้แล้ว หากเอ็งอยากลองทำอีกครั้งก็ทำเถิด…ข้ายินดีช่วย”

 

นวลคิดใคร่ครวญอยู่นาน ก่อนจะตัดสินใจลองทำเครื่องถ้วยอีกครั้ง โดยใช้เวลาว่างจากการขายของมานั่งปั้นถ้วย หลังจากพ่อกล้าเอาเข้าเตาเผาเรียบร้อยแล้วเธอจึงนำถ้วยเหล่านี้มาเขียนลาย อดทนทำทุกเช้าค่ำ…แม้ในยามราตรีก็ยังไม่ยอมหยุดพัก

หญิงสาวนั่งเขียนลายอยู่ใต้ถุนเรือนตนเองทุกคืน แม้จะมีเพียงแสงคบไฟพอให้มองเห็น แต่กระนั้นก็ไม่ใช่อุปสรรคของเธอเลยสักนิด มือบางจรดปลายพู่กันลงบนถ้วยแล้วจึงตวัดเบาๆ เป็นลวดลายสวยงาม ล้อมขอบถ้วยด้วยลายดอกไม้ก้านขดทุกชิ้น แต่ละชิ้นล้วนวิจิตรบรรจงเสมือนของใช้ชนชั้นสูง หากเคลือบแล้วเข้าเตาเผาสำเร็จ…คงขายได้ราคาดีกว่าขายหม้อทั้งเดือนเป็นแน่

หญิงสาวนั่งบรรจงเขียนลายอยู่อย่างนั้น ก่อนจะชะงักไปเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินเข้ามาหา พ่อกล้าเดินถือทรายบดละเอียดมาให้ “ข้านำทรายแก้วไปบดให้แล้ว เอ็งจักได้เอาผสมน้ำเคลือบด้วย”

“ขอบน้ำใจจ้ะ”

นวลยิ้มรับก่อนจะชี้ไปทางก้อนหินใหญ่ “พี่เอาศิลาแลงไปบดให้ข้าที”

“ศิลาแลง?”

“ใช่จ้ะ” หญิงสาวพยักหน้าตอบก่อนจะก้มหน้าเขียนลายอีกครั้ง “เอาก้อนศิลาแลงไปตำแล้วบดเป็นผงละเอียดให้ข้าที ข้าจักลองเอามาผสมน้ำดินแลขี้เถ้า แล้วใช้ทรายแก้วบดของพี่มาช่วยเป็นตัวหลอม หากข้าเดามิผิด…น้ำเคลือบจักออกมาเป็นสีน้ำตาลอ่อน แต่ความใสจากทรายแก้วจักช่วยให้มองเห็นลายใต้เคลือบชัดขึ้น”

“ได้…วันพรุ่งข้าจักรีบบดให้”

พ่อกล้าวางทรายบดละเอียดไว้ข้างบันไดเรือนของหญิงสาว ก่อนจะถือเอาก้อนศิลาแลงสามก้อนใหญ่กลับเรือนตนเองไปด้วย “วันพรุ่งข้าจักเอาหม้อแลเตาขนมครกไปส่งที่เรือนออกหลวงทิพสมบัติแต่เช้า คงได้กลับมาช่วยเอ็งยามสาย”

“ไม่เป็นไรดอกจ้ะพี่กล้า…”

นวลรีบปฏิเสธเพราะนึกเกรงใจเขาเหลือเกิน “พี่มีการใดต้องทำก็ทำก่อนเถิด ข้าเคลือบถ้วยชามพวกนี้เองได้ ขอแค่พี่ช่วยบดหินให้…แลเอาเข้าเตาเผาให้ก็พอ”

 

เวลาผันผ่านตั้งแต่ตะวันตรงหัวไปจนถึงยามราตรี สายลมเย็นพัดผ่านเรือนริมคลองชวนให้ผ่อนคลายนัก พ่อกล้ายังนอนไม่หลับจึงออกมานั่งรับลมคนเดียวเงียบๆ ชายหนุ่มนุ่งโจงด้วยผ้าสีเข้มแล้วใช้ผ้าอีกผืนพาดไหล่ไว้เท่านั้น ร่างสูงเอนกายนอนหงายบนแคร่หน้าเรือน…พลางทอดสายตามองแสงดาวที่ส่องประกายระยิบระยับ

เรือนเล็กของนวลยังมีแสงคบไฟเล็ดลอดออกมา เขาจึงรู้ว่านวลยังนั่งเขียนลายอยู่ที่เก่า ครั้งนี้เธอตั้งใจทำมากนัก ราวกับจะเดิมพันชีวิตในวันข้างหน้า ว่าสุดท้ายแล้วจะได้ปั้นเครื่องถ้วยขายอย่างที่เคยทำ…หรือจะทำได้เพียงขายหม้อดินประทังชีวิต

นึกได้เช่นนั้นพ่อกล้าก็พลันถอนหายใจเสียงเบา นัยน์ตาคมเริ่มเจือความหม่นหมอง

เขารู้…เขารู้ว่าเธอไม่ได้อยากพึ่งพาเขาไปทั้งชีวิต

แต่เวลาผ่านไปค่อนคืนแล้วเหตุใดเธอยังไม่ยอมเข้านอนเสียที เมื่อรู้สึกผิดสังเกตชายหนุ่มจึงลุกเดินเข้าไปหา แต่มาถึงก็เห็นนวลผล็อยหลับไปเสียแล้ว ร่างเล็กนั่งพิงเสาเรือนทั้งที่กำลังหลับตา…ในมือยังกำพู่กันไว้ไม่ยอมปล่อย

พ่อกล้าเผลอยิ้มละมุน ร่างสูงก้าวเข้าไปหาแล้วใช้ผ้าพาดบ่าของตนห่มกายเธอไว้เพื่อกันลมหนาว ก่อนจะอุ้มเธอไว้ในอ้อมอกแล้วพาขึ้นไปนอนบนเรือน…วงแขนแกร่งวางเธอลงบนเสื่ออย่างทะนุถนอม

“พ่อจ๋า…พ่ออยู่ไหน…”

นวลเผลอละเมอเรียกออกมาด้วยความอ่อนเพลีย เมื่อพ่อกล้าห่มผ้าให้หญิงสาวก็มิได้ลืมตาตื่น แต่ขยับกายเพียงเล็กน้อยแล้วละเมออออกมาอีกครั้ง

“พี่ขวัญเล่า…พี่อยู่ไหน…”

ชื่อบุรุษที่เธอกล่าวเรียกทำให้พ่อกล้าชะงักไปครู่หนึ่ง…ในแววตามิอาจปกปิดความรู้สึกเอาไว้ได้ แต่เขาก็เข้าใจดีว่าพ่อขวัญคือชายคนรัก ชายที่เธอหมายมั่นจักได้เคียงกายในวันหน้า หากเธอยังคิดถึงอยู่คงไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด

คนนอกอย่างเขาต่างหาก…ที่ไม่มีสิทธิ์รู้สึกอย่างไรทั้งนั้น

“พี่ขวัญ…พี่อยู่ไหน…มาช่วยข้าที…”

พ่อกล้าห่มผ้าคลุมกายสาวไว้เรียบร้อยแล้ว จากนั้นจึงปิดประตูเรือนแล้วลงมาเก็บข้าวของด้านล่าง นำถ้วยชามมาวางเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ ล้างพู่กันอันเล็กตากไว้ให้เธอเขียนต่อในวันพรุ่ง แต่อันที่จริงถ้วยที่ยังไม่เขียนลายก็มีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น วันพรุ่งมาเขียนต่อก็คงใช้เวลาไม่นานนัก

ชายหนุ่มเหลือบไปมองทรายแก้วที่ตนวางไว้ข้างบันได…ก่อนจะลอบถอนหายใจเบาๆ



Don`t copy text!