กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 12 : มีเงินท่วมหัว มิเท่ามีผัวพระยา (1)
โดย : ชีวาพร
กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว โดย ชีวาพร เรื่องราวของสองพี่น้องที่ชีวิตแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน คนหนึ่งใบหน้างดงามโดดเด่นเป็นที่ปรารถนาของผู้คน อีกคนใบหน้าสามัญและยังมีชะตากาลกิณีติดตัวมาตั้งแต่เกิด ชีวิตของทั้งคู่จะดำเนินไปในทิศทางใด อ่านเรื่องราวของพวกเธอได้ในเว็บไซต์อ่านเอา anowl.co และเพจ anowldotco
“ผกากรอง ผกากรองอยู่ไหน”
เสียงพูดฟังไม่ได้ศัพท์ของคุณทองดังขึ้นที่หน้าเรือน สองแขนมีบ่าวคนสนิทคอยประคองมิให้ล้ม เรไรมองดูลูกชายที่เมามายจนแทบขาดสติแล้วถอนหายใจยาว
“พ่อทองจะเสียใจกระไรหนักหนา ไอ้เงินมันตายของมันเอง หาได้เกี่ยวกับพ่อไม่”
เรไรเอ่ยอย่างอ่อนใจ ก่อนหน้าแม้ลูกชายคนนี้จะดื่มสุราบ้าง แต่ก็มิถึงขั้นเมามายทุกวันเยี่ยงนี้ ทว่านับจากที่วิวาทกับพ่อเงินแลอีกฝ่ายตกตายไปในคืนนั้น พ่อทองลูกชายของเธอก็เอาแต่ดื่มสุราเมาหัวราน้ำกลับเรือนเสียทุกวัน
“อีผกากรอง! ไปเรียกมันมาให้กู”
เพื่อไม่ให้ลูกชายโวยวายจนมากความใหญ่โต เรไรจึงบอกคนไปตามผกากรองออกมารับโทสะลูกชายของตน ผกากรองที่ลอบมองออกมาจากหอนอนตั้งแต่คุณทองก้าวขึ้นเรือนยกยิ้มกว้าง เรื่องที่คุณทองเป็นคนเจ้าอารมณ์จนแม้แต่แม่นายเรไรก็เอาไม่อยู่นี้เธอรู้ดี ดังนั้นจึงใช้จุดนี้เป็นข้อต่อรองให้แม่นายเรไรไว้หน้าตน
“มัวทำกระไร รีบมาพาพ่อทองเข้าหอนอนเร็วเข้า ประเดี๋ยวแผลงฤทธิ์ขึ้นมาจักเดือดร้อนไปเสียทั้งเรือน”
“เจ้าค่ะ”
ผกากรองเข้ามาประคองคนเข้าหอนอน ไม่นานก็มีเสียงกรีดร้องผสานครวญครางดังลั่น แม่นายเรไรได้แต่ถอนหายใจยาว ยกยาหอมขึ้นสูดดมเพื่อสงบสติอารมณ์ตนเอง ผ่านไปครึ่งวันผกากรองที่เนื้อตัวบอบช้ำก็เดินออกมา
“พ่อทองเล่า”
“หลับไปแล้วเจ้าค่ะ บอกให้บ่าวมาหาแม่นายเรไร”
“มาหาข้า หาทำไม”
“คุณทองมิชอบกลิ่นแป้งร่ำที่บ่าวใช้ จึงให้บ่าวมาหาแม่นายเรไรเจ้าค่ะ”
เรไรขบกรามแน่น มองดูหญิงสาวตรงหน้าอย่างรังเกียจ สันดานไพร่ ทาสชั้นต่ำให้พยายามไต่เต้าขึ้นสูงอย่างไรก็ยังต่ำตมเช่นเดิม ทว่าแม้รู้เช่นนี้แต่เพราะลูกชายสุดที่รักพึงใจในตัวคนตรงหน้าอยู่มากโข เรไรจึงยอมไว้หน้าถอยให้หนึ่งก้าว
“เยี่ยงนั้นก็ไปผลัดผ้าเสียใหม่ เอาให้มิดชิดข้าจะพาไปซื้อของที่ตลาด”
ปกติยามอยู่เรือนผกากรองจะนุ่งผ้าแถบคาดอกเผยเนื้อตัวเรไรก็ไม่คิดตำหนิห้ามปราม ทว่าเพลานี้ต้องออกไปพบปะผู้คนมากหน้า หากให้ใครเห็นรอยรักที่รุนแรงของลูกชายผู้คนคงจะเอาไปนินทาเล่าสู่กันจนสนุกปาก
“เจ้าค่ะ”
ผกากรองผลัดผ้านุ่งโจงห่มสไบเนื้อดี ราวกับเป็นลูกขุนน้ำเจ้าพระยาเดินตามติดเรไรจนผู้คนมองตามอย่างสงสัย
“แม่หญิงที่มากับแม่นายเรไรนั่น สงสัยจักเป็นเมียของคุณทอง หน้าตางดงามมิน้อย”
“นั่น…แม่ผกากรองมิใช่รึ ข้าได้ยินว่าอีชบามันขายไปเป็นทาสที่เรือนเศรษฐีเพชร”
“ดวงชะตามากวาสนา สมคำทำนายจริงๆ ขนาดตกไปเป็นทาสแล้วก็ยังได้ดิบได้ดี”
เสียงผู้คนวิพากษ์วิจารณ์กันให้เซ็งแซ่ไปทั้งตลาด แม้เรไรจะไม่สบอารมณ์นักที่เมียบ่าวของลูกชายไม่สำเหนียกตัวแต่งองค์ทรงเครื่องเสียมากมายจนเกินตัว แต่ก็ไม่อาจว่ากล่าวอะไรได้มากนัก สุดท้ายเพื่อที่จะหลบสายตาผู้คนจึงหันมาเอ่ยคำกับผกากรอง
“วันนี้แดดแรงข้าเดินแล้วเวียนหัวนัก เอ็งอยากได้อะไรก็ไปเลือกเอา นี่เงิน”
ผกากรองถูกทิ้งกลางตลาดก็มิค่อยพอใจนัก แต่เมื่อเรไรส่งเงินถุงใหญ่ให้อารมณ์ขุ่นเคืองใจก็หายไปจนหมดสิ้น ริมฝีปากที่แต้มชาดจนโดดเด่นราวดอกชบาแดงคลี่ยิ้มกว้างตอบรับอย่างว่าง่ายในทันที
“อย่าได้นานนักเข้าใจหรือไม่”
“เจ้าค่ะ”
ดวงตาเรียวมองถุงเงินในมือแล้วยกยิ้มอย่างพอใจ ขยับเท้าก้าวเดินอย่างมั่นคง ชายสไบสีชมพูกลีบบัวพลิ้วไสวตามแรงเดินขับผิวขาวของผกากรองให้กระจ่างตา ยิ่งประดับด้วยกำไลทองและแหวนทับทิมที่คุณทองมอบให้ก็ยิ่งทำให้เธอโดดเด่น จนบุรุษชะเง้อมองตามอย่างกระสันใคร่ครอบครอง ทว่าคนที่ถูกสายตาเช่นนี้มองตั้งแต่แตกเนื้อสาวเช่นแม่ผกากรอง ย่อมไม่รู้สึกขัดเขินกระดากอาย เดินเชิดหน้าจับจ่ายซื้อของด้วยสีหน้าระรื่น ก่อนจะมาหยุดที่หน้าร้านน้ำอบแป้งร่ำที่เลื่องชื่อ
“พี่ผกากรอง”
“ใช่กูเอง”
ผกากรองตอบรับเสียงหนักแน่น เลื่อนสายตามองน้องสาวตั้งแต่หัวจรดเท้า เวลาไม่นานจากหญิงสาวที่เคยผอมแห้งผิวหยาบกร้านกลับกลายเป็นหญิงงามชวนมองได้ถึงเพียงนี้ ดูแล้วพ่อปราบชายหนุ่มข้างบ้านที่เธอเคยมองข้ามคงจะมีเบี้ยอัฐอยู่ไม่น้อย แต่ให้มีอย่างไรก็คงไม่เท่าคุณทองของเธอ
“มึงเป็นเยี่ยงไรบ้างเล่า ได้ยินว่ามึงออกเรือนไปกับพ่อปราบ คนที่เคยใคร่ได้กูเป็นเมีย”
สีหน้าที่ซีดลงของแก้วทำให้ผกากรองมั่นใจในทันทีว่าชายที่น้องสาวแต่งงานด้วยก็หมายตาตนเองเช่นกัน ริมฝีปากสีแดงสดยกขึ้นยิ้มเย้ยหยันโน้มตัวลงไปกระซิบถามเสียงเบา
“เป็นตัวแทนกูให้เขากกกอดรู้สึกเยี่ยงไรบ้าง ตอนเขาครอบครองมึงเขาครางหากูหรือไม่”
แก้วหน้าชา สองตาร้อนผ่าวหากแต่ก็ยังคงยิ้มกว้างให้พี่สาว
“ฉันสบายดีจ้ะ แม่สายแลพี่ปราบดูแลฉันดีนัก”
“ให้ดีเยี่ยงไรก็คงมิเท่าคุณทองของกู แต่ก็นะเป็นเมียไพร่อย่างมึงจักสู้เป็นเมียลูกท่านลูกนายเยี่ยงกูได้อย่างไร”
วาจาของผกากรองหากเป็นผู้อื่นได้ยินคงเจ็บปวดจนร่ำไห้ ทว่าแก้วที่ตั้งแต่เด็กก็ถูกพี่สาวผู้นี้เย้ยหยันดูแคลนมาเสมอ ดังนั้นคำพูดของอีกฝ่ายให้หนักหนาเพียงใดก็มิอาจทำให้หัวใจของแก้วร้อนรนเว้นเพียงคำว่า ‘ตัวแทน’ หัวใจที่ไม่เคยเจ็บปวดเพราะคำพูดของพี่สาวพลันรู้สึกร้าวรานขึ้นมา หากแต่บนใบหน้ายังคงยิ้มหวานเอ่ยเสียงละมุนอ่อนโยน
“ฉันดีใจกับวาสนาพี่ด้วย เช่นนั้นพี่เอาแป้งร่ำของฉันไปใช้ดีหรือไม่ ผู้ใดก็ว่าหอมนัก”
“หึ! หากหอมนักเหตุใดต้องมายัดเยียดขายให้กูเยี่ยงนี้เล่า แต่เอาเถิดถือว่ากูเวทนา ทั้งหมดเท่าใดกัน”
“พี่มิต้องจ่ายเบี้ยอัฐให้สิ้นเปลืองดอก ของพวกนี้ฉันให้”
ผกากรองที่กำลังหยิบอัฐจากถุงพลันชะงักมืออย่างขุ่นเคือง เมื่อตีความคำพูดของน้องสาวว่าอีกฝ่ายกำลังดูแคลนตน
“มึงคิดว่ากูมิมีเงินจ่ายมึงรึอีแก้ว”
เสียงแผดตวาดก้องของผกากรองเรียกสายตาจากทุกคนให้หันมามอง แก้วพลันหน้าเสียเพียงคิดมอบของให้อีกฝ่ายด้วยใจ ไม่คิดว่าผกากรองจะตีความหมายคำพูดของตนไปอีกทาง
“กูมิได้สิ้นไร้ไม้ตอกจนต้องมาขอของของมึง ก็แค่แม่ค้าขายน้ำอบแป้งร่ำมึงคิดว่าอยู่เหนือกูรึ”
“เปล่าจ้ะ ฉันแค่…”
“แค่อยากโอ้อวดตนแลดูแคลนกู เห็นว่ากูเป็นทาสใช่หรือไม่”
“ไม่ใช่นะจ๊ะพี่ผกากรอง”
“ไม่ใช่แล้วอย่างไร”
ผกากรองตวาดพร้อมกับปัดน้ำอบแลแป้งร่ำของแม่แก้วตกลงพื้นแตกกระจายเสียหาย ก่อนจะใช้มือจับกระชากผมของน้องสาวมาประชิดแล้วเอ่ยเสียงเยือกเย็นลอดไรฟัน
“อีแก้ว อีกาลกิณี อีตัวอัปรีย์ ชีวิตของมึงจนตายก็อย่าได้คิดจะอยู่เหนือกู!”
จบประโยคผกากรองก็ออกแรงผลักคนจนแก้วเซถลาล้มลงไปกองกับพื้น หยาดน้ำตาไหลลงอาบแก้มมองแผ่นหลังของผกากรองที่เดินจากไปด้วยความเสียใจ ชีวิตนี้เธอเหลือเพียงผกากรองที่เป็นญาติสนิทจะคิดร้ายต่ออีกฝ่ายได้อย่างไร หากแต่ในใจผกากรองกลับมิได้คิดเฉกเช่นน้องสาว ใบหน้าที่แต่งแต้มมาอย่างงดงามบึ้งตึงเดินหลบมาสงบสติอารมณ์ที่หลังตลาด หากแต่โทสะยังไม่ทันคลายเสียงคุ้นหูก็ดังขึ้น
“ผกากรอง!”
ผกากรองหันไปตามเสียงเรียกดวงตาเรียวพลันเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนก ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นแค้นเคืองเมื่อเห็นว่าคนที่เรียกขานตนคือนายโชค น้าเขยที่เคยร่วมเล่นเชยชิมรสสวาทร่วมกันในอดีต
“ข้าคิดถึงเอ็งนัก ผกากรอง”
แม้จะแค้นเคืองอีกฝ่ายจนอยากจะฆ่าให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ ทว่าเมื่อคิดถึงเรื่องราวในอดีตที่คนตรงหน้ากระทำกับตนแผนร้ายบางอย่างก็ผุดขึ้นในใจ ดวงตาเรียวกวาดมองรอบตัวเมื่อเห็นว่าปลอดคนก็โผเข้าไปโอบกอดอีกฝ่ายแนบแน่น
“น้าโชค”
โชคตัวเกร็งตื่นตระหนกเดิมทีคิดว่าผกากรองคงแค้นเคืองเรื่องในวันวานจนแทบฆ่าเขา ไม่คิดว่าพอได้พบหน้าหญิงสาวจะมีกิริยาโหยหาตนเช่นนี้ แต่เมื่อคิดถึงรสรักที่ถึงใจของตนเองก็มั่นใจว่าผกากรองคงลุ่มหลงจนลืมไม่ลงแน่นอน
“กอดข้าเสียแน่น คิดถึงข้ามากใช่หรือไม่”
“ใช่จ้ะ ฉันคิดถึงน้าโชค คิดถึงทุกวันเลยจ้ะ”
ที่ชีวิตของเธอต้องตกต่ำ เป็นทาสในเรือนเบี้ยให้ผู้อื่นดูแคลนก็เพราะคนตรงหน้า แน่นอนว่าผกากรองย่อมต้องคิดถึงเขาทุกวัน
“เยี่ยงนั้นวันนี้ข้าจะคลายความคิดถึงให้เอ็งอย่างหนำใจ”
ผกากรองเบ้ปาก รู้สึกมวนท้องจนแทบอาเจียน เมื่อโชคซุกไซ้ใบหน้าเข้าแนบชิดลำคอขาว กลิ่นสุราเหม็นคละคลุ้งปะปนกับกลิ่นเหงื่อไคลสกปรกจนเธอต้องกลั้นลมหายใจ ปล่อยให้โชคสัมผัสตัวเธอจนร่างกายบุรุษตื่นตัวหญิงสาวก็ยันตัวถอยห่าง
“มีกระไร”
“วันนี้ฉันมากับแม่นายเรไร มิสะดวกอยู่นาน”
“เยี่ยงนั้นข้าจะเจอเอ็งได้เมื่อไหร่”
ท่าทางร้อนรนและแววตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนาของโชคทำให้ผกากรองยิ้มกว้าง
“ฉันเป็นทาสในเรือนคนอื่นแล้ว หากน้าโชคอยากเจอก็คงมิง่ายเว้นเสียแต่…”
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 15 : สิ้นรักไร้สวาท (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 15 : สิ้นรักไร้สวาท (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 14 : ทำหน้าที่เมีย (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 14 : ทำหน้าที่เมีย (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 13 : เล่ห์มารยา (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 13 : เล่ห์มารยา (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 12 : มีเงินท่วมหัว มิเท่ามีผัวพระยา (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 12 : มีเงินท่วมหัว มิเท่ามีผัวพระยา (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 11 : ยวนสวาท (3)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 11 : ยวนสวาท (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 11 : ยวนสวาท (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 10 : ยั่วราคะ (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 10 : ยั่วราคะ (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 9 : เปื้อนราคี (3)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 9 : เปื้อนราคี (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 9 : เปื้อนราคี (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 8 : กลรักดอกแก้ว (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 8 : กลรักดอกแก้ว (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 7 : เล่ห์ร้ายผกากรอง (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 7 : เล่ห์ร้ายผกากรอง (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 6 : เพลิงริษยา (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 6 : เพลิงริษยา (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 5 : ไฟรัญจวน (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 5 : ไฟรัญจวน (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 4 : อวลกลิ่นดอกแก้ว (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 4 : อวลกลิ่นดอกแก้ว (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 3 : กรุ่นกลิ่นผกากรอง (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 3 : กรุ่นกลิ่นผกากรอง (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 2 : ดวงบริพัตร (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 2 : ดวงบริพัตร (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 1 : ดวงกาลกิณี (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 1 : ดวงกาลกิณี (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว : บทนำ