กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 13 : เล่ห์มารยา (1)

กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 13 : เล่ห์มารยา (1)

โดย : ชีวาพร

Loading

กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว โดย ชีวาพร เรื่องราวของสองพี่น้องที่ชีวิตแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน คนหนึ่งใบหน้างดงามโดดเด่นเป็นที่ปรารถนาของผู้คน อีกคนใบหน้าสามัญและยังมีชะตากาลกิณีติดตัวมาตั้งแต่เกิด ชีวิตของทั้งคู่จะดำเนินไปในทิศทางใด อ่านเรื่องราวของพวกเธอได้ในเว็บไซต์อ่านเอา anowl.co และเพจ anowldotco

ปราบกลับขึ้นเรือนมาเห็นแก้วเปิดหีบเงินออกมานั่งนับก็ขมวดคิ้วมุ่น เดินไปนั่งที่ตั่งข้างก่อนเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“เทเงินออกมานับเสียหมดหีบ จักเอาเงินไปทำอันใดรึแม่แก้ว”

“ขายพริกไทยให้แม่ทองจีนครานี้ได้เงินมามากโข ข้าจักเอาไปไถ่ตัวพี่ผกากรองจ้ะ”

แก้วหยิบเงินที่ได้จากการทำการค้าร่วมกับทองจีนนับใส่ถุงเงินแล้วรูดปิดปากถุง ใบหน้างามฉายชัดถึงความกังวลใจอยู่ในทีจนปราบต้องเดินไปนั่งข้าง แล้วดีดนิ้วลงบนกลางระหว่างคิ้วเบาๆ

“เป็นกระไร เหตุใดจึงทำหน้ายับย่นราวกับมีเรื่องใหญ่โต”

“ฉันได้ยินว่าเพลานี้พี่ผกากรองได้เป็นเมียของคุณทองแล้ว มิรู้ว่าเศรษฐีเพชรจะยอมให้ไถ่คนหรือไม่”

ในแววตากลมมีความกังวลเศร้าหมอง ผกากรองเกิดมามิเคยต้องทำงานหนักร่วมปีมานี้ตกเป็นทาสเขาคงยากลำบากมิน้อยทีเดียว

“ฉันสงสารพี่ผกากรองจ้ะพี่ปราบ ตกเป็นทาสเขาแล้วเขาจะบังคับเยี่ยงไรก็ต้องยินยอม”

ปราบถอนหายใจยาว คนเยี่ยงผกากรองมีอันใดให้ต้องสงสารเห็นใจกัน ทว่าเมื่อเห็นแก้วร้อนใจจนใบหน้าขมวดมุ่นก็ถอนหายใจยาว ลุกเดินไปหยิบหีบเงินของตนเองมาส่งให้แก้ว

“กระไรหรือจ๊ะ”

“เงินของพี่ แม่แก้วอยากเอาไปช่วยใครหรือทำอะไรก็สุดแล้วแต่เลย”

“แต่ว่า…”

“เงินผัวก็คือเงินเมีย ต่อจากนี้เรื่องเงินทองของพี่แม่แก้วก็ช่วยดูแลจัดการเถิด”

แก้วเม้มริมฝีปากบางเงยหน้ามองชายหนุ่มด้วยความซาบซึ้งใจ ขยับตัวโอบเอวหนาแล้วซบหน้าลงบนอกแกร่ง

“ขอบน้ำใจพี่นักจ้ะ”

วันต่อมาแก้วก็ไปที่เรือนเศรษฐีเพชรหมายจะไถ่ตัวพี่สาวให้พ้นจากการเป็นทาส แต่ปรากฏว่าอีกฝ่ายกลับถูกหลวงโยธาธิบาลไถ่ถอนตัวไปก่อนแล้ว ในใจของแก้วพลันเกิดความกังวลใจเป็นทบทวี อีกฝ่ายเป็นขุนนางใหญ่การจะเข้าพบมิใช่เรื่องง่ายเช่นเรือนไพร่ เรือนเศรษฐี เยี่ยงนี้เธอจักช่วยพี่สาวออกมาได้เยี่ยงไรกัน

“แม่แก้ว”

ปราบเห็นแก้วนั่งเหม่อลอยที่ชานเรือนก็เดินมานั่งข้างๆ

“พี่ปราบ กลับมาแล้วหรือจ๊ะ กินกระไรมาหรือยัง วันนี้ฉันทำขนมตาลเอาไว้พี่อยากกินหรือไม่”

“พี่ยังมิหิวดอก ว่าแต่เป็นกระไรไปเหตุใดจึงทำหน้ายุ่งอีกแล้ว”

มือหนาสองข้างวางลงบนแก้มนุ่ม ใช้ปลายนิ้วกดลงบนคิ้วเรียวคลึงเบาๆ ให้คิ้วที่ขมวดมุ่นคลายออก

“วันนี้ฉันไปไถ่ตัวพี่ผกากรองมา แต่ท่านเศรษฐีเพชรขายพี่ผกากรองให้คุณหลวงครามแล้วจ้ะ”

“หลวงคราม…หลวงโยธาธิบาลน่ะรึ”

“จ้ะ คุณหลวงคนนี้ผู้คนเล่าลือว่าเจ้าชู้มักมาก ในเรือนมีหญิงที่ตกเป็นเมียท่านมากมายนัก ฉันเป็นห่วงพี่ผกากรองจ้ะพี่ปราบ”

ปราบถอนหายใจยาว เรื่องของผกากรองนั้นเขาได้ยินเพื่อนซึ่งสังกัดเป็นไพร่ของหลวงโยธาธิบาลเล่าให้ฟังว่า แท้จริงแล้วหาใช่ผกากรองถูกบังคับขายออกไป แต่เป็นเจ้าตัวที่กระโดดลงเรือของคุณหลวงท่านตั้งแต่ยังเป็นทาสในเรือนของเศรษฐีเพชร แลหลวงโยธาธิบาลก็ลุ่มหลงเธอนัก ยอมจ่ายอัฐถึงสามสิบบาทเพื่อไถ่ถอนตัวคน

“เอาเถิดมิต้องกังวลไป รอพี่จัดการกิจธุระแล้วเสร็จจักพาไปเรือนคุณหลวงท่านดีหรือไม่”

แม้จะขัดเคืองใจแลไม่เห็นด้วยที่แก้วต้องไปยุ่งยากกับหญิงเยี่ยงผกากรอง ทว่าปราบก็ไม่อาจทนเห็นเธอนั่งกังวลเศร้าใจอยู่เช่นนี้ในที่สุดก็เอ่ยอาสาพาไปช่วยคน

 

แรกเริ่มเข้าเรือนมาแม้ผกากรองจักถูกคุณพริ้มกลั่นแกล้งให้ไปอยู่เรือนเล็กสำหรับเมียทาสี ทว่าหลังจากที่หลวงโยธาธิบาลเรียกเธอขึ้นมาปรนนิบัติบนเรือนใหญ่ เธอก็ใช้มารยาหญิงออดอ้อนจนหลวงโยธาธิบาลยกห้องรับรองปีกซ้ายให้ผกากรองได้ขึ้นมาอยู่บนเรือน

“เมื่อครั้งอยู่ที่เรือนท่านเศรษฐี คุณทองมอบคนไว้ให้บ่าวใช้สอยถึงสองคน หากมีคนรู้ว่าบ่าวมาอยู่กับคุณหลวงแล้วไม่เพียงไม่มีห้องหับดีๆ ให้หลับนอน แม้แต่คนให้เรียกใช้สอยก็ไม่มี เกรงว่าผู้คนจะเย้ยหยันคุณหลวงได้นะเจ้าคะ”

“ก็แค่คนรับใช้สองสามคน เอ็งอยากได้ใครก็ไปเลือกมา”

“คนคอยรับใช้ก็เหมือนดั่งหน้าตาผู้เป็นนาย หากเลือกไม่ดีก็มีแต่จะทำให้อับอาย บ่าวได้ยินว่าแม่ขวัญได้รับการอบรมจากคุณพริ้มมาตั้งแต่เยาว์วัย เยี่ยงนั้นให้มันมาอยู่รับใช้บ่าวได้หรือไม่เจ้าคะ”

“หากเอ็งพอใจ ข้าจะให้คุณพริ้มส่งมาให้”

“คุณหลวงของบ่าวช่างมีเมตตาต่อบ่าวนัก เยี่ยงนั้นคืนนี้ให้บ่าวปรนนิบัติตอบแทนนะเจ้าคะ”

หลวงโยธาธิบาลยกยิ้มกว้างอย่างพึงพอใจ เขาเป็นชายเรื่องเยี่ยงนี้ย่อมมีความปรารถนาอยู่มากโข ทว่าบรรดาหญิงสาวที่รับมาเป็นเมียนั้นต่างทำกระไรมิได้ดังใจ ครั้นจะไปเที่ยวหาความสำราญที่โรงรับชำเราบุรุษก็กลัวว่าผู้คนจะครหาเล่าลือจนกระทบกับตำแหน่งหน้าที่ ดังนั้นเพลานี้จึงทั้งรักทั้งลุ่มหลงผกากรองอยู่มากโข

ร่างกายของคุณหลวงสุขสมมองเรือนร่างเย้ายวนที่นั่งคร่อมเอวสอบมอบรสรักอันเร่าร้อนให้ตนอย่างดุเดือดแล้วครวญเสียงต่ำ ผกากรองจงใจส่งเสียงหวานกระเส่าดังกว่าปกติ โดยหวังให้หญิงสาวห้องข้างได้ยิน

“คุณหลวงของบ่าว เก่งกาจยิ่งนัก”

“อ่า…แม่ผกากรอง เร่งอีกข้าจะมิไหวแล้ว”

ผกากรองหงุดหงิดใจอยู่ในที ด้วยตนเองยังมิทันสุขสมคนใต้ร่างก็เสร็จกิจไปเสียหลายหน ผ่านไปครึ่งคืนอีกฝ่ายก็หมดแรงหลับใหลชนิดที่ปลุกอย่างไรก็มิตื่นมาสานต่ออารมณ์ที่คั่งค้างของเธอ ผกากรองจึงสวมผ้านุ่งกระโจมอกเดินไปนั่งบนตั่งที่ริมหน้าต่างหอนอนหมายใช้สายลมเย็นดับความร้อนรุ่มในกาย ไม่คิดว่าสายตากลับมองเห็นเงาร่างที่คุ้นเคยอยู่ด้านล่าง

มุมปากของผกากรองยกขึ้นเล็กน้อย ดูเหมือนเสียงครวญของเธอจะมิเพียงลอดผ่านไปยังหอนอนข้างห้อง แต่ยังเล็ดลอดไปถึงด้านล่างด้วย ดวงตาเรียวมองสบสายตากับ ทวน ทาสหนุ่มที่กำลังปรนเปรอความสุขให้ตนเอง แล้วจงใจปลดปมผ้าเผยทรวงอกขาวเนียนสะท้อนแสงตะเกียง ดวงตาของทวนเบิกกว้างไม่คิดว่าผู้หญิงของผู้เป็นนายจะกระทำเช่นนี้ ยิ่งเห็นท่าทางบีบเคล้นเนื้อนิ่มและสีหน้าที่ยั่วยวนปลุกเร้าอารมณ์มือหนาของทวนก็เร่งเร้าจังหวะ เช่นเดียวกับมือเรียวของผกากรองที่ปรนเปรอตนเอง

รสรักที่แปลกใหม่นี้ทำให้สองชายหญิงถึงฝั่งฝันไปพร้อมกัน ผกากรองส่งยิ้มกว้างใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดมือที่เปียกชุ่มแล้วจงใจทิ้งลงจากหน้าต่างหอนอนก่อนเดินกลับไปที่เตียงนุ่ม เอนกายอิงแอบคุณหลวง ขณะที่ทวนหยิบผ้าที่มีกลิ่นรักของผกากรองมาเก็บเอาไว้อย่างลุ่มหลง



Don`t copy text!