กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 6 : เพลิงริษยา (2)

กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 6 : เพลิงริษยา (2)

โดย : ชีวาพร

Loading

กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว โดย ชีวาพร เรื่องราวของสองพี่น้องที่ชีวิตแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน คนหนึ่งใบหน้างดงามโดดเด่นเป็นที่ปรารถนาของผู้คน อีกคนใบหน้าสามัญและยังมีชะตากาลกิณีติดตัวมาตั้งแต่เกิด ชีวิตของทั้งคู่จะดำเนินไปในทิศทางใด อ่านเรื่องราวของพวกเธอได้ในเว็บไซต์อ่านเอา anowl.co และเพจ anowldotco

“กูได้ยินมาว่าอีแก้วน้องมึงมีคนมาขอไปเป็นเมีย สินสอดมากโขถึงสิบบาทเลยทีเดียวเชียว ช่างเป็นหญิงมีวาสนานัก มิเหมือนพี่สาวเยี่ยงมึง ร่านจนต้องถูกขายมาเป็นทาส”

เย็นที่ลอบไปสืบข่าวเรื่องของผกากรองมาเอ่ยเย้ยหยันพลางขบขัน ผกากรองขบกรามแน่นด้วยความแค้นใจ มือเรียวขาวที่แสบร้อนเพราะเด็ดพริก หากแต่เมื่อต้องเทียบกับความร้อนรุ่มในใจกลับมิถึงเศษเสี้ยว

“โถๆๆ แม่ผกากรองคนงามแห่งบ้านวัดท่าเกวียน ช่างน่าสมเพชนัก”

ผกากรองฟังวาจาเหยียดหยันและรอยยิ้มเยาะเย้ยโทสะในใจก็ไม่อาจควบคุมได้อีก ยามที่เย็นกำลังจะเดินจากไปมือที่เด็ดพริกก็หยิบอ่างน้ำแช่พริกเทราดลงบนหัวของอีกฝ่าย ก่อนจะยกตีนขึ้นถีบบั้นท้ายจนเย็นล้มหน้าทิ่ม ไม่ทันได้ขยับตัวลุกขึ้นผกากรองก็เดินมานั่งทับบนแผ่นหลัง พลางจับหัวของเย็นกระแทกลงบนพื้นโดยไม่ยั้งแรงมือแม้แต่เศษเสี้ยว กว่าที่บ่าวคนอื่นจะมาลุกขึ้นมาจับทั้งสองแยกจากกันหน้าผากของเย็นก็แตกเป็นแผลยาวเลือดไหลลงอาบแก้ม

“อีผกากรอง มึงกล้าทำกูหัวแตกเชียวรึ”

“ปากหมาๆ อย่างมึงแค่นี้ยังน้อยไป!”

ผกากรองสลัดตัวจนหลุดจากการจับกุมก็พุ่งทะยานตัวไปกระชากหัวของเย็น ง้างมือขึ้นตบลงบนใบหน้าอีกฝ่าย หากแต่เย็นมิใช่คนอ่อนแอที่จะยอมให้ถูกรังแกฝ่ายเดียว หลังจากตั้งหลักได้ก็ยกเท้าขึ้นถีบหน้าท้องผกากรองจนหงายหลัง ก่อนจะตามมาขึ้นคร่อมง้างมือขึ้นตบสวนกลับเช่นเดียวกัน

“อีหมาลอบกัด วันนี้กูจะเอาเลือดหัวมึงออก”

ผกากรองก่อนหน้าถูกชบาเลี้ยงมาอย่างทะนุถนอมมีหรือจะสู้แรงหญิงที่เป็นทาสมาแต่เยาว์อย่างเย็นไหว แม้จะป้องปัดโต้ตอบก็ยังตกเป็นรอง ถูกเย็นตบตีจนใบหน้าบวมช้ำ ปากแตกเลือดกบ

“เย็นหยุด!”

ก้อนที่ได้ยินเสียงโวยวายเดินเข้ามาเห็นเย็นกำลังตบตีคนก็รีบเข้ามาห้าม ดึงเย็นออกมาจากผกากรอง แล้วเอาตัวเข้าขวางเอาไว้ ผกากรองเห็นหนทางรอดก็รีบลุกขึ้นมากอดแขนซบอกของก้อนอย่างแนบเนียน

“พี่ก้อนช่วยฉันด้วย พี่เย็นจะทำร้ายฉัน”

ท่าทางหวาดกลัว น้ำเสียงสั่นเครือของผกากรองชวนให้ผู้พบเห็นสงสารอยู่ในที จนก้อนอดที่จะเวทนาไม่ได้ หันมาเอ่ยตำหนิเย็นเสียงเข้ม

“อีผกากรองปล่อยพี่ก้อนของกูนะ อีหญิงร่าน”

เมื่อเห็นท่าทีหึงหวงของเย็นผกากรองก็ยิ่งได้ใจ จากที่กอดแขนซบอกก็ขยับเป็นโอบเอวหนาแนบแน่น ตีสีหน้าหวาดกลัววางท่าตัวสั่นจนก้อนถอนหายใจยาวตวัดสายตาดุมองเย็น

“เย็นหยุด! หาไม่ข้าจักแจ้งน้าอิ่มให้รายงานคุณท่าน”

“พี่ก้อน นี่พี่…”

“พี่ก้อนอย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่เลยจ้ะ เรื่องนี้ฉันเองก็ผิด แต่หากพี่เย็นไม่มาดูแคลนด่าทอฉัน ฉันก็คงไม่…”

“อีตอแหล วันนี้กูจะตบมึงให้ตายคามือกูเลย”

เย็นมองท่าทางตีหน้าเศร้าราวกับเป็นหญิงบอบบางถูกรังแกของผกากรองแล้วโทสะในใจก็ยิ่งพุ่งทะยานอย่างไม่อาจอดทนได้อีก ยกมือขึ้นชี้หน้าด่าทอพร้อมกับโผเข้าไปกระชากตัวคน

“เย็น!”

ก้อนเอ่ยตวาดเสียงก้องจนบ่าวในเรือนพากันสะดุ้งตกใจ เย็นพลันน้ำตาคลอมองชายที่ตนผูกใจรักใคร่มาหลายปีปกป้องหญิงอื่นด้วยความปวดร้าว ก่อนจะเม้มริมฝีปากกลั้นก้อนสะอื้นแล้ววิ่งหนีไป

“ขอบน้ำใจพี่ก้อนที่ช่วยฉันไว้”

ผกากรองขยับตัวถอยห่างจากอกก้อน แล้วยกมือขึ้นพนมไหว้เสียงสั่น ท่าทางรู้จักวางตัวของผกากรองทำให้ก้อนมองเธออย่างสนใจ

“มิเป็นกระไร”

ผกากรองช้อนตาขึ้นมองชายหนุ่มด้วยแววตาซาบซึ้ง น้ำเสียงที่อ่อนหวาน ดวงตาเรียวที่แดงก่ำ ทำให้ก้อนใจหวั่นไหวโดยไม่รู้ตัว หากแต่ยามที่ลับสายตาของก้อน สายตาหวาดหวั่นเมื่อครู่ก็แปรเปลี่ยนเป็นเย้ยหยันแข็งกระด้าง เมื่อคิดถึงเรื่องราวที่เย็นบอกเล่าในใจก็คล้ายมีไฟสุม

กูงามถึงเพียงนี้ จะตกต่ำกว่าอีแก้วได้เยี่ยงไร คอยดูเถิด กูจักต้องได้ดีกว่ามัน

 

แม้ไม่ได้ตบแต่งเอิกเกริกใหญ่โตกระไร แต่เรื่องที่ปราบรับแก้วมาเป็นเมียด้วยเงินค่าตัวถึงสิบบาทคนก็ล่วงรู้กันไปทั่วทั้งย่านชุมชนใกล้วัดท่าเกวียน แก้วที่เพิ่งย้ายเรือนมาอยู่ที่เรือนแม่สายมิรู้ว่าควรทำตัวเช่นไรก็ได้แต่นั่งกอดห่อผ้าของตนอยู่ที่ข้างตั่งนั่งในหอนอนของปราบ

“เหตุใดไปนั่งที่พื้นเยี่ยงนั้นเล่า มิกลัวเป็นไข้รึ”

แก้วสะดุ้งจนไหล่ยก เมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นปราบอยู่ในสภาพเปลือยอกบนกายมีเพียงผ้านุ่งผืนเดียวในใจก็สั่นระรัว สองมือเย็นชื้น เบี่ยงสายตาหลบไม่กล้ามองเขาตรงๆ เช่นวันวาน

“ฉัน…ฉันออกไปหาน้าสายก่อนนะจ๊ะ”

ปราบมองคนที่ลุกลี้ลุกลนต่างจากปกติก็ยกมุมปากขึ้น ขยับตัวไปขวางประตูหอนอนจนแก้วที่เร่งรุดจะออกจากห้องชนเข้ากับอกแกร่งที่เปลือยเปล่าเซถลาจวนล้ม แขนแกร่งจึงตวัดโอบประคองเอวบาง ความใกล้ชิดแบบกะทันหันนี้ทำให้สองแก้มของแก้วร้อนผ่าว หัวใจเต้นถี่ระรัวมากกว่าเดิม

“วันนี้แม่พี่ไปวัด เอ็งออกไปก็มิพบผู้ใด”

“อย่างนั้นฉัน…ฉันจะไปเก็บกวาดเรือน”

“ฟ้ามืดแล้วผู้ใดเขาเก็บกวาดเรือนกัน”

ปราบเอ่ยบอกเสียงเจือขบขัน พลางกระชับอ้อมแขนดึงคนที่ตัวสั่นเข้าแนบชิด โน้มใบหน้าลงเอ่ยเสียงเบาข้างใบหูเล็ก

“ยามฟ้ามืดผัวเมียควรทำเรื่องใด ต้องให้พี่บอกหรือไม่”

“พะ…พี่ปราบอย่ามาล้อฉันเล่นเยี่ยงนี้ ปล่อยฉันนะ”

แก้วเอ่ยพลางขยับตัวออกจากอ้อมแขนแกร่ง ปราบขมวดคิ้วหนา มองคนตรงหน้าด้วยความสงสัยปนขุ่นเคืองใจ

“แม่แก้ว นี่หมายความว่าอย่างไร”

แก้วก้มหน้าหลบสายตาคม ในใจของเธอรู้ดีว่าหัวใจของปราบมีเพียงผกากรองผู้เป็นพี่สาว เรื่องในวันนี้เป็นเพราะสถานการณ์บังคับเขาจึงจำต้องรับเธอเป็นเมีย แต่หากภายหน้าปราบสามารถไถ่ถอนตัวผกากรองออกมาได้เขาย่อมต้องรับพี่สาวของเธอขึ้นเป็นเมียอีกคน แม้เรือนอื่นจะมิถือเรื่องพี่น้องใช้ผัวร่วมกัน แต่สำหรับแก้วกลับไม่อาจทำใจมีสภาพเยี่ยงนั้นได้

“เรื่องวันนี้ฉันรู้ว่าพี่จำใจออกหน้าให้ ฉันจะรีบหาเงินมาคืนพี่…” แล้วพี่จะได้นำไปไถ่ตัวพี่ผกากรองมาเป็นเมีย

ประโยคหลังแก้วได้แต่เอ่ยบอกอยู่ในใจ ดวงตากลมร้อนผ่าวเม้มริมฝีปากบางกลั้นก้อนสะอื้น ปราบขบกรามกำหมัดแน่น พยายามข่มกลั้นโทสะที่ไร้สาเหตุของตน

“เยี่ยงนั้นเอ็งก็เร่งเข้านอนเถิด พี่จะไปนอนที่หอข้าง”

เอ่ยจบปราบก็หยิบเสื้อมาสวมแล้วเดินออกจากหอนอนไปอย่างหงุดหงิด ไม่รู้เพราะเหตุผลใดแต่เมื่อได้เห็นท่าทางไม่ยินดีเป็นเมียเขาของแก้วหัวใจของปราบก็รู้สึกขุ่นเคืองยิ่งนัก

หรือแม่แก้วจะมีชายที่ต้องใจแล้ว

ความคิดฟุ้งซ่านมากมายประเดประดังเข้ามาในความคิด ภาพชายหนุ่มที่มารุมล้อมซื้อของจากแม่แก้วในอดีตสะท้อนในความคิดชวนให้คาดเดาถึงคนที่แก้วพึงใจอยากใช้ชีวิตคู่ด้วย



Don`t copy text!