พลิกรักทำนายใจ บทที่ 19.3 : พระราชาถือเหรียญคนนั้น

พลิกรักทำนายใจ บทที่ 19.3 : พระราชาถือเหรียญคนนั้น

โดย : แสนแก้ว

Loading

พลิกรักทำนายใจ โดย แสนแก้ว เรื่องราวของสายมูตัวแม่ที่ช่วยเหลือคนอื่นมากมาย แต่ความรักของตัวเองกลับไม่รอดราวกับดวงความรักอาภัพซะเหลือเกิน คงจะมีแค่ ‘พี่ภู’ เท่านั้นที่ดีต่อเธอเอ…เธอผู้รู้ใจลูกค้าดั่งมีตาทิพย์กลับไม่เคยมองเห็นหัวใจเขาเลยสักทีได้อย่างไร นวนิยายอ่านฟรีสนุกๆ ที่อ่านเอามีให้คุณได้อ่านที่ anowl.co

ใกล้สี่ทุ่ม มนชิดามาจอดรถริมถนนใกล้สถานีรถไฟใต้ดินที่เดิม

วันนี้ไม่ใช่วันทำงาน มันคือวันออกรบชัดๆ มนชิดาหัวเราะหึๆ ทั้งเจ้านายและลูกค้าต่างช่วยกันสูบพลังจนหมดทั้งร่าง แล้วยังต้องปลุกความสดชื่นสดใสไปไลฟ์ขายเสื้อผ้าอีก เวลานี้เธออ่อนล้ามากทีเดียว

ใครหลายคนอาจจะรีบกลับบ้านนอน แต่สำหรับเธอแล้วการเรียนกีตาร์คือการพักผ่อนที่สบายที่สุด

คิดถึงตรงนี้ หน้าสวยใสก็สดชื่นขึ้นทันตา

แต่ในจังหวะที่จะเปิดประตูรถนั้นเอง หญิงสาวก็ทันเห็นผู้หญิงคนหนึ่งในชุดนอนสีม่วงลายๆ ออกมาจากซอยเล็ก เลี้ยวไปทางสถานีรถไฟใต้ดิน เธอเห็นแต่ข้างหลัง อีกทั้งไฟถนนก็สาดส่องแค่สลัวรางจึงสังเกตอะไรได้ไม่มาก

มนชิดาเขม้นมอง สงสัยว่าเป็นคนเดียวกับที่เคยเห็นก่อนหน้านี้หรือเปล่า

ท่าเดินฉับๆ สบายอารมณ์ ทรงผมยุ่งเล็กน้อยยาวเลยบ่า ดูคุ้นตาอย่างบอกไม่ถูก มนชิดาก้าวลงจากรถแล้ววิ่งตามไป

สาวชุดนอนม่วงลงบันไดของสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินไปแล้ว มนชิดานึกได้อีกอย่างว่า เธอคนนี้ไม่เพียงแต่ใส่ชุดนอนเดินทางเท่านั้น เธอไม่ได้สะพายกระเป๋าเป้เหมือนครั้งก่อน นี่คงจะโดยสารรถไฟฟ้าแบบเก๋สุด ใส่ชุดนอน มากับบัตรโดยสาร อื่นใดที่ต้องใช้เงินก็คงใช้โทรศัพท์มือถือโอนเงินเอา

มนชิดาตามลงบันไดเลื่อนไปด้วย อยากเห็นสักหน่อยว่าสาวชุดนอนม่วงเป็นใครกันแน่ แต่พอลงไปถึงแล้ว ทางเดินยาวเข้าสู่ชานชาลากลับว่างเปล่า

เธอคนนั้นหายไปแล้ว จะบอกว่าเดินเข้าไปจนถึงจุดแตะบัตรแล้วก็ไม่มีทางเป็นไปได้ เธอตามหลังมาไม่นานเท่าไร ไม่มีทางที่ผู้หญิงคนนั้นจะเดินเร็วขนาดนั้น

มนชิดาหันไปอีกทางซึ่งเป็นบันไดเลื่อนขึ้นสู่ด้านบน

“เอ๊ะ หรือว่า…”

ความเข้าใจเกิดในวินาทีนั้น แท้จริงแล้วหญิงสาวคนนี้คงลงอุโมงค์มาข้ามถนนเฉยๆ

ดูจากที่ใส่ชุดนอน แสดงว่าบ้านอยู่ไม่ไกล ฝั่งตรงข้ามมีคอนโดฯ อยู่ มนชิดาจำได้เพราะเคยมาส่งดวงศิริครั้งหนึ่ง

มนชิดาดวงตาเบิกโพลง เมื่อคิดว่าผู้หญิงคนนั้นอาจเป็นดวงศิริก็เป็นได้ ท่าเดิน รูปร่าง ทรงผม และกระเป๋าโน้ตบุ๊กที่เคยเห็นก็เข้าล็อกพอดี

“ยัยหวานมาทำอะไรฝั่งนี้นะ ดึกดื่นป่านนี้ด้วย”

มนชิดากลับขึ้นมาข้างบน มองไปรอบๆ สี่ทุ่มกว่าแบบนี้ร้านรวงปิดหมดแล้ว จะบอกว่ามาซื้อของในมินิมาร์ตที่เปิดยี่สิบสี่ชั่วโมงก็ไม่ใช่ เพราะมินิมาร์ตนั้นอยู่ฝั่งคอนโดฯ

ร้านที่ยังเปิดอยู่ที่ฝั่งนี้ก็คงมีแต่ บ้านของภูริส

แต่ดวงศิริจะมาทำอะไรที่บ้านของภูริส มนชิดาครุ่นคิดหนัก จะว่ามาซื้อเอฟเฟกต์ก็ไม่น่าใช่ และอีกอย่าง หากมาซื้อของจริงจะปล่อยตัวตามสบายขนาดมาในชุดนอนเชียวหรือ

ทันใดนั้น มนชิดานึกได้ว่า ครั้งหนึ่งภูริสเคยบอกว่า เขามีน้องสาวเป็นอินทีเรียดีไซเนอร์

“หรือว่า น้องสาวของพี่ภูก็คือ…”

ฉับพลัน มนชิดารู้แล้วว่าผนังห้องทำงานสีฟ้าครามน้ำเงิน กับเพดานลายสายน้ำพลิ้วไหวนั้นใครเป็นคนออกแบบ

มัณฑนากรที่คำนึงถึงเรื่องดวงกับฮวงจุ้ยมากกว่าประโยชน์ใช้สอยของลูกค้า ถ้าจะเดาว่าเป็นยัยคู่ปรับของตัวเอง ก็คงไม่เป็นการปรักปรำสักเท่าไร

ความคิดอีกกระแสแล่นเข้ามา จำได้ว่าดวงศิริเป็นลูกคนเดียว แสดงว่าไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ แน่สิ คงไม่บังเอิญขนาดนั้น

หญิงสาวรีบเปิดเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมของดวงศิริ พบว่ามีภูริสเป็นเพื่อนร่วมกันจริงด้วย โพสต์ส่วนใหญ่มีแต่อาหาร ขนม กับข่าวดารา แต่เมื่อค้นย้อนไปราวปีกว่า มีรูปคู่ของทั้งสองอยู่หนึ่งรูป

มีคำบรรยายว่า บางครั้งคนที่สนิทที่สุดก็ถ่ายรูปด้วยกันน้อยที่สุด เพราะเจอกันทุกวันอยู่แล้วไง

ขอบตาหญิงสาวร้อนผ่าวทันใด พร้อมกันนั้น คำพูดของดวงศิริซึ่งเคยพูดไว้ครั้งหนึ่งได้ย้อนกลับมาในความทรงจำ คำพูดที่เรียบง่ายแต่ทิ่มแทงใจเธอจนเจ็บแสบ

…เขามีคนที่ชอบ แต่ยังไม่ได้คบ ลักษณะเป็นผู้หญิงอายุอ่อนกว่า เป็นน้องสาวที่ผูกพันกันมานาน

“ที่แท้ก็ยัยหวานเองเหรอ” มนชิดาพึมพำเสียงเครือ “ยัยหวานอีกแล้วเหรอ ทำไมพี่ภูต้องรักมันด้วย”

 



Don`t copy text!