พลิกรักทำนายใจ บทที่ 15.2 : เพลงที่เธอไม่เคยได้ฟัง

พลิกรักทำนายใจ บทที่ 15.2 : เพลงที่เธอไม่เคยได้ฟัง

โดย : แสนแก้ว

Loading

พลิกรักทำนายใจ โดย แสนแก้ว เรื่องราวของสายมูตัวแม่ที่ช่วยเหลือคนอื่นมากมาย แต่ความรักของตัวเองกลับไม่รอดราวกับดวงความรักอาภัพซะเหลือเกิน คงจะมีแค่ ‘พี่ภู’ เท่านั้นที่ดีต่อเธอเอ…เธอผู้รู้ใจลูกค้าดั่งมีตาทิพย์กลับไม่เคยมองเห็นหัวใจเขาเลยสักทีได้อย่างไร นวนิยายอ่านฟรีสนุกๆ ที่อ่านเอามีให้คุณได้อ่านที่ anowl.co

เทศกาลลานเบียร์จบไปหลายวันแล้ว แต่ภูริสยังยิ้มปลื้มได้ทุกวัน ฮัมเพลงรดน้ำต้นไม้อยู่ทุกเย็น

จริงอยู่ว่าเขาเคยเป็นนักดนตรีที่มีชื่อเสียงอยู่บ้างสมัยเรียนมหาวิทยาลัย แต่ไม่เคยมีแฟนเพลงมาทักทายถึงหลังเวทีขนาดนี้ เขาเริ่มเข้าใจแล้วว่าความสุขของพวกศิลปินดังๆ เวลามีงานมีตแอนด์กรี๊ด พบปะแฟนคลับนั้นมันวิเศษอย่างไร

ยิ่งไปกว่านั้น เธอจำเพลงของเขาเมื่อหลายปีก่อนได้ซะด้วย เพลงที่เขาตั้งใจเขียนให้ดวงศิริ

ใครๆ ต่างชมว่าดวงศิริเปลี่ยนไปจากสมัยเรียนมาก จากเด็กเรียนจืดชืดกลายเป็นสาวสวยมีสไตล์ แต่ในสายตาเขาแล้ว ยัยตัวป่วนของเขายังเป็นคนเดิม

เธอแค่เก็บซ่อนความกลัวโดนดูถูกไว้ภายใต้เครื่องสำอางบนใบหน้า ปกป้องตัวเองจากคำวิจารณ์ว่าจืดชืดเฉิ่มเชยด้วยเสื้อผ้าแฟชั่นเก๋ไก๋ แก้ไขความกลัวไม่สมบูรณ์แบบด้วยการปรึกษาไพ่ทาโรต์และขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์

หลายครั้งที่เธอมาขอความเห็นจากเขาในเรื่องต่างๆ ถามว่าเธอคิดแบบนี้ดีหรือยัง คิดถูกไหม คนอื่นเขาทำแบบนี้กันไหม ต่อให้เขายืนยันว่าคิดยังไงก็ได้ไม่มีถูกผิด มีแค่เหมาะหรือไม่เหมาะกับเราเท่านั้น ดวงศิริก็ยังกลับไปเปิดไพ่ทาโรต์เพื่อยืนยันคำตอบอีกทีอยู่ดี

เขาจึงแต่งเพลงนี้ให้ อยากให้เธอรักและมั่นใจในความเป็นตัวเอง

เชื่อใจตัวเองแล้วก้าวต่อไป อยากให้เธอมั่นใจ

เชื่อใจฉัน…เชื่อมั่นในเรา

น่าเสียดายว่ายังไม่มีจังหวะเหมาะๆ ได้ร้องให้เจ้าของเพลงฟังสักที

แต่ไม่เป็นไร ภูริสคลายยิ้มบาง อย่างน้อยแฟนเพลงสาวคนนั้นก็ได้ฟังและได้พลังจากมัน

 

ราวสามทุ่มดวงศิริหอบหิ้วงานมาทำต่อที่บ้านของภูริส วางกระเป๋าโน้ตบุ๊กไว้บนโซฟาห้องนั่งเล่นแล้วนั่งขัดสมาธิกับพื้นพรม จดจ่ออยู่กับหน้าจอโน้ตบุ๊กซึ่งวางบนโต๊ะกระจก

ภูริสกึ่งนั่งกึ่งนอนบนโซฟา หยิบกีตาร์คลาสสิกตัวโปรดมาเกาเล่นเบาๆ อย่างสบายอารมณ์ แต่เจ้าน้องสาวตัวแสบดูจะไม่ได้เพลินใจไปกับเขาด้วย เสิร์ชหาไอเดียงานออกแบบชิ้นใหม่เคร่งเครียด

“ยังไงดีล่ะพี่ภู หวานหามาเป็นชั่วโมงแล้วยังไม่ลงตัวสักที”

“หาดูแต่ในเว็บไซต์มันก็ตันสิ บางทีเราต้องออกไปท่องโลกกว้างบ้าง” เขาดีดสายกีตาร์เพลินมือ “อาจจะเจอแฟนคลับก็ได้นะ”

“อะไรน่ะพี่ภู อย่าเพิ่งเล่นซี มาช่วยกันคิดก่อน”

เขายอมวางกีตาร์ ลงมานั่งข้างๆ หญิงสาวบนพื้นพรม

“ก็ได้ๆ คอนเซปต์อะไรล่ะโปรเจกต์นี้ แล้วลานวิ่งควายนั่นผ่านหรือยัง”

“เอ๊ะ” ดวงศิริหันมากึ่งยิ้มกึ่งบึ้ง “โคลอสเซียมต่างหากล่ะพี่ภู วินเทจที่ดูโมเดิร์น”

“อ่า ใช่ๆ ลานวิ่งควายที่ดูโมเดิร์น”

เขายิ้มกวน โดนตีไปหนึ่งป้าบ

ดวงศิริบิดตัว พักสายตา นั่งยืดขาซึ่งสวมกางเกงนอนขายาวสีเหลืองลายเป็ดน้อยไปกับพื้นพรม

“ว่าแต่ ทำไมช่วงนี้พี่ชายเราอารมณ์ดีจังนะ มีเล่นกีตาร์ด้วย อินเลิฟหรือไงเนี่ย”

ภูริสส่ายหน้ายิ้มๆ

“เปล่า แต่วันก่อนพี่เจอแฟนคลับ”

หญิงสาวร้องว้าว เด้งตัวนั่งตั้งใจฟังทันใด เขาเล่าเรียบเรื่อยว่า

“แฟนคลับตั้งแต่สมัยเด็กเลย เขาจำเพลงของพี่ได้เลยมาทักทายพี่ที่หลังเวที”

“เฮ้ย ดีจัง ดีใจด้วยพี่ภู” เธอสะกิดแขนเขายิกๆ “สวยปะ”

“คนนั้นน่ะเหรอ” ชายหนุ่มกระตุกแขนเสื้อนอนลายเป็ดน้อยบ้าง “สวยมาก”

“ฮึ้ย…”

“ฮึ้ยอะไร”

“ไม่ธรรมดานะเนี่ย ใครกันนะที่มาทำให้พี่ภูของหวานกลับมาจับกีตาร์อีกครั้งหนึ่ง”

ภูริสถอนใจยาว เหล่มองตาแป๋วแหววเป็นประกายของหญิงสาว

“อะไรล่ะ พี่ก็เล่นของพี่ปกติ หวานไม่มาฟังเองต่างหาก”

“ก็จริงเนอะ หวานมาทีไรก็มีแต่ขอข้าวพี่ภูกิน”

“ว่างไหมล่ะ ฟังสักเพลงไหม”

เขาเอี้ยวไปจะหยิบกีตาร์บนโซฟา แต่หญิงสาวโบกมือซะก่อน

“ไว้ก่อนนะพี่ภู หวานต้องรีบแก้งานจริงๆ นี่ยัยหัวหน้าทวงแล้วทวงอีกจนจะกินหัวหวานอยู่แล้ว”

“หัวหน้า…โปรเจกต์เมเนเจอร์ พี่กิ่งน่ะเหรอ”

“ไม่ใช่ พี่กิ่งย้ายไปตั้งนานแล้ว อ้าว…หวานไม่ได้เล่าเหรอ”

เขาส่ายหน้า ดวงศิริเพิ่งรู้ว่าลืมอัปเดตเรื่องใหญ่ให้ท่านพี่ฟังซะแล้ว

ถึงอย่างนั้น เวลานี้ก็ได้แต่โบกมือปัดๆ

“ไว้ก่อน ไว้ก่อน คนนี้ดวงอริยิ่งกว่าพี่กิ่งอีก ไว้จะเมาท์ให้ฟัง”

 

ปิดไลฟ์ขายเสื้อผ้าอย่างสดใสเช่นทุกคืน มนชิดารีบเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลาทุกคนในสตูดิโอ ไม่อยู่กินมื้อดึกกับทีมแอดมิน ส่วนหนึ่งเพราะเธอเป็นนางแบบ ต้องรักษาหุ่น แต่เหตุผลสำคัญกว่าคือเธอจะรีบไปที่บ้านกึ่งร้านขายอุปกรณ์ดนตรีหลังนั้น ต้องหาไอเดียอื่นที่เข้าท่ากว่าโคลอสเซียมของดวงศิริให้ได้

มนชิดาจอดรถริมถนนเพราะในซอยค่อนข้างแคบ ตอนลงจากรถเธอเห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินผ่านไปยังสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน เธอคงไม่มองเหลียวหลังขนาดนี้หากผู้หญิงผมยาวประบ่าซึ่งหายลับลงบันไดเลื่อนไปแล้วนั้นไม่ได้สวมชุดพร้อมนอน เสื้อกับกางเกงขายาวสีเหลืองลายเป็ด สวมรองเท้าแตะ สะพายกระเป๋าโน้ตบุ๊กไว้ข้างหลัง

นางแบบสาวอดสงสัยไม่ได้ว่า เธอคนนั้นจงใจสวมชุดนอนขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินจริงน่ะเหรอ หรือนั่นเป็นชุดเซตสไตล์ชุดนอนสวยเก๋ แฟชั่นเทรนด์ใหม่ที่เธอกับเจ๊เป้ยังตามไม่ทัน

หญิงสาวไล่ความสงสัยทิ้งไป ก้าวเร็วเข้าไปในซอย เธอกลัวความมืดเปลี่ยวรอบข้างจึงพุ่งไปหาแสงไฟสว่างหน้าบ้านดนตรีนั้นให้เร็วที่สุด

เมื่อไปถึงหน้าบ้าน ปรากฏว่ามีชายคนหนึ่งเปิดประตูออกมาพอดี แสงไฟสว่างส่องให้มองเห็นชัดว่าเขาเป็นใคร

มนชิดาเบิกตากว้าง อุทานไม่เบานัก

“คะ…คุณภู”

“อ้าว คุณมายด์”

มนชิดายิ้มกว้าง ไม่นึกเลยว่าจะได้พบใครคนที่เธอยังคงนึกถึงทุกคืนที่นี่

“คุณภูมาซื้อของเหรอคะ”

เขายิ้ม ก่อนจะเปิดประตูให้กว้างขึ้นกว่าเดิม

“เชิญข้างในก่อนสิครับ”



Don`t copy text!