พลิกรักทำนายใจ บทที่ 10.2 : ดวงปีนี้มีเกณฑ์เสียเงินก้อนใหญ่

พลิกรักทำนายใจ บทที่ 10.2 : ดวงปีนี้มีเกณฑ์เสียเงินก้อนใหญ่

โดย : แสนแก้ว

Loading

พลิกรักทำนายใจ โดย แสนแก้ว เรื่องราวของสายมูตัวแม่ที่ช่วยเหลือคนอื่นมากมาย แต่ความรักของตัวเองกลับไม่รอดราวกับดวงความรักอาภัพซะเหลือเกิน คงจะมีแค่ ‘พี่ภู’ เท่านั้นที่ดีต่อเธอเอ…เธอผู้รู้ใจลูกค้าดั่งมีตาทิพย์กลับไม่เคยมองเห็นหัวใจเขาเลยสักทีได้อย่างไร นวนิยายอ่านฟรีสนุกๆ ที่อ่านเอามีให้คุณได้อ่านที่ anowl.co

ยามดึกอากาศเริ่มเย็นลงเล็กน้อย สองสาวอยู่ในชุดนอนกันเรียบร้อย ดวงศิรินั่งกอดเข่าริมประตูกระจกซึ่งเปิดออกสู่ระเบียงหลังห้อง

วิวหลังห้องของเธอไม่ใช่ภาพมุมกว้างของมหานครยามค่ำคืน นั่นเป็นสิ่งที่เธอใฝ่ฝัน แต่ยามนี้เงินที่มียังเนรมิตได้แค่วิวระเบียงห้องของตึกฝั่งตรงข้ามเท่านั้น แต่โชคดีหน่อยที่ห้องนั้นเขาปลูกผักสวนครัวไว้กินเอง ตั้งกระถางเรียงราย ได้เห็นสีเขียวๆ ของต้นไม้จิ๋วๆ บ้างก็ช่วยให้รู้สึกว่าชีวิตไม่เหี่ยวเฉาจนเกินไปนัก

อริสาหย่อนกายนั่งลงใกล้ๆ ยื่นแก้วชาคาโมมายล์โชยกลิ่นกรุ่นละมุนมาตรงหน้า หม่าม้าตาหยีอุตส่าห์เตรียมชามาด้วย คงกลัวเธอจะนอนไม่หลับ

“ซวยชิบเป๋งเลยแก” ดวงศิริจิบชานิดหนึ่ง “โดนแฟนหักหลัง เสียตังค์ตั้งหลายหมื่น แล้วยังโดนพี่ภูดุอีก ต้องซวยขนาดไหนนะ ขนาดพี่ภูที่อยู่ข้างฉันมาตลอดยังด่าฉันเลย”

“อีบ้า” อริสาโอบบ่าเธอแนบแน่น “แกยังสบายดี มีแขนขาครบก็ดีที่สุดแล้ว แล้วถึงจะซวยสุดขนาดพ่อพระอย่างพี่ภูเอ่ยปากด่าแกได้ แต่เขาก็ยังขับรถมาส่งแกถึงหน้าคอนโดทั้งๆ ที่ยังโกรธไม่ใช่เหรอ”

จากที่มึนตึงใส่กันที่โรงพยาบาล ภูริสก็ไม่พูดอะไรอีก แต่เขาขับรถของเธอซึ่งไม่ถูกเฉี่ยวชนหรือขูดขีดแม้แต่น้อยพาเธอมาส่งถึงคอนโดฯ แล้วจึงเรียกแท็กซี่กลับไปที่โรงพยาบาลเพื่อขับรถของตัวเองกลับบ้าน

“ส่วนไอ้พี่พุฒิ ผู้ชายเฮงซวยพรรค์นั้นออกไปจากชีวิตแกได้ฉันถือเป็นโชคดีนะ แกจะได้รู้ความจริง ตาสว่างซะที ไม่ต้องรอขันหมากเก้ออีกแล้ว”

น้ำตาเจ้ากรรมจู่ๆ ก็รินไหลลงมา ดวงศิริใช้มือปาดเช็ดที่ข้างแก้มเงียบเชียบ

“มองในแง่ดีสิ ถึงจะเกิดเรื่องร้ายๆ แต่ในเรื่องร้ายมีเรื่องดีซ่อนอยู่ไม่ใช่เหรอ”

“จริงของแก จะว่าไปตอนแรกที่ฉันขับออกมาจากบ้านพี่พุฒิน่ะ ฉันไม่มีสติเลย หวุดหวิดเกือบเกิดอุบัติเหตุจริงๆ นั่นแหละ เกิดอะไรขึ้นบ้างจำไม่ได้หรอก จำได้แค่โดนบีบแตรไล่มาตลอดทาง จนพี่ภูโทรมา ฉันถึงได้สติขึ้นนิดหนึ่ง”

ถ้าภูริสไม่กระหน่ำโทร.มาจนเธอรับสาย ไม่ขับรถมารับที่ระยอง ดวงศิริจินตนาการไม่ออกเลยว่าหน้าตาของวันนี้จะเป็นเช่นไร บางทีเธออาจเกิดอุบัติเหตุจริงตามคำทำนายของพี่มิ่งมงคลก็เป็นได้ คนที่เข้าเฝือกอาจเป็นเธอ ไม่ใช่คุณป้าที่ขับรถเก๋งเก่าๆ คนนั้น

“ถึงมันจะเป็นวันโชคร้าย แต่คงเป็นความร้ายเวอร์ชันเบาที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้แล้วแหละนะ”

ดวงศิริสรุปกับตัวเองในที่สุด ยิ้มบางให้กับเจ้าต้นกุยช่ายในรั้วระเบียงฝั่งตรงข้ามที่เริ่มชูดอกตูมขาวๆ ให้เห็นแล้ว

เสียงสะอื้นกระซิกข้างตัว เรียกให้เธอหันขวับไป

“อ้าว แกร้องไห้ทำไมอิ๋ม”

“ฉันดีใจ ฉันเป็นห่วงแกแทบตายรู้ไหมไอ้บ้าหวาน วันนี้แกอาจจะโชคร้าย ก็ถือว่าฟาดเคราะห์ไปแล้วกันนะ แต่วันนี้เป็นวันโชคดีของฉันแล้วละเพราะเพื่อนรักของฉันปลอดภัยดี”

แขนขาวๆ เรียวๆ เอื้อมมาโอบกอดแนบแน่น อกอุ่นๆ ของเพื่อนเธอแนบกายราวจะถ่ายทอดความอบอุ่นมาให้ถึงดวงใจบอบช้ำดวงนี้ให้ไม่ต้องหนาวเหน็บอยู่เพียงลำพัง ดวงศิริกอดตอบแนบแน่น ขอบตาร้อนผ่าว แล้วปลดปล่อยความเสียใจออกมาทางน้ำตาอย่างเต็มที่ ไม่พยายามปกปิดอีกต่อไป

 

ราวห้าทุ่มเศษ อริสาหลับปุ๋ยอยู่บนเตียงแต่ดวงศิรินอนไม่หลับ ได้แต่เบิกตามองเพดานภายในห้องมืดสลัว ไม่ใช่เพราะชาคาโมมายล์ไม่ได้ผล แต่เพราะสายที่ไม่ได้รับจากพิชชาภาต่างหาก

เธอไม่แน่ใจว่าควรจะโทร.กลับหรือไม่ พิชชาภาโทร.มามีอะไร อาจจะรู้แล้วว่าผู้หญิงในความลับคือเธอเอง ถ้าเป็นแบบนั้นจริงอาจบาดหมางจนเป็นเพื่อนกันไม่ได้อีกแล้ว

ในที่สุดดวงศิริก็ตัดสินใจลุกออกไปนอกระเบียงห้อง โทร.กลับหาดีเจสาวสวยว่าที่เจ้าสาว พร้อมยอมรับทุกอย่างที่จะเกิดขึ้น

ครู่เดียวพิชชาภาก็รับสาย ดวงศิริอดหวาดหวั่นไม่ได้ว่าต้องโดนด่าเกรี้ยวกราดแน่ แต่เปล่าเลย น้ำเสียงทางปลายสายออกจะอ่อนหวานเจือแววตื่นเต้นด้วยซ้ำ

“หวาน เป็นไงบ้างวันนี้ สุขสันต์วันครบรอบของแกกับแฟนนะ นี่ฉันรบกวนเวลาของแกกับพี่เขาหรือเปล่า”

คนฟังทางนี้หน้าชาวูบ ท่าทางพิชชาภาจะยังไม่รู้

“ไม่เลย พีชว่าไง”

“จะบอกว่า ฉันแท็กการ์ดแต่งงานให้ในเฟซบุ๊ก แกเห็นหรือยัง สะดวกหรือเปล่า ถ้ามาได้ต้องมานะ ฉันอยากให้แกมาเพราะแกเป็นคนสำคัญของเราสองคนเลย”

“ไม่ขนาดนั้นหรอก”

“ขนาดนั้นสิ แกรู้ไหม พอฉันไปเคลียร์กับพี่เขาที่บ้าน ก็…อาละวาดแรงไปหน่อยแหละ พังพอสมควร แต่มันทำให้ฉันได้รู้ว่าพี่เขารักฉันมากขนาดไหน แกรู้ไหมว่าพี่เขาพูดอะไรกับฉันบ้าง”

ดวงศิริกำโทรศัพท์แน่นขึ้น

“เขาบอกว่าเขาขอโทษ จากนี้สาบานจะไม่แอบไปมีเด็กที่ไหนอีกแล้ว ถ้ามียอมให้ตัดจู๋เลย”

พูดจบปลายสายก็หัวเราะคิก ดวงศิริยิ้มฝืดฝืน พยายามจะหัวเราะตามน้ำไปด้วยแต่ดันแค่นเสียงไม่ออก

“นั่นแหละ ฉันก็อึ้งไป ลืมร้องไห้ไปเลย เขาก็เข้ามาสวมกอดฉัน เช็ดน้ำตาให้เบาๆ”

น้ำตาของดวงศิริรินไหลอีกครั้ง ไม่มีใครเช็ดให้และไม่มีใครรู้

“เขาบอกว่า ใจจริงเลือกฉันตั้งนานแล้ว แต่ที่ยังตัดขาดทางนั้นไม่ได้เพราะเขาสงสาร ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ทำอะไรผิด พี่เขาเป็นคนใจอ่อน ฉันพอจะเข้าใจ ตอนแรกนึกว่ายัยคนนั้นจะสไตล์ดาวยั่วที่แบบ…มัดใจเขาด้วยเรื่องบนเตียงอะไรแบบนั้นซะอีก ให้ตายสิ ฉันว่าฉันก็ไม่แพ้ใครแล้วนะ แต่เปล่าเลย ตรงกันข้าม พี่เขาบอกว่าไม่ค่อยไปเจอหรอก เจอแล้วเฉยๆ แค่เลี้ยงความสัมพันธ์ไว้เพราะไม่กล้าทิ้ง”

ดวงศิริปิดปากกลั้นสะอื้น เริ่มเสียดายที่พิชชาภาไม่ได้โทร.มาต่อว่าอย่างที่ประหม่าในคราแรก บางทีการโดนด่าอาจไม่รู้สึกแย่เท่านี้

“ฉันไม่รู้จะพูดยังไงดี จากที่โกรธเขาก็กลายเป็นเห็นใจซะอย่างนั้น พี่พุฒินี่เห็นเข้มๆ แมนๆ แบบนี้ จริงๆ ใจอ่อนมากเลยนะ อ้อ ยังไม่ได้บอกใช่ไหม แฟนฉันชื่อพี่พุฒิล่ะ”

ดั่งใครเอาค้อนปอนด์มาทุบผนังหัวใจ มันสั่นสะเทือนไปหมดทั้งดวง ดวงศิริถามเสียงอ่อนเบาว่า

“แล้วแกรู้ไหมว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร”

“ไม่รู้เหมือนกัน แต่ป่านนี้ยัยเด็กนั่นคงร้องไห้แงๆ ไปแล้วละ ก็ฉันเล่นแท็กการ์ดแต่งงานบนหน้าเฟซบุ๊กขนาดนั้น มาเห็นเมื่อไรก็คงเข้าใจอะไรๆ ได้เอง อีกอย่าง พี่พุฒิบอกว่าตัดขาดยัยนั่นเรียบร้อยแล้ว ฉันก็หวังว่าจะไม่มีเรื่องงี่เง่าอะไรอีกนะ ถ้ายัยเด็กนั่นมางอแงตอแยพี่พุฒิอีกละก็ ฉันคงต้องออกโรงกำราบด้วยตัวเองละ มีแฟนใจดีเกิน ลำบากจริงๆ”

ดวงศิริกำอกเสื้อตำแหน่งหัวใจ เธอกลั้นสะอื้นมากเกินไปจนเริ่มรู้สึกเจ็บ

“ฉันว่ายัยเด็กนั่นไม่มาตอแยแฟนแกอีกแล้วละ”

“หือ เหรอ ทำไมถึงรู้ล่ะ แกเปิดไพ่เหรอ”

“เปล่า ฉันรู้ก็แล้วกัน” ดวงศิริพยายามบังคับเสียงให้ไม่สั่น “ก็อย่างที่แกบอกไง แท็กการ์ดแต่งงานขนาดนี้ รู้แล้วแหละว่าอะไรเป็นอะไร”

น้ำเสียงไพเราะทางปลายสายยังคงดังแว่วหวานเรื่อยมา

“ว่าแต่ แกจะมางานแต่งของฉันกับพี่พุฒิได้ไหม เชิญแฟนแกด้วยนะ เราสี่คนจะได้รู้จักกันไว้เนอะ อีกหน่อยพวกเราสองครอบครัวไปอยู่ระยองจะได้อบอุ่น ปาร์ตี้บ่อยๆ เลยดีไหม”

เป็นอึดใจทีเดียวกว่าดวงศิริจะเค้นคำว่า “อื้อ” ให้พ้นริมฝีปากออกมาได้

ไม่แน่ใจว่าที่รู้สึกอยู่เรียกว่าอะไร โกรธ อิจฉา อับอายและเสียหน้า คงเป็นอะไรสักอย่างหรือไม่ก็ทุกอย่างที่ว่ามานี้รวมกัน เธอรู้ดีว่าพิชชาภาไม่เกี่ยว ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย แต่ในฐานะที่เคยสนิทกันสมัยเรียน ดวงศิริไม่แน่ใจว่าควรเตือนเพื่อนหรือเปล่าว่าผู้ชายที่กำลังจะแต่งงานด้วยเป็นคนเช่นไร

แต่ตอนดูดวงกันเธอเป็นคนบอกเองว่าสมัยนี้มีสิ่งยั่วยุเยอะ ผู้ชายรักสนุกบ้างเป็นธรรมดา สำคัญว่าเขาตกลงปลงใจกับผู้หญิงคนสุดท้ายในชีวิตแล้วนั่นคือพิชชาภา พี่มิ่งมงคลก็ยืนยัน

ดวงศิริทอดถอนใจ คิดว่าเตือนไปก็เท่านั้น เพราะคำพูดของเธอจากนี้จะมีคำไหนบ้างที่เกิดประโยชน์ มีแต่จะบั่นทอนให้คนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อย่างพิชชาภาเสียใจก็เท่านั้น

เช่นนั้นแล้วคงได้แต่เก็บเรื่องราวของตัวเองให้เป็นความลับตลอดไป เริ่มและจบลงอยู่ในโลกคู่ขนานที่ดับสูญไปแล้ว

ดวงศิริฟุบหน้าลงกับหัวเข่า พิงขอบเตียงอย่างอ่อนล้า คืนนี้จะร้องไห้ให้พอเพื่อที่วันพรุ่งนี้จะเริ่มต้นใหม่อย่างเข้มแข็ง ลึกๆ ในใจเธอเชื่อว่า ยังมีใครคนหนึ่งที่ดีและพร้อมจะรักกันรอพบเธออยู่



Don`t copy text!