พลิกรักทำนายใจ บทที่ 13.2 : ราชินีถือเหรียญผู้จะมาเป็นความรัก

พลิกรักทำนายใจ บทที่ 13.2 : ราชินีถือเหรียญผู้จะมาเป็นความรัก

โดย : แสนแก้ว

Loading

พลิกรักทำนายใจ โดย แสนแก้ว เรื่องราวของสายมูตัวแม่ที่ช่วยเหลือคนอื่นมากมาย แต่ความรักของตัวเองกลับไม่รอดราวกับดวงความรักอาภัพซะเหลือเกิน คงจะมีแค่ ‘พี่ภู’ เท่านั้นที่ดีต่อเธอเอ…เธอผู้รู้ใจลูกค้าดั่งมีตาทิพย์กลับไม่เคยมองเห็นหัวใจเขาเลยสักทีได้อย่างไร นวนิยายอ่านฟรีสนุกๆ ที่อ่านเอามีให้คุณได้อ่านที่ anowl.co

https://www.groovebooks.com/blog/นิยายใหม่จาก-groove-next-anowl-ลูกองุ่น-เปิดให้สั่งจอง-25-มี-ค-67/62

คำทำนายจากคู่หูแม่หมอดวงศิริกับพี่ไพ่มิ่งมงคลเป็นจริงขึ้นมา

ไม่ถึงสัปดาห์จากที่ดูดวงกัน ศิระหรือซีได้บินกลับมาเยี่ยมครอบครัวที่กรุงเทพมหานคร ศิระเป็นหนุ่มอารมณ์ดี มีเพื่อนมากมายหลายกลุ่ม พักร้อนสิบห้าวันของเขานั้นลงแผนพบปะเพื่อนฝูงจนแน่นตาราง แต่เขาก็ยังสงวนช่วงค่ำของคืนวันที่สองที่กลับไทยนัดเจอภูริส กินดื่มกันที่ร้านอาหารกึ่งบาร์ร้านเดิมที่เคยมาด้วยกันประจำ

ช่วงค่ำถึงดึกมีวงดนตรีสดเล่นเพลงป๊อปร็อกกลางเก่ากลางใหม่ มือกีตาร์หนุ่มที่ลีดพลิ้วไหวดุจสายน้ำช่วยให้ศิระเข้าเรื่องที่อยากจะคุยได้เร็วขึ้น

“เออภู เอฟเฟกต์กีตาร์ที่มึงฝากกูไปปล่อย ขายดีมากเลยนะ”

“เยี่ยม แล้วไง จะให้กูทำสต็อกให้อีกใช่ไหม”

“เปล่า กูจะให้มึงขนอุปกรณ์ช่างมึงไปทำเอฟเฟกต์ที่โน่น จะได้เป็นเชฟให้กูด้วย”

ภูริสทำเสียงหึแล้วยกแก้วเบียร์ขึ้นจิบ กะแล้วว่าศิระต้องคุยเรื่องนี้ นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาชวน

สองหนุ่มเคยเป็นนิสิตคณะวิศวกรรมศาสตร์ ชั้นปีเดียวกันแต่คนละภาควิชา ภูริสเรียนวิศวกรรมไฟฟ้า ส่วนศิระสังกัดวิศวกรรมเหมืองแร่และปิโตรเลียม ทั้งสองไม่เคยพบกันเลยในคณะวิศวะอันกว้างใหญ่และมีนิสิตชายเดินขวักไขว่เต็มไปหมด แต่มาพบกันที่ชมรมทำอาหารขนม

ชมรมน่ารักที่มีนิสิตหญิงเป็นส่วนใหญ่นี้ แน่ละ เป็นเป้าหมายของศิระในการหาแฟน ต่างกับภูริสที่เข้าชมรมด้วยใจรัก

แต่นานวันเข้าศิระก็เริ่มหลงรักการทำอาหารเข้าจริงๆ รักจริงยิ่งกว่าแฟนสาวในชมรมที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอยู่สามคนซะอีก ส่วนภูริสมีความสุขมาก หลังการเรียนและสอบอันหนักหน่วง เข้าชมรมดนตรีสากลและเข้ากลุ่มเด็กค่ายชุมพรแล้ว เขาก็มักมาขลุกอยู่ที่ชมรมทำอาหารนี้

แล้ววันหนึ่งศิระก็เป็นฝ่ายมาชวนภูริสไปลงเรียนทำอาหารที่สถาบันดัง ใช้เวลาว่างช่วงปิดเทอมให้เป็นประโยชน์ คอร์สสั้นบ้างยาวบ้างแล้วแต่เวลาจะอำนวย พอเรียนจบทั้งสองได้ลงเรียนหลักสูตรสามเดือนที่สถาบันนานาชาติชื่อดังระดับประเทศ จบมาก็มีฝีมือพอตัวกันทั้งคู่

ศิระมีญาติอยู่ที่ออสเตรเลีย วันหนึ่งเขาตัดสินใจลาออกจากงานวิศวกรบริษัทใหญ่ บินข้ามทะเลไปตามหาความฝันถึงแดนจิงโจ้

“จนป่านนี้แล้วร้านมึงยังไม่ลงตัวอีกเหรอวะ”

“จะให้กูเล่าไหมล่ะ มหากาพย์เลยมึง”

“ว่ามา”

คล้ายรอสัญญาณให้เริ่ม พอไฟเขียวปุ๊บศิระก็ระเบิดระบายความอัดอั้นตันใจออกมาเป็นฉากๆ ตั้งแต่เพื่อนเชฟชาวไทยที่ร่วมก่อตั้งร้านด้วยกันแอบโกงค่าวัตถุดิบ เชฟคนที่สองที่ตอนแรกดูขยันขันแข็งเอาการเอางาน แต่จริงๆ แล้วมาลอกสูตรเพื่อออกไปเปิดร้านแข่งที่ฝั่งตรงข้าม พนักงานเสิร์ฟสองสามคนที่บทจะลาออกก็หายไปจากร้านดื้อๆ จนศิระต้องทำเองหมดตั้งแต่วางแผนธุรกิจยันขนขยะไปทิ้ง จนท้ายที่สุดต้องขึ้นป้ายหยุดร้านหนึ่งสัปดาห์เพราะล้มป่วย

เขาซดเบียร์จนหมดแก้วแล้วเรอออกมาเอิ้กใหญ่ ถอนใจยาวอย่างปลงตก

“คนมีฝีมือกูก็อยากได้หรอก แต่มันหายากมากเลยนะเว้ยคนที่เก่งและซื่อสัตย์ กูอยากได้มึงว่ะภู”

ภูริสเอื้อมไปเคาะข้างศีรษะเพื่อนหนึ่งป๊อก

“พูดดีๆ”

“กูหมายถึง อยากได้มึงมาทำร้านด้วยกัน ไอ้…”

คนดีมีฝีมือหลุดหัวเราะ ศิระเอี้ยวไปสั่งเบียร์เพิ่มอีกขวดแล้วหันกลับมาชี้หน้า

“กูรู้หรอกน่าว่าทำไมมึงถึงไม่ไปกับกู มึงติดน้องหวานใช่ไหมล่ะ”

คนดีโดนจี้จุดก็ชักไม่อยากมีฝีมือแล้ว เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ หันไปดูนักร้องบนเวทีเหมือนไม่ได้ยินที่เพื่อนถาม

“แล้วเป็นไงบ้างวะ คืบหน้าถึงไหนแล้ว”

“ไม่ถึงไหนอะ เหมือนเดิม”

“อะไรของมึงเนี่ย ก่อนกูไปออสมึงก็เป็นแค่พี่ชาย นี่จนกูกลับมาไทยแล้วมึงก็ยังไม่ได้สักคืบ ช่วงนี้น้องมันโสดไม่ใช่เหรอ กูเห็นในเฟซบุ๊ก โพสต์อะไรดราม่าเหมือนเพิ่งเลิกกับแฟนมา มึงก็เสียบเลยดิวะ”

“กูรู้ แต่เอาเข้าจริงมันไม่ง่ายเหมือนปากมึงพูดไง ไม่งั้นหนังเรื่องเพื่อนสนิทคงไม่ดังไปทั้งประเทศหรอกเว้ย”

ศิระหัวเราะหึหึกับแก้วเบียร์ “ยกตัวอย่างซะรู้อายุเลยนะมึง”

“ก็เท่ากันนั่นแหละวะ”

ใช่ว่าเขาจะไม่อยากรักเธอ

กี่ครั้งกี่หนมาแล้วที่ต้องทนเห็นดวงศิริเสียใจและเริ่มใหม่กับใครคนอื่นซ้ำๆ น้องหวานจอมป่วนไม่เคยคิดกับเขาเกินพี่น้อง ข้อนั้นเขารู้ดีแก่ใจ ไม่ใช่แค่นายศิระ เพื่อนๆ พี่น้องชาวค่ายที่สนิทกันต่างไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงดำรงสถานะเป็นพี่น้องกับดวงศิริมาได้ถึงเจ็ดปี แต่ก็เพราะสนิทกันมาตั้งเจ็ดปีนี่แหละที่ทำให้เขาลังเลที่จะข้ามเส้น

ใกล้ชิดกันมาเกินครึ่งทศวรรษ แต่เธอไม่เคยหวั่นไหว นี่ไม่ใช่หรือที่เขาต้องขีดเส้นใต้และจำให้ขึ้นใจ

หากเผยความในใจออกไป เธอคงไม่เข้าใจและอาจตีตัวออกห่าง สภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ถอยไม่ได้ ไปต่อก็ไม่ถึงเช่นนี้ คนไม่เคยแอบรักเพื่อนสนิท พี่สนิท น้องที่สนิทคงไม่มีวันเข้าใจ

ยิ่งเวลานี้ดวงศิริเพิ่งจบกับคนรักมาหมาดๆ เธอพยายามเข้มแข็งตอนอยู่ต่อหน้าเขา แต่เมื่อเหล้ามากดกำลังจิตสำนึกลง จิตใต้สำนึกที่กำลังบอบช้ำก็ได้เปิดเผยพรั่งพรูความเสียใจออกมาให้เห็น ตอนเธอร้องไห้ฟูมฟายเมาเหล้าจนหลับไปเขาก็อยู่ด้วย

เขาไม่อยากฉวยโอกาสตอนที่ดวงศิริกำลังอ่อนแอเข้าไปในตำแหน่งสำคัญนั้น แล้วเมื่อวันหนึ่งที่เธอเข้มแข็งมากพอ พี่ภูผู้ใจดีคนนี้คงจะทำให้เธอสับสนยิ่ง ทิ้งก็ไม่กล้า คบก็ไม่ได้รัก ใช้เวลาแต่ละวันด้วยความกระอักกระอ่วนใจ เขาคงทนไม่ได้ถ้าต้องกลายเป็นติ่งเนื้องอกในหัวใจของเธอแบบนั้น

ศิระเริ่มหน้าแดงตาฉ่ำเยิ้ม หมอนี่คออ่อนเสมอ แต่เหมือนว่ายิ่งเมา การสนทนาจะยิ่งไปในทางเคร่งเครียดจริงจังขัดกับบุคลิกเดิม

“ภู กูพูดจริงๆ นะเว้ย มึงทั้งดีทั้งเก่ง กูไม่อยากเห็นมึงตกอยู่ในสภาพนี้เลยว่ะ”

“สภาพไหนวะ กูก็มีความสุขดี”

“คือมึงเฉื่อยอะ เหมือนโลกของมึงหยุดหมุน ตอนนี้โลกมันไปถึงไหนๆ กันแล้วแต่ตัวมึงยังอยู่ที่เดิม ทำงานเดิมๆ แอบชอบผู้หญิงคนเดิม กูเสียดายเวลาชีวิตแทนมึงว่ะ มึงเป็นคนมีความสามารถเว้ยและมึงไปได้ไกลกว่านี้อีกมาก ไม่ต้องมาเป็นเชฟให้กูก็ได้ แต่กูก็อยากให้มึงไปข้างหน้า”

“มึงไม่เข้าใจชีวิตสมถะ กูอยู่ตรงนี้ไม่ได้เดือดร้อนอะไรนี่หว่า”

ศิระเคี้ยวข้อไก่ทอดกรุบๆ แล้วชูนิ้วสามนิ้ว

“ชีวิตคนเราน่ะทำกันอยู่สามสิ่งเว้ย มึงรู้ไหมอะไรบ้าง”

“ทำไมกูจะไม่รู้ สอนในค่ายออกบ่อยไป หนึ่ง สิ่งที่ต้องทำ สอง สิ่งที่อยากทำ และสาม สิ่งที่ควรทำ”

คนที่นั่งตรงข้ามพเยิดหน้า “ตามนั้น”

ไม่ต้องให้สอน ภูริสก็เข้าใจทันทีว่าเพื่อนจะเตือนสติเรื่องอะไร

เรื่องที่อยากทำเราย่อมเต็มใจทำอยู่แล้ว เรื่องที่ต้องทำอย่างการรับผิดชอบหน้าที่ การงาน การเคารพกฎหมาย กฎระเบียบ ไม่ว่าเต็มใจหรือไม่สิ่งที่ต้องทำก็ต้องทำอยู่ดี

แล้วสิ่งที่ ‘ควรทำ’ เล่า เรื่องที่ทำแล้วจะดีมาก แต่ไม่ทำก็ไม่ผิด ไม่มีใครว่าอะไร ยังจะทำหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับทัศนคติ มุมมอง ความทะเยอทะยาน ความต้องการของแต่ละบุคคล

แต่ทุกการกระทำย่อมมีผลของมันเสมอ การเลือกทำประโยชน์ที่เกินหน้าที่ เลือกมีน้ำใจแบ่งปัน เลือกพูดในสิ่งที่ดีและเงียบเพื่อลดความขัดแย้ง ล้วนเป็นสิ่งควรทำที่น่านิยมชมชอบ ส่วนในมุมมองของศิระที่หยิบยกขึ้นมานั้น นอกจากการทำตัวเป็นประโยชน์ต่อสังคมแล้ว การดำรงชีวิตให้อยู่ดีมีสุขเต็มศักยภาพในทุกมิติ ก็เป็นสิ่งที่ ‘ควรทำ’ ไม่น้อยไปกว่ากัน

“มึงลองนั่งคิดนอนคิดเล่นๆ ดูเว้ยภู อีกห้าปี สิบปีข้างหน้า หรือในวันที่มึงอายุเจ็ดสิบแล้วมองย้อนกลับมา มึงจะเสียดายเวลาไหมกับสิ่งที่มึงทำและเป็นอยู่ หรือไม่นะ ลองนึกภาพเล่นๆ ว่า มึงอยู่ที่ออสกับกู เป็นเชฟหล่อๆ ได้เรียนทำอาหาร หาเงินได้เยอะโคตร แล้วก็มีแฟนสวยๆ เอ็กซ์ๆ สักคน…”

“เรื่องของกูน่ะ”

ภูริสดับฝันฟุ้งของคนเมากรึ่ม ศิระกระแทกเสียงตอบ

“เออ เอาเป็นว่าคิดได้เมื่อไรก็บอกกูละกัน แต่อย่างน้อยๆ เรื่องน้องหวานน่ะ มึงจัดการได้แล้ว เอาแต่นิ่งเป็นพ่อนางเอกอยู่แบบนี้ เดี๋ยวน้องมันก็ไปมีแฟนใหม่อีกหรอก โดนคาบไปกินอีก”

ภูริสก็ยังตอบคำเดิม

“เรื่องของกูน่ะ”

 

ถึงแม้จะบอกปัดศิระมาตลอด แต่ใช่ว่าภูริสจะทำหูทวนลมไปซะทั้งหมด คำเตือนของเพื่อนสนิทเขาเก็บมาคิดเสมอ

ข้อเสนอที่ว่าไปร่วมเป็นหุ้นส่วนทำร้านอาหารด้วยกันที่ออสเตรเลีย ครอบครัวเขาที่ชุมพรไม่ขัดข้องอะไร ตัวเขาก็เคยคิดอยู่บ้างบางครั้ง

เขารักการทำอาหารเพราะมองเป็นงานศิลปะแขนงหนึ่ง เขาชอบมองคนกินอาหารฝีมือเขาอย่างเอร็ดอร่อย คิดถึงตรงนี้ ใบหน้าใส ดวงตากลมเป็นประกาย และแก้มยุ้ยๆ ของใครคนหนึ่งก็ปรากฏกลางใจ

ว้าว น่ากินจังเลยพี่ภู… พี่ภูสุดยอด… อร่อยโคตรๆ…

ขออัญเชิญโล่รางวัลมิชลินสิบดาวให้แก่ เชฟภู!

ฮ้า หวานนี่ช่างโชคดีที่มีพี่ภูอยู่ใกล้ๆ พี่ภูทำอาหารอร่อยๆ ให้หวานกินแบบนี้ตลอดไปเลยนะ

แล้วเขาจะไปไหนได้อย่างไร

เวลานี้ราวตีสาม คนพูดคงนอนหลับฝันดีอยู่ ภูริสแปรงฟันอยู่ในห้องน้ำ สังเกตว่าหนวดเคราชักยาวไม่เป็นทรง เขาลูบไปลูบมา พอเป็นฟรีแลนซ์อยู่บ้านนานๆ ก็ไม่ค่อยสนใจดูแลตัวเองเท่าไร

มือใหญ่จะหยิบที่โกนหนวดซึ่งปักอยู่กับแก้วน้ำ แต่เปลี่ยนใจหยิบกรรไกรเล่มเล็กมาแทน ตัดเล็มปลายนิดหน่อยไม่ให้ชี้โด่ชี้เด่จนเกินไปนัก

ยัยตัวแสบเคยรับปากมั่นเหมาะว่าจะโกนให้ ถึงวันนี้ก็ยังไม่มาโกนสักที

เผลอๆ อาจลืมไปแล้วว่าเคยพูดไว้ และคงมีแต่เขาที่ไว้หนวดรอเก้อ

 



Don`t copy text!