พลิกรักทำนายใจ บทที่ 11.2 : แด่ผู้ชายเฮงซวยที่จากฉันไป

พลิกรักทำนายใจ บทที่ 11.2 : แด่ผู้ชายเฮงซวยที่จากฉันไป

โดย : แสนแก้ว

Loading

พลิกรักทำนายใจ โดย แสนแก้ว เรื่องราวของสายมูตัวแม่ที่ช่วยเหลือคนอื่นมากมาย แต่ความรักของตัวเองกลับไม่รอดราวกับดวงความรักอาภัพซะเหลือเกิน คงจะมีแค่ ‘พี่ภู’ เท่านั้นที่ดีต่อเธอเอ…เธอผู้รู้ใจลูกค้าดั่งมีตาทิพย์กลับไม่เคยมองเห็นหัวใจเขาเลยสักทีได้อย่างไร นวนิยายอ่านฟรีสนุกๆ ที่อ่านเอามีให้คุณได้อ่านที่ anowl.co

พอพิธีกรหนุ่มอารมณ์ดีบอกว่า ‘และแล้วช่วงเวลาที่สาวโสดรอคอยก็มาถึง’ ดวงศิริก็อยากเลี่ยงไปหลบในห้องน้ำ แต่ไม่ทันกิ๊ฟท์กับนิดที่คะยั้นคะยอให้เธอออกไปยืนหน้าเวที รอรับช่อดอกไม้เจ้าสาว

มีสาวน้อย สาวใหญ่ และเด็กชายเด็กหญิงยืนออเต็มหน้าเวที ดวงศิริยืนเฉยๆ เป็นตัวประกอบไปอย่างนั้น แต่ไม่รู้เทพองค์ใดดลบันดาล ช่อดอกไม้เจ้าสาวพุ่งควงสว่านเข้าหน้าดวงศิริเต็มๆ ชนิดที่ว่า หากตะปบช้ากว่านี้แค่เสี้ยววินาที ต้องโดนเจ้าดอกไม้จุมพิตเข้าเต็มรักแน่

ดวงศิริได้รับเชิญขึ้นไปบนเวที ท่ามกลางเสียงปรบมือยินดีของบรรดาแขกทั่วทั้งงาน พิชชาภาจับมือเธอแน่นสุดปลื้มปริ่ม ขณะที่พุฒิพงศ์นั้นหน้าซีดเผือดอีกครา เมื่อพิธีกรให้แนะนำตัวและถามว่าเป็นเพื่อนฝั่งเจ้าบ่าวหรือฝั่งเจ้าสาว ดวงศิริมองพุฒิพงศ์เต็มสายตาแล้วค่อยตอบว่าเป็นเพื่อนฝั่งเจ้าสาว

พิธีกรหนุ่มยิ้มแย้ม เริ่มสัมภาษณ์

“ขอถามสักนิดนะครับ สถานะคุณหวานคือโสดหรือมีคนรู้ใจอยู่แล้วครับ”

ดวงศิริหันมองพุฒิพงศ์แวบหนึ่ง เขารีบหลบสายตาวูบ เธอกำไมโครโฟนแน่นแล้วตอบว่า

“โสดค่ะ”

“ว้าว ถ้าอย่างนั้นต้องขายของสักหน่อยแล้วครับ คุณหวานชอบคนแบบไหน สเป็กแบบไหน เชิญเต็มที่เลยครับ โอกาสมาถึงแล้วครับ”

มีเสียงหัวเราะแว่วมาจากหน้าเวที ดวงศิริรู้สึกตีบตันในลำคอ ตอบสั้นๆ เพียงว่า

“ขอแค่เป็นคนจริงใจ ซื่อสัตย์ และซื่อตรงก็พอแล้วค่ะ”

“โอเคครับ สุดท้ายนี้ขอให้คุณหวานอวยพรเจ้าบ่าวเจ้าสาวสักหน่อยนะครับ”

ดวงศิริหันมองหน้าซีดๆ ของพุฒิพงศ์อีกครั้ง เห็นเม็ดเหงื่อผุดพราวเต็มกรอบหน้า ไม่รู้เพราะไอร้อนจากสปอตไลต์หรืออย่างไร หันมองใบหน้าสวยสดใสของพิชชาภา ดวงตาหวานซึ้งของเพื่อนสาวกำลังรอคอยที่จะฟังคำอวยพรจากเธอ

“ขอให้พีชกับพี่พุฒิรักกันมั่นคงตลอดไป ซื่อสัตย์ต่อกันและให้เกียรติกันมากๆ” หญิงสาวพยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่น “ฝากพี่พุฒิดูแลพีชด้วยนะคะ”

จบคำนั้นน้ำตาที่กลั้นไว้ก็รินไหล พิชชาภาสวมกอดเธอแนบแน่น ยิ่งทำให้กลั้นสะอื้นไว้ไม่ไหวอีกต่อไป พิธีกรหนุ่มจบท้ายด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า

“เป็นน้ำตาแห่งความซาบซึ้งยินดีที่เพื่อนมีให้แก่เจ้าบ่าวและเจ้าสาวนะครับ ช่างน่าประทับใจจริงๆ และผมเชื่อว่า คุณหวานจะได้พบกับความรักดีๆ คนที่จริงใจ ซื่อสัตย์และซื่อตรงเร็วๆ นี้ครับ”

ดวงศิริฝืนยิ้มสุดความสามารถ ก้าวลงเวทีอย่างระมัดระวัง ดวงตาพร่ามัวมองอะไรไม่ชัดเจน เว้นเพียงแต่ใครคนหนึ่งที่ยืนรออยู่ด้านหลังสุดของห้องจัดเลี้ยง

เธอค่อยๆ ก้าวแทรกระหว่างโต๊ะจีนไปหาเขา ผ่านโต๊ะหนุ่มวิศวกรเพื่อนเจ้าบ่าวสองสามโต๊ะ พวกเขามองตามเธอจนเหลียวหลังด้วยสายตาที่ยากจะบรรยาย

คล้ายสมเพช กึ่งสงสาร และคงได้มีเรื่องซุบซิบกันต่อสนุกปาก ถึงจะนานมากแล้วที่พุฒิพงศ์เคยพาเธอไปพบปะกินข้าวกับเพื่อนของเขา แต่ดวงศิริก็ยังจำเพื่อนของแฟนได้ทุกคน แต่จากนี้ไปคงไม่ควรทักทายกันอีกแล้ว

หลังสุดของห้องจัดเลี้ยง ร่างสูงโปร่งของชายคนหนึ่งยืนอยู่ในท่าสบายๆ เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีครีมกับกางเกงสแล็กส์สีน้ำตาล เสื้อสูทที่สวมทับอยู่เป็นสีเดียวกับกางเกง เมื่อเธอเดินไปถึงเขาก็ยื่นแก้วน้ำส้มมาให้

“ไหวไหมเรา”

ดวงศิริค่อยยิ้มออก ส่งช่อดอกไม้เจ้าสาวให้เขาถือแทน

“ไหวสิพี่ภู หวานโอเค”

 

ภูริสมางานแต่งงานเป็นเพื่อนเธอ ยอมเป็นคู่ควงให้หนึ่งคืน ดวงศิริไม่ได้ตั้งใจจะให้เขาสวมรอยเป็น ‘แฟนหนุ่มวิศวกรน้ำมันที่กำลังจะแต่งงานกัน’ แต่พวกเพื่อนๆ เข้าใจกันไปเองแล้ว ดังนั้นเมื่อเธอแนะนำตัวบนเวทีว่าโสด ทั้งกิ๊ฟท์และนิดก็งุนงงกันพอดู ดวงศิริไม่ได้อธิบายแก้ต่างว่าอะไร ขอตัวกลับก่อนเงียบๆ

เมื่อภูริสขับรถพามาถึงหน้าคอนโดฯ หญิงสาวแปลกใจเล็กน้อยที่เขาไม่ได้เลี้ยวเข้าไปส่ง แต่กลับหมุนพวงมาลัยกลับรถไปฝั่งตรงข้าม พาไปที่บ้านของเขาแทน

“มีอะไรเหรอพี่ภู”

หญิงสาวเอ่ยถามเสียงเรียบเนือย เขาดับเครื่องยนต์แล้วตอบว่า

“เดี๋ยวพี่ทำอะไรให้กิน ในงานเมื่อกี้แทบไม่ได้กินอะไรเลยไม่ใช่เหรอ”

เมื่อเข้ามาในบ้าน ดวงศิริก็รวบกระโปรงนั่งรอประจำที่ โต๊ะกินข้าวตัวเล็กริมหน้าต่างนี้มีเก้าอี้เข้าชุดกันสองตัว จำได้ว่านานมาแล้วเคยถามภูริสว่า ทำไมถึงต้องตั้งเก้าอี้สองตัวทั้งที่เขาอยู่บ้านคนเดียว ตอนนั้นพี่ภูของเธอตอบว่า

‘หวานมากินข้าวบ้านพี่บ่อย เลยตั้งไว้เลย จะได้ไม่ต้องคอยยกเข้ายกออกไง’

เวลานี้พี่ชายใจดีที่คอยเตรียมข้าวของเผื่อเธอเสมอก็กำลังง่วนอยู่ในครัว ทำอาหารให้เธอกินเช่นเคย ดวงศิรินั่งเศร้าได้ไม่นานก็เปลี่ยนเป็นตื่นเต้นเมื่อได้กลิ่นหอมตลบอบอวล ทำจมูกฟุดฟิดแล้วทายไปต่างๆ นานา

กลิ่นแบบนี้น่าจะเป็นอาหารฝรั่ง ผักโขมอบชีส ลาซานญา หรือจะเป็นสปาเกตตีซอสครีมไข่กุ้งท็อปด้วยไข่ข้นชีสลาวา

แต่แล้วอาหารที่มาเสิร์ฟตรงหน้ากลับเป็นสเต๊กปลาแซลมอนจานหนึ่ง กับสลัดผักคลุกน้ำสลัดซีอิ๊วญี่ปุ่น

“พี่ภูอ้ะ” คนรอกินส่งเสียงกระเง้ากระงอด “ลืมอีกแล้ว ถ้าสเต๊กต้องเป็นพอร์คชอพพันเบคอนสิ”

“ดับเบิ้ลชีสตู้มๆ อีกใช่ไหม”

“ใช่”

“ไว้มาตอนกลางวันสิ เดี๋ยวพี่ทำให้ นี่จะสี่ทุ่มแล้วนะ สเต๊กปลาก็พอมั้ง”

หญิงสาวทำปากยื่นงอนๆ แต่พอตักเนื้อปลาคำแรกเข้าปาก บรรยากาศรอบกายก็พลันสดใส

ทั้งสองกินมื้อดึกกันไปคุยกันไป ตบท้ายด้วยน้ำผลไม้โซดาอีกคนละแก้ว ดวงศิริเอนกายพิงพนัก ขยับตัวอย่างอึดอัด ชุดเดรสสวยๆ ที่ไว้ใส่ออกงานดูท่าจะไม่ได้ออกแบบมาให้ผู้สวมใส่กินอิ่ม

ภูริสมองแล้วเผลอยิ้ม เห็นเธอยังกินได้เขาก็สบายใจ

“พี่ภู น้องคิดได้แล้ว เขาแต่งงานจากไปแล้วเราก็ควรต้องเริ่มต้นใหม่”

ชายหนุ่มพยักหน้าเร็วๆ สนับสนุน แต่แล้วก็มีอันต้องหน้าทิ่มเมื่อหญิงสาวพูดต่อว่า

“พรุ่งนี้หวานจะไปมู”

“ฮะ ต้องทำขนาดนี้เลยเหรอ”

“ใช่ หวานจะขอคู่แท้ ขอความรักดีๆ ขอสามี ตอนเจอพี่พุฒิหวานขอแค่แฟนหล่อๆ สักคนก็เลยได้มาแบบนี้ไง คราวนี้ต้องเอาใหม่ เอาแบบแม่นๆ เข้าเป้า ตรงโจทย์”

“อ้าว แล้วตอนที่ไปตระเวนไหว้เจ็ดสำนักกับน้องอิ๋มล่ะ ไม่ได้ขอเหรอ”

ดวงศิริถอนใจพรืดเหมือนปลงตก

“ขอสิ ขอให้ความรักราบรื่นสุขสมหวัง ไม่รู้ว่าทำไมถึงพังได้นะพี่ภู หรือหวานท่องคาถาผิด หรือของไหว้ไม่มากพอ หรือพระกับเทพท่านเห็นว่าคิวอิ๋มด่วนกว่าเลยช่วยอิ๋มก่อน ยังไม่ว่างช่วยหวานก็ไม่รู้สินะ”

“หรืออาจเพราะไม่ใช่คู่กันมั้ง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านเลยพาคนที่ไม่ใช่ออกไปไง เดี๋ยวก็คงพาคนที่ใช่เข้ามาเองแหละ หวานไปขอซ้ำขอซ้อนเดี๋ยวพวกท่านงงนะ”

หญิงสาวลูบใบหน้าอย่างกลุ้มจัด แล้วจึงเอ่ยเสียงอ่อนออดอ้อน

“พี่ภู น้องอยากกินเหล้า”

“หือ ดึกแล้วนะ พรุ่งนี้ทำงานเช้าไม่ใช่เหรอ”

“น่านะ นิดเดียว พี่ภูกินเป็นเพื่อนหน่อย”

แล้วภูริสก็แพ้พ่ายต่อลูกอ้อนอีกตามเคย

 



Don`t copy text!