พลิกรักทำนายใจ บทที่ 10.1 : ดวงปีนี้มีเกณฑ์เสียเงินก้อนใหญ่

พลิกรักทำนายใจ บทที่ 10.1 : ดวงปีนี้มีเกณฑ์เสียเงินก้อนใหญ่

โดย : แสนแก้ว

Loading

พลิกรักทำนายใจ โดย แสนแก้ว เรื่องราวของสายมูตัวแม่ที่ช่วยเหลือคนอื่นมากมาย แต่ความรักของตัวเองกลับไม่รอดราวกับดวงความรักอาภัพซะเหลือเกิน คงจะมีแค่ ‘พี่ภู’ เท่านั้นที่ดีต่อเธอเอ…เธอผู้รู้ใจลูกค้าดั่งมีตาทิพย์กลับไม่เคยมองเห็นหัวใจเขาเลยสักทีได้อย่างไร นวนิยายอ่านฟรีสนุกๆ ที่อ่านเอามีให้คุณได้อ่านที่ anowl.co

 

ภูริสขับรถด้วยความเร็วสูงมุ่งหน้าสู่จังหวัดระยอง ทันทีที่ได้รับฟังเรื่องราวจากอริสา เขาก็วางทุกอย่างในมือแล้วแทบโจนขึ้นรถ เขาต้องการพบดวงศิริให้เร็วที่สุด ยิ่งพยายามโทรศัพท์ติดต่อแล้วพบว่ารุ่นน้องจอมป่วนของเขาไม่รับสาย เขายิ่งรู้สึกเหมือนจะเป็นบ้า

ที่กระวนกระวายแทบบ้าก็เพราะเขาไม่รู้เลยว่าป่านนี้ดวงศิริจะเป็นยังไงบ้าง รู้ความจริงหรือยัง เสียใจมากไหม ไหวหรือเปล่า กำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟหรือกำลังร้องไห้จนใจจะขาด เขาไม่กล้าจินตนาการ แต่สมองก็ประเมินเป็นภาพเหตุการณ์ร้ายแรงต่างๆ อย่างหยุดไม่อยู่

เขานึกถึงที่ดวงศิริเคยบ่นว่าปีนี้จับไพ่ความรักได้ไม่ดี สามดาบคือรักซ้อน อกหัก เจ็บปวดในเรื่องความรัก ตอนนั้นเขายังไปเป็นเพื่อนเธอตระเวนแก้ชง แก้ดวง สะเดาะเคราะห์สารพัด และได้แต่ปลอบว่า

‘อย่าเพิ่งคิดมาก ในเมื่อเรื่องยังไม่เกิดมันก็ยังพอแก้ไขได้’

ความรักของเธอจะไม่ดีได้อย่างไรในเมื่อเธอยังมีเขาอยู่ตรงนี้ทั้งคน อยู่ตรงนี้เสมอมา

ดวงศิริเคยเล่าว่าดวงปีนี้มีเกณฑ์เกิดอุบัติเหตุด้วย ยามนี้จึงยิ่งเป็นห่วงจนปวดใจ เขาไม่ได้เชื่อดวง แต่อะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของดวงศิริ เขาถือว่าเกี่ยวกับเขาทั้งสิ้น

ชายหนุ่มกดโทรศัพท์ซึ่งเชื่อมบลูทูธกับรถยนต์อีกครั้ง สัญญาณรอสายดังเป็นจังหวะหลายครั้งจนแทบถอดใจ แต่ปรากฏว่าคราวนี้ดวงศิริรับสาย

“พี่ภู…”

“หวาน เป็นยังไงบ้าง ตอนนี้อยู่ที่ไหน”

“หวาน หวานอยู่บนมอเตอร์เวย์”

เสียงที่ตอบมาอ่อนเบาปนสะอื้นฮั่ก ภูริสรู้สึกเหมือนหัวใจถูกบีบอัดจนแทบแหลก เขานึกเห็นภาพเลยทีเดียวว่าดวงศิริคงกำลังขับรถไปร้องไห้อย่างหนักไปแน่ๆ

“ไหวไหม”

“หวานไม่ไหว ไม่ไหวเลยพี่ภู”

“ใจเย็นๆ นะ หวานหาทางเข้าเลนซ้ายสุดแล้วขับให้ช้าลง มองทางซ้ายจะมีเวิ้งเล็กๆ เป็นที่จอดรถฉุกเฉินเป็นระยะๆ หวานจอดก่อน แล้วรอพี่อยู่ตรงนั้น โอเคไหม”

“พี่ภูอยู่ไหน”

“พี่ก็อยู่บนมอเตอร์เวย์เหมือนกัน กำลังไปหา”

ปลายสายสะอื้นหนักขึ้นจนเหมือนว่าขอบเขตความอดทนอดกลั้นได้พังทลายลง

“ทำไมพี่ภูต้องดีกับหวานด้วย ทำไมถึงดีขนาดนี้ ทีแฟนหวานยังไม่ดีกับหวานเท่านี้เลย”

“ใจเย็นๆ ก่อน อย่าเพิ่งร้องไห้ ตั้งสติแล้วจอดรถให้ได้ก่อน”

“หวานรักเขา หวานไว้ใจ หวานรอ” เสียงของดวงศิริขาดเป็นห้วงๆ “ทั้งที่เชื่อใจมาตลอด แต่เรื่องจริงคือเขามีคนอื่นมาตลอด หวานคิดถึงเขาคนเดียวทุกวันแต่หวานไม่เคยเป็นที่หนึ่งในใจเขาเลยด้วยซ้ำ”

“พี่เข้าใจ แต่ตอนนี้หวานกำลังขับรถอยู่ ตั้งใจขับไปก่อน อย่าเพิ่งคิดเรื่องอื่น”

ฉับพลัน ปลายสายกรีดร้องลั่นอย่างตกใจหวาดกลัวสุดขีด ภูริสรู้สึกเหมือนหยุดหายใจ เย็นวาบจากกลางกระหม่อมรวดลงถึงสันหลัง

“หวาน!” เขาตะโกนกลับไป “ฮัลโหล หวานได้ยินพี่ไหม เกิดอะไรขึ้น หวาน”

ไม่มีเสียงตอบกลับ เขาเบิกตากว้าง พยายามจับสัญญาณเสียงแม้เพียงเล็กน้อยว่ามีอะไรเล็ดลอดมาบ้าง เกิดอุบัติเหตุรถชนหรืออะไร ดวงศิริยังอยู่ดีหรือเปล่า ได้แต่สันนิษฐานไปเองต่างๆ นานาวนเวียนในความเงียบงัน

และทันใดนั้นเอง

“พี่ภู…”

เขาผ่อนลมหายใจซึ่งขาดเป็นห้วงๆ จนเกือบเป็นสะอื้น ร้อนผ่าวรอบขอบตา มือที่กำพวงมาลัยรถแน่นจนข้อนิ้วซีดกลับหมดแรงและไร้ความรู้สึก นึกขอบคุณอะไรก็ตามที่ทำให้เขายังสามารถได้ยินเสียงหวานออดอ้อนนี้อีก แม้มันจะเต็มไปด้วยความตระหนกและแสนเศร้าก็ตาม

 

โรงพยาบาลเอกชนในช่วงใกล้เที่ยงพลุกพล่านไปด้วยผู้คนมากมาย ส่วนใหญ่มีสีหน้าเคร่งเครียด มีบ้างที่ดูเจ็บปวด ดวงศิรินั่งรออยู่ที่เก้าอี้หน้าห้องฉุกเฉิน ดวงตาที่ยังซึมน้ำตานั้นกวาดมองไปรอบๆ ด้วยความสนใจในบรรยากาศแปลกใหม่ สงสัยไปเรื่อยเปื่อยว่าคุณป้าคนนั้นหน้านิ่วเชียวเจ็บป่วยอะไรมา พี่สาวคนนั้นหอบข้าวของมากมายคงไปเยี่ยมไข้ใครสักคน ส่วนคุณลุงดูละล้าละลังอยู่หน้าห้องการเงิน คงจะเครียดกับค่ารักษาพยาบาลที่แพงหูฉี่

ดวงตากลมโตฉ่ำน้ำเปลี่ยนมาจับที่ชายหนุ่มร่างสูงซึ่งเดินกลับมาจากประตูหน้าห้องฉุกเฉิน เขาสวมเสื้อยืดคอวีสีส้มกับกางเกงฟุตบอล เป็นชุดเดียวกับที่เธอเห็นเมื่อเช้ามืดตอนที่เขาอุตส่าห์สะลึมสะลือมาแพ็กเค้กลงกล่องให้ เตรียมลังโฟมกับน้ำแข็งแห้งให้พร้อม ผมดกดำที่ยุ่งเหยิงของเขาชวนให้สงสัยว่า เขาออกจากบ้านมาทั้งที่เพิ่งเด้งลงจากเตียงนอนเลยหรือเปล่า

“สบายใจได้แล้วนะ พี่เคลียร์ให้หมดแล้ว” ภูริสจ้องมองเข้ามาในดวงตาเธอ “ยังตกใจอยู่หรือเปล่า”

สีหน้าแววตาเขาดูเป็นห่วงเธอมาก ยิ่งกว่าที่เธอเป็นห่วงตัวเองเสียอีก ภูริสบอกกับเธอว่าตอนได้ยินเสียงกรี๊ดลั่นรถนั้น เขาตกใจนึกว่าขับรถชน

ตอนนั้นได้เกิดอุบัติเหตุรถชนขึ้นจริงนั่นละ แต่ไม่ใช่เธอชนใครหรือใครมาชนเธอ น่าอายกว่านั้น เธอเป็นสาเหตุให้รถสองคันขับชนกัน

หญิงสาวขับรถด้วยความเร็วสูงแล้วแซงซ้าย เจอะกับรถเก๋งเก่าๆ ที่แล่นอยู่ในเลนซ้ายแบบไม่รีบร้อน เธอตกใจเพราะตอนแซงมองไม่เห็นคันนี้จึงหักออกขวา ปาดหน้ารถเก๋งสีแดงฉิวเฉียด รถคันนั้นเบรกกะทันหันจึงถูกรถกระบะที่ตามมาชนท้าย ไถลไปกระแทกรถเก๋งเก่าคันแรก รวมเป็นเกิดอุบัติเหตุชนสามคัน

รถฉุกเฉินมารับผู้บาดเจ็บห้าคนจากรถสามคันส่งโรงพยาบาล เดชะบุญไม่มีใครบาดเจ็บสาหัสหรือถึงแก่ชีวิต ดวงศิริยืนก้มหน้าน้ำตารินไหล ถูกต่อว่าอย่างรุนแรงและเรียกค่าเสียหาย ภูริสยืนเคียงข้างโดยเยื้องไปข้างหน้าเล็กน้อย เอ่ยปากขอโทษและเจรจาเรื่องค่าซ่อมรถ ค่าลากรถ ค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดแทนเธอ

ประกันรถยนต์ชั้นสามของดวงศิริเพิ่งขาดไปเมื่อสัปดาห์ก่อนและช่วยไม่ได้ที่เธอยังไม่ว่างไปต่อประกัน หญิงสาวแทบเข่าทรุดเมื่อคิดคำนวณคร่าวๆ แล้วเงินโบนัสของเธอที่เพิ่งออกเมื่อต้นปีคงต้องหมดไปกับเหตุประมาทครั้งนี้กว่าครึ่งค่อนก้อน

“ช่วยไม่ได้เลยเนอะ มันเป็นดวงแหละ ตรงเป๊ะเลย”

“หือ ดวงอะไร”

“สามดาบไงพี่ภู จำได้ไหม สามดาบแปลว่าอกหักรักซ้อน เรื่องเงินก็มีเกณฑ์เสียเงินก้อนใหญ่ เกิดอุบัติเหตุขึ้นจริงๆ ด้วยเนี่ย ล่อเอาซะหวานแทบหมดตัวเลย”

ดวงตาอ่อนโยนเปลี่ยนเป็นวาววับทันตา สีหน้าภูริสเข้มขึ้น

“เรื่องสามดาบอะไรพี่ไม่รู้ด้วยหรอกนะ แต่เรื่องอุบัติเหตุเนี่ยเป็นเพราะประมาทเองหรือเปล่า ถ้ารู้จักตั้งสติซะหน่อย เรื่องมันคงไม่บานปลายถึงขั้นนี้ ก่อนจะโทษดวง โทษฟ้าโทษดิน หวานเคยหวนคิดถึงการกระทำของตัวเองบ้างหรือเปล่าว่าทำตัวดีหรือยัง”

คนฟังอ้าปากค้าง

“พี่ภู หวานรู้ว่าพี่ภูไม่เคยเชื่อเรื่องดวงที่หวานพูดเลย แต่ทำไมต้องโกรธด้วยล่ะ”

“ก็พี่เป็นห่วง”

“เป็นห่วงแล้วต้องโกรธด้วยเหรอ ด่าเอา ด่าเอา พี่ภูไม่ดีใจหรือไงที่หวานยังไม่ตาย”

แรกทีเดียวหญิงสาวรู้สึกงง แต่ต่อมาความน้อยใจพวยพุ่งขึ้นมาจากไหนไม่รู้ ผสมปนเปไปหมด ชายหนุ่มตรงหน้าขบกรามแน่น คงอยากต่อว่าเธอให้สมกับที่โกรธ แต่กลายเป็นโกรธจนพูดไม่ออกไปแล้ว

“ไม่เคยมีใครเข้าใจหวานจริงๆ เลยสักคน ที่หวานเจอมามันยังไม่แย่พออีกเหรอ ทำไมต้องซ้ำเติมกันด้วยล่ะ”

“พูดออกมาได้ไงน่ะหวาน”

“แม้แต่พี่ภูก็ยังว่าหวาน ใช่สิ หวานไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง หวานมันแย่ขนาดนี้น่าจะเป็นคนถูกชนให้รู้แล้วรู้รอด”

“หวาน!”

ดวงศิริเม้มปากแน่น ไม่หลบตา สายตาของภูริสยามนี้ราวกับมีลูกไฟย่อมๆ ลุกโชน ครู่หนึ่งเขาก็หลับตาลงคล้ายสะกดกลั้นความรู้สึก พูดเบาๆ แค่ว่า

“พี่ผิดหวังในตัวหวานจริงๆ”

หญิงสาวมองตามร่างสูงที่เดินจากไปแล้วจนลับตา ประโยคเย็นเยียบไม่กี่คำของเขาบดขยี้ใจบอบช้ำของเธอให้ยิ่งอักเสบรุนแรงจนอยากจะพุ่งเข้าไปในห้องฉุกเฉินตรงหน้า ให้บุรุษพยาบาลเข็นเข้าห้องผ่าตัดไปซะเดี๋ยวนี้ ดวงศิริน้อยใจสุดแสน ให้เขาดุด่าเธอเสียงดังให้อายคนทั้งโรงพยาบาลยังดีซะกว่า

 

ทันทีที่ดวงศิริกลับถึงคอนโดฯ อริสาก็พุ่งเข้ามาหาด้วยความเป็นห่วง หม่าม้าของเพื่อนๆ มานั่งคอยอยู่นานแล้วที่ล็อบบี้พร้อมด้วยข้าวของพะรุงพะรังเป็นต้นว่า ครอฟเฟิลกับชาไทย และกับข้าวอย่างอื่นสารพัดสารพัน

ยิ่งไปกว่านั้น สาวหมวยเตรียมกระเป๋าเป้ใส่เสื้อผ้ามาด้วย ตั้งใจจะค้างคืนกับดวงศิริ ไม่อาจปล่อยให้เพื่อนสาวอยู่ห้องเพียงลำพัง

เธอช่วยจัดแจงอาหารการกินและเก็บล้างเพื่อให้ดวงศิริได้พักกายพักใจและตั้งสติกับเรื่องวุ่นวายทั้งหมดในวันนี้ ราวสองทุ่มเศษ สกายปิดร้านเสร็จก็วิดีโอคอลมา อริสายื่นส่งให้ดวงศิริ

เพื่อนภาคหนุ่มพูดเสียงห้าวแต่เจือแววอบอุ่นว่า

“ดีใจด้วยที่ดวงแข็งเว้ย อกหักแค่นี้ไม่ถึงตายหรอกน่า อย่าไปคิดมาก”

ดวงศิริมองหน้าชื้นเหงื่อแต่ยังแจ่มใสของอีกฝ่าย วันนี้เขายอมสละคู่หมั้นสาวให้มาอยู่เป็นเพื่อนเธอตลอดบ่ายและตลอดคืน ดูร้านเองคงเหนื่อยน่าดู

“เออน่า ขอเศร้าอีกแป๊บเดียว”

นายสกายทำหน้าเหม็นเบื่อ

“เอาไว้หาได้ดีกว่าฉันแล้วค่อยเศร้า ผู้ชายหน้าตาพื้นๆ แบบนั้นปล่อยไปเหอะ”

ดวงศิริยิ้มออกจนได้ เธอรู้ว่านายสกายไม่มีอะไรมากไปกว่าตั้งใจพูดกวนให้เธอยิ้ม

 



Don`t copy text!