พลิกรักทำนายใจ บทที่ 9.2 : เซอร์ไพร้ส์ในวันครบรอบ

พลิกรักทำนายใจ บทที่ 9.2 : เซอร์ไพร้ส์ในวันครบรอบ

โดย : แสนแก้ว

Loading

พลิกรักทำนายใจ โดย แสนแก้ว เรื่องราวของสายมูตัวแม่ที่ช่วยเหลือคนอื่นมากมาย แต่ความรักของตัวเองกลับไม่รอดราวกับดวงความรักอาภัพซะเหลือเกิน คงจะมีแค่ ‘พี่ภู’ เท่านั้นที่ดีต่อเธอเอ…เธอผู้รู้ใจลูกค้าดั่งมีตาทิพย์กลับไม่เคยมองเห็นหัวใจเขาเลยสักทีได้อย่างไร นวนิยายอ่านฟรีสนุกๆ ที่อ่านเอามีให้คุณได้อ่านที่ anowl.co

 

ตอนที่รถยนต์ของดวงศิริจอดเทียบหน้าบ้านเดี่ยวเรียบหรูหลังเล็กนั้น ประตูรั้วและประตูบ้านเปิดอยู่แสดงว่าพุฒิพงศ์ผู้เป็นเจ้าของบ้านตื่นแล้ว หญิงสาวแปลกใจเล็กน้อยเพราะปกติเขาตื่นสายกว่านี้ ยิ้มกว้างแล้วสรุปกับตัวเองว่า คงเพราะวันนี้เป็นวันพิเศษแน่ๆ อะไรๆ จึงได้พิเศษขึ้นจากเดิม

หรือไม่แน่ว่าพี่พุฒิก็มีเซอร์ไพรส์ให้เธอเหมือนกัน

ดวงศิริประคองกล่องเค้กด้วยสองมือ ก้าวเข้าบ้านด้วยรอยยิ้ม แล้วต้องแปลกใจอีกหนเพราะในโซนห้องรับแขกแปลกตาไปมาก

ไม่ใช่ว่าเขาจัดห้องเซอร์ไพรส์ต้อนรับเธอ แต่เพราะโซฟาไปทาง โต๊ะกระจกไปทาง กระถางต้นไม้ล้มคว่ำ เศษดินเลอะเทอะ ให้เรียกว่า ‘สภาพกระจุยกระจาย’ ก็ไม่ผิดเท่าไร

ชายหนุ่มร่างสันทัดสวมเสื้อกล้ามกับกางเกงบ็อกเซอร์ ถือไม้กวาดเก็บกวาดเศษแก้วจากแจกันและโคมไฟที่แตกกระจายบนพื้น

“โห เกิดอะไรขึ้นคะพี่พุฒิ พายุเข้าเหรอ”

“อ้าว หวาน มาได้ยังไงเนี่ย”

เขาตะลึงทีเดียวเมื่อเห็นเธอปรากฏตัว

“หวานมาเซอร์ไพรส์พี่พุฒิไง สุขสันต์วันครบรอบของเรานะคะ” เธอเอียงคอยิ้มหวาน “ขอให้รักของเรามั่นคงยืนยาวตลอดไป ก้าวสู่ปีที่สามด้วยกันนะ”

ดวงศิริยื่นกล่องเค้กไปให้เขา ชายหนุ่มนิ่งอึ้งตะลึงงัน หญิงสาวอดหัวเราะคิกไม่ได้เพราะดูท่าเขาจะเซอร์ไพรส์มากจริงๆ

แต่แล้วกลับมีเซอร์ไพรส์กว่าเมื่อเขาไม่รับเค้กไปจากเธอสักที ในดวงตาเขามีแวววูบไหวประหลาด

ชายหนุ่มหลบตา พูดเบาๆ ว่า

“หวาน พี่ขอโทษ”

“ขอโทษเรื่องอะไรคะ”

เขากำด้ามไม้กวาดแน่น ราวจะใช้มันกำบังกาย

“พี่ว่าเราคงไปต่อด้วยกันไม่ได้ พี่ยังไม่ดีพอสำหรับหวานหรอก พี่อยากให้หวานได้เจอคนที่ดีกว่านี้อะครับ คนที่ดูแลหวานได้ อยู่ใกล้ๆ กัน อย่างวันนี้เป็นวันครบรอบแท้ๆ แต่หวานก็ยังต้องเป็นฝ่ายลำบากมาหาพี่ถึงที่นี่ คงถึงเวลาแล้วที่เราต้องยอมรับความจริงว่าเราต่างกัน”

เสียงเขาหนักแน่นขึ้นอย่างคนที่ตัดสินใจแล้ว

“เจ็บวันนี้อาจจะแย่หน่อย แต่ยังไงก็ดีกว่าคบกันแบบกระท่อนกระแท่นไปเรื่อยๆ คนดีๆ อย่างหวานต้องได้เจอกับคนที่คู่ควรกันนะ”

กล่องเค้กในมือยังคงนิ่งค้าง ดวงศิริไม่แน่ใจว่าเธอเป็นพวกสมาธิสั้นหรือเปล่า ทำไมฟังเขาพูดยาว ๆ แล้วไม่เข้าใจ จึงเอ่ยถามไปแผ่วเบา

“พี่พุฒิกำลังขอเลิกเหรอคะ”

เขาหลบตาลงมองพื้น

“พี่ขอโทษ”

“ขอโทษ แปลว่าใช่เหรอคะ”

อึดใจหนึ่งยาวราวหนึ่งปี กว่าเขาจะตอบว่า

“ใช่ครับ”

กล่องเค้กสีชมพูโรสโกลด์หลุดมือตกลงพื้นดังปัง สองมือบางนิ่งค้างชาดิกราวถูกแช่ในถังน้ำแข็ง ความงุนงงซัดสาดถาโถมจนยากจะเข้าใจว่าตอนนี้ตัวเองกำลังรู้สึกอย่างไร

“ทำไมล่ะ ที่ผ่านมาเรื่องพวกนี้ไม่เคยเป็นปัญหานี่นา ที่เราอยู่ไกลกัน เป็นรักระยะไกล ก็เคยตกลงกันว่าสะดวกเมื่อไรค่อยเจอ ค่อยไปเที่ยวด้วยกันก็ได้ ที่พี่พุฒิต้องทำงานหนักหวานรู้และไม่คิดจะรบกวนเลย พี่พุฒิไม่ว่างดูแลหวาน หวานก็เข้าใจ ดูแลตัวเองได้ แล้ว…แล้วทำไมวันนี้มันเป็นปัญหาได้ล่ะคะ”

“หวานยังเด็ก เดี๋ยวสักวันหวานจะเข้าใจ”

หญิงสาวยิ่งงงหนัก

“แปลว่าอะไรน่ะ หวานโง่ใช่ไหม”

“พี่ไม่ได้หมายถึงแบบนั้น”

“ใช่ หวานไม่เข้าใจสักอย่างเลยพี่พุฒิ” เพิ่งรู้ตัวก็ตอนน้ำตารินไหล ว่าที่กำลังรู้สึกอยู่คือความเสียใจ “วันก่อนเรายังโทรคุยกันดีๆ อยู่เลยนี่นา เมื่อต้นปีพี่พุฒิยังบอกว่า…กำลังเก็บเงินแต่งงาน แล้ววันนี้มันเกิดอะไรขึ้นคะ”

“พี่ขอโทษ”

คำเดิมเวียนกลับมาอีกแล้ว เหมือนเป็นแค่คำที่พุฒิพงศ์ใช้เพื่อปิดจบไม่ให้เธอต่อความยาวสาวความยืด ดูท่าเธอคงไม่มีทางรู้ว่า เหตุผลจริงๆ ของเขาคืออะไร

“พี่พุฒิไม่พอใจอะไรหวานเหรอคะ เราน่าจะคุยกันดีๆ ได้นี่นา อยากให้หวานทำยังไงบอกได้นะคะ หวานพร้อมจะปรับตัวเพื่อพี่เสมอ”

“พี่ไม่ได้อยากให้หวานปรับเปลี่ยนอะไร ถ้าพี่จะรักหรือคบใคร พี่ไม่อยากฝืนตัวตนของเขาหรอก”

“แปลว่า ในตัวตนของหวาน พี่ไม่รักเหรอ”

เขาเงียบ

“พี่พุฒิมีคนอื่นเหรอ”

น้ำเสียงยามเอ่ยถามแห้งระโหย ยิ่งเขาไม่ตอบมันก็ยิ่งสั่นเครือ

“พี่พุฒิรักคนอื่นไปแล้วเหรอ”

เงียบ คล้ายเขากำลังหาคำตอบที่เหมาะและชัดเจนพอจะปิดบทสนทนานี้ให้เร็วที่สุด ดวงศิริบังเอิญเหลือบไปเห็นว่าที่หน้าห้องนอนมีผืนผ้าบางอย่างกองอยู่ เธอแน่ใจว่าไม่ใช่ผ้าขี้ริ้ว เพราะคงไม่มีใครนำผ้าซาตินเนื้อหนามันเงาสีน้ำตาลทองมาทำผ้าเช็ดเท้าแน่ๆ

หญิงสาวเดินเกือบวิ่งไปเกี่ยวขึ้นมาดู ผ้าซาตินหรูหราที่เห็นไกลๆ แท้จริงคือเดรสสั้นสายเดี่ยว เว้าหลังลึกเกือบถึงสะโพก

“นี่เองสินะ เหตุผลจริงๆ ของพี่พุฒิ”

หญิงสาวกัดปาก ร่ายมาซะสวยหรู เหตุผลจริงๆ ก็มีอยู่แค่นี้

“เขาเป็นใครคะ” เธอหันกลับมาทั้งแววตาปวดร้าว “คบกันตั้งแต่เมื่อไร”

คราวนี้ชายหนุ่มตอบเรียบเฉยเหมือนพูดเรื่องดินฟ้าอากาศ

“ใกล้ๆ กับหวานนั่นแหละ”

“ฮะ”

“สองปีก่อนที่พี่โสดเพราะเพิ่งเลิกกับแฟนเก่า เพื่อนพี่แนะนำให้รู้จักหวานใช่ไหม ตอนนั้นเพื่อนอีกคนก็แนะนำเขาให้พี่รู้จักเหมือนกัน”

“แล้วไงต่อคะ”

“พี่ก็คุยสองคนไง”

“แต่ว่า เราเป็นแฟนกันนี่คะ เราตกลงคบกันแล้วพี่ก็ต้องไม่มีคนอื่นสิ”

“จะให้เลิกยังไง เขาตรงสเป็กพี่มากกว่าหวานอีก”

เขาขึ้นเสียงใส่เธอ เมื่อรู้ตัวจึงลดเสียงลง

“หวานเป็นคนดี พี่ไม่เคยสงสัยในความดีของหวานเลย แต่จะให้ตัดเขาพี่ก็ทำไม่ได้อะครับ”

“แต่พี่ตัดหวานได้”

พุฒิพงศ์ถอนใจกึ่งหนักใจกึ่งรำคาญ

“เมื่อถึงเวลา พี่ก็ต้องเลือก”

ถึงเวลาอะไร ต้องเลือกอะไร เขาควรเลือกให้ชัดเจนตั้งแต่สองปีก่อนตอนตกลงเป็นแฟนกันแล้วหรือเปล่า ดวงศิริไม่เข้าใจ ตรรกะเธอพังงั้นเหรอ พุฒิพงศ์บอกว่าเธอยังเด็กจึงไม่เข้าใจ แล้วคนที่เป็นผู้ใหญ่ หากทำแบบนี้นับว่าถูกต้องเหรอ

ชั่ววูบหนึ่งดวงศิริรู้สึกว่าแทบไม่รู้จักผู้ชายตรงหน้าเลย

เธอผงะถอยไปสองสามก้าวจนเหยียบเข้ากับเศษกระจก น่าแปลกที่เลือดไหลแดงฉานแท้ๆ แต่กลับไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนัด พุฒิพงศ์ซะอีกที่ตกใจ ละล้าละลังขยับจะเข้ามาดูแผล แต่หญิงสาวหันไปเห็นเสียก่อนว่า เศษกระจกนี้มาจากกรอบรูปบานนึ่งที่คงเคยตั้งอยู่บนหลังตู้ แต่เวลานี้ตกแตกอยู่บนพื้น ในความทรงจำครั้งก่อนที่มาที่นี่ เธอไม่เห็นกรอบรูปนี้ เท่าที่จำได้ในห้องรับแขกไม่มีรูปถ่ายของใครแม้แต่เธอกับพุฒิพงศ์

หญิงสาวปราดเข้าไปหยิบรูปถ่ายที่คว่ำอยู่บนพื้น ทว่าก่อนจะพลิกมาดูว่าเป็นรูปอะไร พุฒิพงศ์ได้กระตุกไปจากมือซะก่อน ดวงตาที่เคยอบอุ่นอ่อนโยนกลับขุ่นขวาง น้ำเสียงที่เคยทุ้มนุ่มนวลกลับเข้มห้วน

“หวานกลับไปเถอะ พี่ขอโทษและขอบคุณสำหรับทุกอย่าง ที่ผ่านมาหวานดีกับพี่มากจริงๆ”

 

อริสายืนเป็นบาริสต้ามาครึ่งค่อนวัน กระทั่งส่งถุงกระดาษบรรจุกาแฟกับขนมให้ไรเดอร์ไป ไม่มีคิวต่อแล้วจึงได้ทรุดลงนั่งพักขา เธอหยิบโทรศัพท์มือถือมาเปิดเล่นตามความเคยชิน และพบว่าในหน้าเฟซบุ๊กของดวงศิริมีคนแท็กรูปภาพมา

เป็นภาพการ์ดแต่งงาน ออกแบบทันสมัยแต่ยังซ่อนความอ่อนหวาน

ชื่อว่าที่เจ้าสาวคือพิชชาภา ใช่คนเดียวกับดีเจพีชชี่คนดัง เธอมั่นใจ

แต่ชื่อเจ้าบ่าวนี่สิที่เป็นปัญหา

“เอ๊ะ พุฒิพงศ์ ชื่อคุ้นๆ”

โพสต์นี้มีแท็กคนอื่นร่วมด้วยหนึ่งคน คาดว่าเป็นว่าที่เจ้าบ่าวนั่นเอง อริสากดเข้าไปดูพลันสะดุ้งโหยง

“เฮ้ย นี่มันพี่พุฒิ แฟนยัยหวานนี่หว่า”

แต่สังเกตอีกที เฟซบุ๊กของพุฒิพงศ์นี้ไม่ได้เป็นเพื่อนกับดวงศิริ ในหน้าเฟซบุ๊กไม่มีอัปเดตอะไรมาก ส่วนมากเป็นการแชร์ข่าวสารกับรูปที่เพื่อนแท็กมา อริสารู้สึกว่ามันแปลก รีบเข้าเฟซบุ๊กของดวงศิริ ค้นหาโพสต์เรื่องราวที่มีพุฒิพงศ์ซึ่งมีน้อยเพราะระยะหลังทั้งคู่ไม่ค่อยได้พบกัน แล้วเธอก็พบคำตอบ

ชายหนุ่มมีเฟซบุ๊กสองบัญชี เป็นแฟนกับผู้หญิงสองคน เขาแบ่งโลกออกเป็นสองใบอย่างชัดเจน

แล้ววันนี้ ดวงศิริกำลังไปเซอร์ไพรส์แฟนหนุ่มที่ระยอง ไม่รู้เป็นอย่างไรบ้าง ไวเท่าความสงสัยนั้น อริสารีบคว้าโทรศัพท์โทร.หาดวงศิริ แต่ไม่มีใครรับสาย

หญิงสาวสังหรณ์ว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น จึงเปลี่ยนไปโทร.หาใครอีกคนแทน

“พี่ภู เกิดเรื่องแล้วค่ะ”



Don`t copy text!