ชมา 5 ชีวิต บทที่ 15.2 : จับตาจับตาย

ชมา 5 ชีวิต บทที่ 15.2 : จับตาจับตาย

โดย : คีตาญชลี แสงสังข์

Loading

ชมา 5 ชีวิต เรื่องราวของลูกแมวขาวดำทักซิโด้ที่ได้ไปเจอเจ้าของในชาติที่แล้วและชาติที่สอง รวมถึงชาติที่หนึ่ง แถมยังพบว่าแขกที่มาเที่ยวฟาร์มเสตย์ก็ดันเป็นเจ้าของตัวมันในชาติที่สาม! ชมารู้ทันที่ว่าเรื่องไม่ธรรมดากำลังจะเกิดขึ้น! พบกับนวนิยายเรื่อง ชมา 5 ชีวิต โดย คีตาญชลี แสงสังข์ ที่อ่านเอานำมาให้ทุกคนได้อ่านใน anowl.co

 

คริสต์มาสใกล้เข้ามา โอโตซังฟาร์มเสตย์ต้อนรับนักท่องเที่ยวจนเต็มทุกห้อง ส่วนใหญ่มากันเป็นครอบครัว เสียงเจี๊ยวจ๊าวของเด็กๆ ทำผมทั้งสนุกและรำคาญในเวลาเดียวกัน

วันนี้ผมตั้งใจว่าจะใช้เวลาให้ห่างอาคารส่วนกลาง เพราะเด็กๆ มักจะไปรวมตัวกันอยู่ที่นั่น แต่เมื่อร้องขอออกจากห้องก็ต้องประหลาดใจ เพราะวันนี้นอกจากเป้จะไม่ยอมเปิดประตูให้ผมออกไปแต่โดยดีแล้ว เขายังแต่งตัวหล่อ ไม่ได้ใส่เอี๊ยมยีนเตรียมลุยงานสวนเหมือนทุกวัน

เมื่อเขาสวมรองเท้าผ้าใบสะอาดเอี่ยมแล้ว เขาก็จับผมยัดเข้ากรงอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

ผมร้องประท้วง…นี่มันเรื่องอะไรอีกละเนี่ย

แล้วในอีกยี่สิบนาทีต่อมาผมก็รู้ว่า ตอนนี้ตัวเองตกเป็นเครื่องมือของเป้เข้าให้แล้ว

เขาไปบอกกับทุกคนว่าเมื่อคืนผมอาเจียน และนอนร้องครางจนหลับไป เขาสงสัยว่าผมอาจจะปวดท้อง ดังนั้นเขาจึงจะต้องเข้าเมืองเพื่อเอาผมไปหาหมอ

ไม่ได้เป็นอะไรเสียหน่อย ผมพยายามเถียง ไอ้ซื้อบื้อโตชะโงกมองเข้ามาในกรง เมื่อเห็นหน้าบูดๆ และอาการร้องประท้วงของผมเขาก็สรุปดื้อๆ ว่า

“ร้องใหญ่เลย สงสัยจะไม่สบายจริงๆ”

ไม่ใช้โว้ย…ซึ่งนั่นยิ่งทำให้ทั้งฟ้าใสและโอต่างก็เข้าใจผิด

สรุปคือเป้จะได้ขับรถเข้าเมืองไปแทนบุญรอ โดยมีผมติดรถไปด้วย ถึงผมจะอยากรู้อยากเห็นเรื่องของเจ้าของในชาติต่างๆ ของตัวเองขนาดไหน แต่การนั่งรถจากท่าตอน…ท่าตอนเลยนะครับ เข้าเมืองเชียงใหม่บ่อยขนาดนี้ มันไม่ใช่วิสัยที่แมวปกติที่ไหนจะชอบกัน

 

ในรถกระบะสี่ประตู ผมได้ออกจากกรงไปอยู่บนตักของโอ แต่แล้วผมก็ไม่สบายใจจนต้องมุดลงไปนั่งอยู่ใต้หว่างขาของโอแทน ผมไม่ได้กลัวการเคลื่อนไหวของรถ แต่เสียงลมที่ลอดเข้ามาทางกระจกหน้าต่าง มันอาจจะดูเหมือนเงียบสำหรับมนุษย์ แต่สำหรับแมวที่ประสาทหูดีกว่านั้น มันทำให้ผมรู้สึกรำคาญ

ในที่สุดผมก็หลับไปจนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในรถบ้าง เพราะแทบไม่ได้ยินพวกเขาคุยกัน มันเป็นห้วงอากาศหนักๆ ระหว่างคนสองคนที่เป้ไม่มีทีท่าว่าจะปิดบัง หรือพยายามกลบเกลื่อน ราวกับเขากำลังลงโทษโอและบอกให้รู้กลายๆ ว่า คนเดียวที่ไม่รู้อะไรเลยคือสามีของเธอแต่ไม่ใช่เขา ทั้งหมดมันส่งผลต่อผมซึ่งมีประสาทสัมผัสดีกว่ามนุษย์หลายเท่าให้ได้รับผลกระทบนี้ไปด้วย

ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเป้จอดรถ พอพวกเขาพากันออกไปจากรถแล้ว ผมจึงปีนขึ้นไปเกาะหน้าต่างดู เห็นเป้ช่วยโอหิ้วกระเป๋าเข้าไปในโรงแรม ซึ่งเป็นบ้านก่ออิฐถือปูนหลังย่อมๆ กระจายตัวอยู่ในสวนเขียวขจี มีอาคารขนาดใหญ่มากหลังหนึ่งยืนเด่นเป็นสง่าอยู่ใต้ต้นฉำฉายักษ์ และเป็นอาคารที่เป้กับโอเพิ่งเดินเข้าไป

จากที่จอดรถ ผมมองเห็นต้นไม้ใหญ่ยืนต้นให้ร่มเงาเป็นระยะ ข้างใต้เต็มไปด้วยดอกไฮเดรนเยียหลากสีซึ่งน่าจะเป็นไม้กระถางที่นำมาจัดวางตามฤดูกาล ไกลออกไปหลังพุ่มไฮเดรนเยียและไม้พุ่มขนาดกลาง ผมได้ยินเสียงเด็กหัวเราะและเสียงน้ำไหล เดาได้ว่าบริเวณนั้นน่าจะเป็นสระว่ายน้ำ

ผมขยับหูหาสัญญาณเสียงอื่นๆ รู้สึกถึงพวกหนูในรูใต้ดิน และแมลงสาบในท่อระบายน้ำใกล้ๆ แต่มองไม่เห็นตัวพวกมัน และไม่รับรู้ถึงสิ่งใดๆ อีก

ครู่เดียวเป้ก็กลับมา เขาทักทายผมด้วยการลูบด้วยฝ่ามือหนักๆ แล้วเคลื่อนรถออกจากโรงแรมแห่งนั้นไปช้าๆ ผมนั่งที่เบาะข้างคนขับ แต่เมื่อเป้เริ่มเพิ่มความเร็วผมก็มุดลงไปนั่งใต้เบาะแทน

เป้จอดรถอีกครั้ง ตอนแรกผมเข้าใจว่าเราถึงบ้านในซอยวัดร่ำเปิงแล้ว แต่ปรากฏว่าไม่ใช่ ตอนนี้เป้เคลื่อนรถไปจอดไว้ใต้ร่มไม้หน้าบ้านพักแพทย์

“ลงไปด้วยกันนะ” เขาชวน จากนั้นก็ดับเครื่องยนต์ จับผมใส่ที่รัดตัวแล้วอุ้มลงไปนั่งใต้ต้นไม้หน้าบ้านหลังนั้น

แล้วก็รอ…

อากาศในเมืองร้อนกว่าท่าตอนมาก แต่ร่มไม้ก็ทำให้ไม่ถึงกับร้อน

ใกล้เที่ยง เบญจมินทร์เดินฝ่าแดดเข้ามาด้วยท่าทางประหลาดใจเล็กน้อย เป้กล่าวสวัสดีอาของเขาแล้วอุ้มผมพร้อมหิ้วตะกร้าใส่ไข่อารมณ์ดีเดินตามเบญจมินทร์เข้าไปในบ้าน

เมื่อไปถึงครัว เป้ก็พูดตามหลังเบญจมินทร์ไปว่า เขามาส่งโอมางานเลี้ยงรุ่นและจะรอรับกลับ

เบญจมินทร์ชะงัก เขาค่อยๆ หันมาหาเป้ ถามออกมาว่า

“โอบอกว่าจะกลับเหรอ”

เป้ไม่ตอบ เขาจ้องหน้าเบญจมินทร์ตรงๆ จนเบญจมินทร์ต้องหันกลับไปหาตะกร้าใส่ไข่

“อาโอไม่ได้บอกว่าจะกลับครับ” เป้ยอมตอบ เบญจมินทร์พยักหน้ารับรู้ มือก็สาละวนกับการหยิบไข่ใส่ตู้เย็น เป้พูดต่อ

“อาเบญจะค้างกับอาโอด้วยไหมครับ”

เบญจมินทร์นิ่งไป “ค้างสิ” เขาพูดช้ากว่าที่ควรไปสามวินาที มือที่จับไข่ใส่ช่องวางชะงัก

“แค่ครั้งเดียว หรือว่าจะมีครั้งหน้าด้วยครับ”

เบญจมินทร์ยืนนิ่ง มือจับไข่เอาไว้ คราวนี้นานกว่าเก่า ในที่สุดเขาก็หยิบไข่ใบสุดท้ายใส่ลงในช่องวาง ปิดประตูตู้เย็น แล้วค่อยๆ หันหน้ากลับมา

เป้ไม่ปล่อยให้เบญจมินทร์ได้พูด อย่างน้อยเขาก็เห็นแก่ความเป็นอาหลาน เพราะถ้าเบญจมินทร์พูด มันก็เสี่ยงว่าหมอต่อมไร้ท่ออย่างเขาอาจจะต้องโกหก

“เห็นอาโตเล่าว่าปีก่อนๆ ไม่ได้นัดกันมานอน ปีนี้พิเศษหน่อยเลยวางแผนไม่ทัน ผมเลยต้องมาส่งอาโอแทนอาโต” เป้จงใจเน้นคำว่านอน สีหน้าแน่วแน่ของเป้สร้างความกดดันจนเบญจมินทร์ต้องเสไปเปิดตู้เย็นอีกรอบ คราวนี้เขาคว้าขวดน้ำออกมาเทดื่ม

“อาเบญไม่ต้องตอบผมก็ได้ ยังมีเวลาให้อาเบญ ‘คิด’ ‘ทบทวน’ และปรึกษาเพื่อนๆ อีกมาก เดี๋ยวผมจะเลยเอาไข่กับผักไปให้พ่อ แวะไปซื้อของที่อาโตฝากซื้อ แล้วจะเลยกลับโอโตซังเลย ถ้าพวกเพื่อนๆ อาเปลี่ยนใจไม่ค้างกันแล้ว โทรไปบอกผมนะครับ ผมจะอยู่รอรับอาโอเลย ดึกแค่ไหนผมก็จะอยู่”

มือที่ยกแก้วน้ำขึ้นดื่มของเบญจมินทร์สั่น เขาพยักหน้าให้หลานชาย เป้ไหว้ลาแล้วอุ้มผมเดินออกจากบ้าน

ระหว่างที่เกาะไหล่เป้ผมมองเข้าไปด้านใน เห็นเบญจมินทร์มองตาม ก่อนทรุดลงนั่งกับเก้าอี้ของโต๊ะกินข้าว สีหน้าที่เป้ไม่ได้เห็นแต่ผมเห็นนั้น บ่งบอกชัดเจนว่าสิ่งที่เป้ต้องการจะสื่อ เบญจมินทร์นั้นรับเข้าสู่หัวใจของเขาไปเต็มๆ

มาดนักเรียนมัธยมปลายใสซื่อ เรียนเก่ง เป็นที่หมายปองของสาวๆ ในชีวิตที่ 3 มาดหมอหนุ่มผู้กระตือรือร้นและซื่อสัตย์ต่อความรักในชีวิตที่ 4 จนมาถึงมาดสุขุมของหมอประสบการณ์สูง เสน่ห์แรง ทว่าขี้อายนิดๆ ในชีวิตที่ 5 แทบจะไม่หลงเหลือในเวลานี้

เขาดูเหมือนหมาหลง ไม่รู้ว่าทางที่ควรจะเดินไปมันคือทางไหนกันแน่

เอาจริงๆ เมื่อฤดูผสมพันธุ์ของแมวอย่างพวกผมมาถึง มันจะไม่มีอะไรสามารถหยุดยั้งพวกเราได้ นอกจากการทำหมัน ในเมื่อเบญจมินทร์ยังไม่ได้ทำหมัน และเก็บความรู้สึกที่เขาและโอมีให้แก่กันนานถึงสามชีวิตแมว ผมก็ไม่บังอาจจะตัดสินเขาหรือคาดเดาอะไรทั้งนั้น

 

 



Don`t copy text!