พลิกรักทำนายใจ บทที่ 17.2 : ความรักครั้งใหม่ของดวงศิริ

พลิกรักทำนายใจ บทที่ 17.2 : ความรักครั้งใหม่ของดวงศิริ

โดย : แสนแก้ว

Loading

พลิกรักทำนายใจ โดย แสนแก้ว เรื่องราวของสายมูตัวแม่ที่ช่วยเหลือคนอื่นมากมาย แต่ความรักของตัวเองกลับไม่รอดราวกับดวงความรักอาภัพซะเหลือเกิน คงจะมีแค่ ‘พี่ภู’ เท่านั้นที่ดีต่อเธอเอ…เธอผู้รู้ใจลูกค้าดั่งมีตาทิพย์กลับไม่เคยมองเห็นหัวใจเขาเลยสักทีได้อย่างไร นวนิยายอ่านฟรีสนุกๆ ที่อ่านเอามีให้คุณได้อ่านที่ anowl.co

รถยนต์ของบริษัทมุ่งหน้าขึ้นเหนือสู่จังหวัดเชียงใหม่ ปลายทางคือรีสอร์ตบรรยากาศขุนเขาที่ทีมของมนชิดาได้รับมอบหมายให้ไปดูหน้างานเพื่อออกแบบปรับปรุง แต่ระหว่างนั้น…เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะครื้นเครงของทีมออกแบบตลอดทาง

นายสิงโตขับรถไปเปิดคาราโอเกะไป เขาว่าการร้องเพลงแก้เมารถได้ ลูกแก้วไม่ได้ร้องเพลงสักเท่าไรเพราะกินขนมแจ๊บๆ ไม่พักปาก ส่วนดวงศิริชี้ชวนแวะจอดซื้อของฝากของอร่อยตามรายทางทุกจังหวัดที่ขับผ่าน อ้างว่าเดินทางไกลทั้งทีต้องเก็บให้ครบทุกหมุดหมาย

มนชิดานั่งดมยาดมอยู่ที่เบาะหลัง บอกตัวเองว่าไม่ว่าสถานการณ์ตรงหน้าจะยุ่งเหยิงขนาดไหน เธอก็จะรักและเชื่อมั่นในดรีมทีมของเธอ

สรุปงานที่ไซต์รีสอร์ตกันเรียบร้อยในตอนเย็น ศักดา ผู้จัดการฝ่ายออกแบบก็ชวนทุกคนไปกินมื้อเย็นด้วยกันที่ร้านอาหารเหนือเจ้าดัง อนุมัติให้สั่งอาหารได้เต็มที่ไม่มีอั้น เบิกงบบริษัทได้ด้วย ทีมออกแบบร้องดีใจตีมือกันเหมือนเด็กๆ มนชิดาก็ได้แต่ยิ้มเจื่อน บอกตัวเองว่าไม่อาย ไม่อาย ดรีมทีมของเธอมีพลังล้นเหลือเช่นนี้นับเป็นเรื่องดี

ระหว่างเดินทางไปยังร้านอาหารที่นัดหมายกับศักดา สิงโตผู้เป็นคนขับก็เริ่มพาดหัวคอลัมน์

“ฮาวทู มูอย่างไรให้ได้ผู้”

ลูกแก้วเอื้อมสะกิดแขนลูกพี่จากเบาะหลัง “นั่นสิ พี่หวานต้องพาหนูไปมูบ้างแล้วแหละ”

ดวงศิริหันมายิ้มสดใส โยกนิ้วชี้ไปมา

“ผิดๆ ต้องเป็นแม่หมอเองให้ได้ด้วย ดูดวงท่านประธานเลยได้หลานชายท่านประธานเป็นของแถมไงล่ะ”

ลูกแก้วกับสิงโตกรี๊ดกร๊าดเป็นเสียงเดียวกัน มนชิดาส่งเสียงแทรกอย่างไร้อารมณ์ว่า

“รีบๆ ขับไปเถอะน่า เดี๋ยวผู้ใหญ่รอ เสียมารยาท”

ดวงศิริขยับตัวยุกยิก เอี้ยวมามองคนข้างหลัง

“อยากมูใช่ไหมลูกแก้ว ที่เชียงใหม่นี่มีทีเด็ดนะ” ว่าแล้วก็ลูบแขนแรงๆ “พี่เคยมาบนกับองค์พระธาตุ อู้หูย ขนลุก”

“ได้เหรอพี่หวาน”

“ได้สิน้อง”

“ยังไงเหรอ แถลงหน่อยซิ”

ดวงศิริขยับปากจะเล่า แต่สิงโตแทรกขึ้นว่า

“เอ๊ะ ทำไมทางมันขึ้นเขาวะพี่” หนุ่มผมทองชะเง้อชะแง้ “ร้านอาหารที่นัดกันอยู่ในเมืองไม่ใช่เหรอ”

ลูกแก้วมองฝ่าความมืดไปรอบๆ ก็พบแต่ต้นไม้กับป่าเขา

“เออจริง”

“ปักหมุดถูกร้านหรือเปล่า” มนชิดาถาม

“ก็กดจากที่พี่ศักดาส่งมานั่นแหละ” ดวงศิริตอบแทนน้องๆ

สิงโตชะลอความเร็วรถลงกึ่งหนึ่งเพราะลังเลใจ ลูกแก้วหันขวับๆ มองข้างทางทันเห็นป้ายผ่านตาไปแวบๆ ว่า

วัดพระธาตุ…10 กม.

สาวอวบตะปบบ่าคนขับจากข้างหลังทันใด

“เดี๋ยวนะ สิงโต นี่มันทางไปวัดพระธาตุนี่”

“เฮ้ย” ดวงศิริสะดุ้งโหยง ตีแขนสิงโตแรงๆ “กลับรถเร็ว กลับรถ ผิดทางแล้ว”

ชายหนุ่มคนเดียวในรถเหวอไปหมด ตกใจว่าผิดทางยังไม่เท่าตกใจท่าทีลุกลี้ลุกลนของคนเป็นลูกพี่ ข้างหน้ายังเป็นทางขึ้นเขา ไม่มีที่ให้กลับรถ ละล่ำละลักถามว่า

“อะไรๆ พี่หวานเป็นอะไร”

ดวงศิริขนลุกไปทั้งตัว อีกนิดเดียวจะร้องไห้แล้ว ตอบรัวเร็วปรื๋อ

“ที่เล่าว่าเคยมาบนกับพระธาตุแล้วได้น่ะ สารภาพว่า พี่ยังไม่ได้มาแก้บนที”

“เฮ้ย”

คราวนี้ตาเหลือกกันทั้งรถ เอะอะโวยวายลั่น

สิงโตร้องว้าก สาดไฟสูงหาที่กลับรถแบบด่วนๆ ลูกแก้วร้องฮือๆ ซุกอกมนชิดากอดรัดแน่นเป็นลูกลิง ส่วนแม่ลิงเจ้าของอ้อมอกอบอุ่นนั้นก็ไม่ได้จิตแข็งไปกว่าใครสักเท่าไร กัดปาก ตัวเกร็ง เปิดแอปแผนที่ในโทรศัพท์กดหาเส้นทางลงเขายิกๆ

ส่วนสาวสายมูคนต้นเรื่องหลับตาปี๋ ไหว้ปลกๆ ร้องเสียงหลง

“สิ่งศักดิ์สิทธิ์เจ้าขา ลูกขอโทษด้วยเจ้าค่ะที่มาช้า คืนนี้ขอกินข้าวก่อนแล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้จะรีบมาแก้บนเลยเจ้าค่ะ!”

 

ทีมนักออกแบบคนเก่งของบริษัทไปถึงร้านอาหารสายราวครึ่งชั่วโมง ตอนแรกศักดาหงุดหงิดที่ถูกปล่อยให้รอ แต่พอสิงโตกับลูกแก้วส่งเสียงบ๊งเบ๊ง ช่วยกันเล่าว่าเจอเรื่องพิศวงหลงทางไปไหนมา ผู้จัดการหนุ่มซึ่งชอบดูหนังผีเป็นทุนเดิมก็ตาลุกวาว ลืมที่ขุ่นเคืองเป็นปลิดทิ้ง

ดวงศิริยิ้มประจบประแจง กวักมือเรียกบริกรมาสั่งเบียร์เลี้ยงเจ้านายขวดหนึ่ง ศักดาก็ยิ้มแย้มอารมณ์ดีตามเดิม

ตอนที่รับประทานขันโตกชุดใหญ่กันอยู่นั้น สิงโตกับลูกแก้วก็แย่งกันสัมภาษณ์ดวงศิริว่าบนอะไรมาบ้าง เกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น และเคยเจอเรื่องลี้ลับปาฏิหาริย์อะไรทำนองนี้มาก่อนหรือเปล่า ดวงศิริกินไปตอบไปอย่างสนุกปากโดยเฉพาะเรื่องไพ่ยิปซีที่เธอถนัด

ส่วนคำถามที่ว่า บนพระธาตุเรื่องอะไรมา ดวงศิริยิ้มตอบเพียงว่า

“ขอให้เล่นเกมชนะ แค่นั้นแหละ”

แล้วชวนคุยเรื่องท่านพ่อร่างทรงที่ชุมพรกลบเกลื่อนไป

 

ความทรงจำแสนสุขสนุกสนานสมัยเรียนมัธยมปลายนั้น ถึงจะหลีกเลี่ยงไม่พูดถึงเสมอมา แต่ดวงศิริไม่เคยลืม

ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของวัยรุ่น นักเรียนมัธยมปลายหัวกะทิอย่างมนชิดาติวเข้มเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย แต่เด็กห้องกลางๆ อย่างดวงศิริเลือกจะใช้ชีวิตให้สนุก มุ่งมั่นทำตามใจฝัน

เด็กสาวชอบเล่นเกมออนไลน์เป็นชีวิตจิตใจ บางเกมที่เล่นเป็นทีมก็รวมกลุ่มกับเพื่อนๆ พีช นิด กิ๊ฟท์ ขนมหวาน สี่สาวพาวเวอร์เรนเจอร์รวมตัวกันเมื่อไร พวกผู้ชายอาจไม่ถึงกับกลัว แต่ก็ไม่มีใครกล้าดูถูก

พวกเธอไม่ได้เล่นกันแค่สนุกสนานไปวันๆ เป้าหมายตอนนั้นคือการแข่งขันอีสปอร์ต

ย้อนไปในเวลานั้น พ่อแม่ของพวกเธอทั้งสี่ไม่มีใครเห็นด้วย ค่อนไปทางโกรธเกลียดด้วยซ้ำ ทั้งว่ามอมเมาให้เยาวชนติดเกม เป็นทาสการตลาดออนไลน์ ทำให้สมาธิสั้น พัฒนาการทางร่างกายเสื่อมถอยเพราะไม่ออกไปเดินเหินใช้ชีวิตอย่างคนปกติ หมกตัวนั่งซ้อมอยู่แต่หน้าคอมพิวเตอร์

ขาดสังคม เสียสายตา สารพัดอย่างที่พวกผู้ใหญ่ว่ากล่าว และข้อสำคัญที่สุดยิ่งกว่าอื่นใดคือ การติดเกมจะทำให้ไม่อ่านหนังสือเตรียมสอบ เดี๋ยวจะเข้ามหาวิทยาลัยดีๆ ไม่ได้ เสียอนาคตไปอีก

ดวงศิริและสามสาวเพื่อนรักรู้ดีถึงข้อเสียเหล่านั้น แต่ความรักในกีฬาอีสปอร์ตมีมากกว่า พวกเธอต้องพยายามอย่างหนักในการแบ่งเวลา ทั้งทำการบ้าน อ่านหนังสือสอบ ออกกำลังกาย และแอบซ้อม แอบแข่ง กันงบค่าขนมส่วนหนึ่งไว้เป็นค่าสมัครแข่งขันและค่าเดินทาง

สี่สาวพาวเวอร์เรนเจอร์แข่งเก็บคะแนนจนขึ้นเป็นอันดับสองในลีกการแข่งขันหนึ่ง อันดับหนึ่งกับสองได้เป็นตัวแทนแข่งขันระดับภาคใต้

ทีมนักกีฬาสาวน้อยตกลงกันว่า จะนำเงินรางวัลที่ได้ที่สองนี้ไปเที่ยวเชียงใหม่ด้วยกันสักหน และเมื่อมีโอกาสได้ขึ้นไปไหว้พระธาตุศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองเหนือแห่งนั้น พวกเธอทั้งสี่ได้บนบานอธิษฐานร่วมกัน ขอให้แข่งขันชนะระดับภาค

การแข่งขันใหญ่จัดขึ้นที่จังหวัดภูเก็ต ท่ามกลางบรรยากาศคึกคักในหอประชุมใหญ่อันเป็นสถานที่แข่งขัน ทีมสี่สาวพาวเวอร์เรนเจอร์คว้าชัยชนะเหนือชาวใต้ทีมอื่นทุกทีม

ทุกคนล้วนยินดีด้วย แต่พอออกมาหน้าหอประชุม ดวงศิริกลับพบพ่อแม่คอยอยู่ด้วยใบหน้าบึ้งตึง

พ่อหยิกแขนเธอจนเขียวทีเดียว ส่วนแม่ตีไม่ยั้ง ส่งเสียงเกรี้ยวกราดไม่ไว้หน้า ไม่สนใจใครที่เดินผ่านไปผ่านมาหน้าหอประชุม

พ่อด่าเสียงดังคำหนึ่งว่า ‘โง่’ แม่สำทับเสียงสั่นว่า ‘ใฝ่ต่ำ อีนังลูกไม่รักดี ฉันไม่น่าให้แกเกิดมาเลย พ่อแม่กู้หนี้ยืมสินมาส่งเสียแกเรียน ทำไมไม่รู้จักสำนึกบุญคุณฮะ วันๆ เอาแต่เล่นเกม จะเล่นให้โง่ตายไปเลยหรือไง’

สำหรับลูกสาวคนเดียวผู้ได้รับความรักความอบอุ่นมาตั้งแต่เล็กจนโต ถ้อยคำรุนแรงเสียงดังจนใครๆ ก็หันมองในวันนั้นสาปให้เธอมึนชาราวกับโลกหยุดหมุน

โลกสีรุ้งงามกะเทาะเปลือกออกให้เห็นพื้นสีเทาดำข้างใน จริงอยู่ว่าพ่อกับแม่ไม่พูดด้วยสองสามวันก็ค่อยๆ กลับมาดีด้วยเป็นปกติ แต่บาดแผลในใจที่เกิดขึ้นแล้วไม่อาจเลือนหายเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นอย่างที่พ่อกับแม่ทำ

คำว่าโง่และใฝ่ต่ำเป็นเหมือนเมล็ดพันธุ์ที่โปรยลงในดินอุดม มันเริ่มงอกราก ชอนไชลงไปข้างใต้แล้วแตกรากฝอยยึดก้อนดินไว้อย่างแน่นหนา ผลการเรียนของดวงศิริเริ่มแย่ลงแม้จะเลิกเล่นเกมไปแล้ว กิจกรรมต่างๆ ของโรงเรียนก็ทำได้ไม่ดีจนเลิกไปเอง ยิ่งถูกเปรียบเทียบกับมนชิดา ลูกสาวเพื่อนเก่าพ่อ ดวงศิริยิ่งรู้สึกว่าตัวเองด้อยค่ายิ่งนัก

จากวันนั้นหญิงสาวเริ่มกลายเป็นคนไม่เชื่อมั่นในตัวเอง แต่ในโลกที่ต้องดูดี มีความน่าเชื่อถือ เธอจึงพยายามนิ่งและต่อสู้กับความหวั่นไหวในใจเสมอมา

ในเมื่อตัวเองมีศักยภาพเท่านี้ ก็ต้องขอยืมมือที่มองไม่เห็นมาส่งเสริม เป็นจุดเริ่มต้นที่เธอเริ่มเข้าวงการมูเตลู บูชาเทพ ตระเวนไหว้ขอพรและบนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เรียนอ่านไพ่ยิปซีจนมีพี่มิ่งมงคลเป็นที่ปรึกษาที่เธอเชื่อถือมากที่สุด ยิ่งกว่าผู้รู้มากประสบการณ์คนไหนๆ

ดวงศิริปล่อยใจไปทบทวนเรื่องอดีตอยู่นาน จนกระทั่งมาถึงโรงแรมที่พัก ตอนที่สิงโตจอดรถเสร็จเรียบร้อยและทุกคนลงมาหอบหิ้วสัมภาระของตัวเองนั้น หญิงสาวก็พ่นลมแรงๆ พร้อมสรุปกับตัวเองสั้นๆ

ช่างอดีตเถอะ ทุกวันนี้ชีวิตของเธอไม่แย่นี่นา ยังมีงานประจำทำ มีเงินเดือน แถมหนุ่มที่ศึกษาดูใจเป็นถึงหลานชายประธานบริษัทเชียวนะ และพี่มิ่งมงคลก็มาเป็นงานเสริมกระเป๋าสองอีก สร้างรายได้และชื่อเสียงให้โด่งดัง ปังไม่หยอก บางทีนี่อาจเป็นทางของเธอที่สวรรค์ลิขิตมาแล้วก็ได้

 

 



Don`t copy text!