ชมา 5 ชีวิต บทที่ 9.1 : แรงปรารถนา

ชมา 5 ชีวิต บทที่ 9.1 : แรงปรารถนา

โดย : คีตาญชลี แสงสังข์

Loading

ชมา 5 ชีวิต เรื่องราวของลูกแมวขาวดำทักซิโด้ที่ได้ไปเจอเจ้าของในชาติที่แล้วและชาติที่สอง รวมถึงชาติที่หนึ่ง แถมยังพบว่าแขกที่มาเที่ยวฟาร์มเสตย์ก็ดันเป็นเจ้าของตัวมันในชาติที่สาม! ชมารู้ทันที่ว่าเรื่องไม่ธรรมดากำลังจะเกิดขึ้น! พบกับนวนิยายเรื่อง ชมา 5 ชีวิต โดย คีตาญชลี แสงสังข์ ที่อ่านเอานำมาให้ทุกคนได้อ่านใน anowl.co

ในที่สุดแฟนต้าก็ได้รับการสนับสนุนจากโออย่างเป็นทางการในการผ่าตัดแปลงเพศ เรื่องนี้สร้างความประหลาดใจให้ทั้งเป้ ต้นกล้า อ้อยแม่ของเขารวมถึงตัวแฟนต้าเอง

ฟ้าใสสงสัยว่า ทำไมทุกคนถึงแปลกใจที่โอคิดจะให้แฟนต้าได้รับคำปรึกษาที่ถูกต้อง อ้อยจึงแอบกระซิบบอกฟ้าใสตอนที่ทั้งคู่อยู่ด้วยกันตามลำพังในป่าไผ่ และกำลังตวงน้ำส้มควันไม้ใส่ขวด

อ้อยเล่าว่า แฟนต้านั้นเป็นลูกพี่ชายของโตที่แสนจะเจ้าชู้จนเมียทิ้ง ส่วนตัวเขาก็ใช้ชีวิตโลดโผนอยู่ไม่เป็นหลักแหล่งจนกระทั่งไปประสบอุบัติเหตุตายในต่างประเทศ แต่จะเป็นประเทศไหนนั้นอ้อยก็จำไม่ได้เสียแล้ว

เมื่อพี่ชายตาย โอกับโตจึงรับเลี้ยงแฟนต้ามาตั้งแต่เขาอายุ 6 ขวบ ถึงสถานะแท้จริงของแฟนต้าจะเป็นหลานโต แต่ใครๆ รวมถึงตัวแฟนต้าเองก็รู้ดีว่าเขาถูกเลี้ยงมาในฐานะลูก โดยเฉพาะโอนั้นเธอทำตัวเป็นแม่ของแฟนต้ามากกว่าที่จะเป็นเพียงอาสะใภ้ และไม่เคยแก้ไขถ้าแขกหรือใครจะเข้าใจผิดว่าแฟนต้าเป็นลูกชายของเธอ

“เกิดปีเดียวกับไอ้ต้นพอดี ได้มาเป็นเพื่อนเล่นกัน เวลาพาไปไหน คุณโอชอบให้แต่งตัวเหมือนๆ กันอย่างกับเด็กแฝด อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะคะ ต้นกล้ามันหน้าตาน่ารักมาตั้งแต่เกิด ดูไม่ออกหรอกค่ะว่าคนไหนลูกคนงานคนไหนลูกหลานเจ้าของ”

อ้อยรำลึกความหลังแล้วหัวเราะ เธอบอกว่าตอนเด็กๆ นั้นแฟนต้าก็ดูเป็นเด็กผู้ชายทั่วๆ ไป เพียงแต่เรียบร้อยกว่าต้นกล้ามาก กว่าทุกคนจะรู้แน่ชัดว่าตัวตนของแฟนต้าเป็นอย่างไรก็เมื่อทั้งคู่ขึ้นมัธยมแล้ว

โอและโตรู้ดีว่าเรื่องอย่างนี้มันห้ามกันไม่ได้ พวกเขาไม่เคยขัดขวางในสิ่งที่แฟนต้าต้องการ แต่ลึกๆ แล้วทั้งคู่ก็กังวล พวกเขาอยากจะให้แฟนต้าโตกว่านี้ พิจารณาทุกอย่างให้รอบครอบกว่านี้ ก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไรลงไป ดังนั้นอ้อยจึงรู้สึกแปลกใจที่จู่ๆ โอซึ่งเลี้ยงดูแฟนต้าอย่างลูกมาตลอด หันมาสนับสนุนแฟนต้าเรื่องการแปลงเพศ แทนที่จะทำเฉยเอาไว้ก่อน

“พี่โอกับพี่โตคิดว่าแฟนต้าจะกลับมาเป็นผู้ชายที่ชอบผู้หญิงได้อีกครั้งอย่างนั้นหรือคะ” เสียงฟ้าใสออกอาการผิดหวัง

“ไม่ช่ายค่า” อ้อยลากเสียงยาว “คือคุณเป้น่ะค่ะ” อ้อยว่า มองซ้ายมองขวา ผมไม่รู้ว่าอ้อยมองหาใครแต่ถ้ามองหาเป้ ตอนนี้เขานอนเหยียดยาวอยู่ข้างๆ ผม ข้างหลังเตาเผาถ่าน และนอนตรงนั้นมานาน ก่อนที่อ้อยและฟ้าใสจะมานั่งตวงน้ำส้มควันไม้ใส่ขวดซะอีก

“เป้…ทำไมหรือคะ” ฟ้าใสอยากรู้

“คุณเป้ว่า…ว่า…” อ้อยคิดนาน ฟ้าใสลุ้นจนแทบลืมหายใจ

“เป้ว่าอะไรคะ”

อ้อยร้องออกมาอย่างรำคาญตัวเอง “โอ๊ย มันอะไรสักอย่างนี่แหละค่ะ ว่าให้คุณต้าอายุยี่สิบห้าก่อน ให้ข้างในมันใหญ่มันโตก่อน จะได้คิดได้แบบผู้ใหญ่อะไรนี่แหละค่ะ”

“ฉันเป็นคนบอกเองละว่า กว่าบุคลิกภาพของคนเราจะมั่นคง ตัวตนของเราจะใหญ่พอ แข็งแรงพอ ไม่โอนเอียงไปตามสิ่งแวดล้อมก็หลังอายุยี่สิบห้าหรือไม่… ก็ไม่มีทางเลย”

เป้ลุกขึ้นจากหลังเตามาปัดเนื้อปัดตัว อ้อยและฟ้าใสหันไปตามเสียง มองตาค้าง

“ดังนั้นฉันจึงบอกให้อาโอและอาโตทำเฉยๆ ไม่ขัดขวางและยังไม่ต้องรีบสนับสนุน”

ประโยคนี้เขาเปลี่ยนจากมองเสื้อผ้าตัวเองไปจ้องตาฟ้าใส

ฟ้าใสลุกพรวด

“แล้วยังไง เธอคิดว่าภายในอายุยี่สิบห้า แฟนต้าจะกลับมาเป็นผู้ชายได้งั้นเหรอ”

“ฉันไม่ได้พูดอย่างงั้น” เสียงเป้เย็นชา

“แล้วมันแบบไหน” ฟ้าใสฉุน อาจจะดูเกินกว่าเหตุแต่ผมคิดว่าเข้าใจเธอ

“รู้ไหมว่าทำไมแฟนต้าต้องรีบ” ฟ้าใสจ้องหน้าเอาเรื่อง เป้ไม่หลบตาแถมจ้องตอบ

“รู้สิ”

“รู้…” ฟ้าใสเยาะ “รู้แต่ยังขวาง มันเพื่ออะไรล่ะ ในเมื่อยิ่งได้รับฮอร์โมนเพศหญิงเร็วเท่าไร แฟนต้าก็จะยิ่งเหมือนผู้หญิงได้มากเท่านั้น ทั้งรูปร่าง ผิวพรรณ การสะสมไขมัน ซึ่งมันจะส่งผลดีกับการเปลี่ยนเพศของแฟนต้า การยืดเวลาออกไปทั้งๆ ที่ไม่มีทางที่จะเปลี่ยนแฟนต้ากลับมาเป็นผู้ชาย มันจะช่วยอะไร นายไม่คิดเหรอว่า มันเป็นการทำร้ายแฟนต้าต่างหาก”

“ทำร้ายเหรอ เธอนี่มันสุดโต่งไม่เข้าเรื่องเลยนะฟ้าใส ฟังหมอพราวมากจนจะบ้าไปแล้วหรือไง”

“หมอพราวไม่เกี่ยว” ฟ้าใสว่า แล้วในที่สุดก็เปลี่ยนใจพูดแก้ว่า “เอ้า…เกี่ยวก็ได้ แต่ขอบอกว่าสิ่งที่หมอพราวพูดมันถูกทุกอย่าง ฉันไม่ได้หลับหูหลับตาเชื่อหมอพราว แต่ฉันชื่นชมเพราะหมอพราวคิดเหมือนฉัน เธอเป็นผู้หญิงแท้ๆ แต่กลับเรียกร้องสิทธิ์ให้เอลจีบีที นายมันพวกปิตาธิปไตย เกิดเป็นผู้ชาย อยู่ในโลกของผู้ชาย ฉันนึกว่าการเป็นนักจิตวิทยาของนายมันจะช่วยได้ แต่มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย”

“ไม่ต้องเอาคำยากๆ บ้าๆ บอๆ มาพูด พูดกันแบบบ้านๆ ที่ชาวบ้านเขาเข้าใจกันนี่แหละ” เป้ขึงตา ผมไม่เคยเห็นเขาโมโหแบบนี้มาก่อน

และด้วยเกียรติของแมวที่เกิดมาหลายหน ผมสาบานได้ว่าเข้าใจเป้อีกเช่นเดียวกัน

“ชื่นชม…เฮอะ…” เขายิ้มเยาะ ส่งเสียงเหยียดหยาม

“หมอที่เอารูปสิงโต ลิง หมาทำท่าขี่กันมาอ้างว่า รักร่วมเพศเป็นธรรมชาติของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม แล้วเที่ยวเขียนลงในเพจน่ะเหรอ เธอไม่คิดบ้างหรือว่าคำพูดพวกนั้นมันดูเหมือนว่าต้องการผลประโยชน์ ต้องการคะแนนนิยม แล้วเธอไม่รู้หรือไงว่ามันมีคำอธิบายอื่นๆ ในพฤติกรรมสัตว์ มันเป็นเรื่องของอำนาจในฝูง การร่วมเพศของสัตว์ไม่ได้มาจากความรักใคร่ ความพิศวาส หรืออะไรเลย แต่มันถูกกำหนดมาเพื่อการขยายเผ่าพันธุ์ และอีกอย่าง…” เขาลดเสียงเป็นกระซิบ “สัตว์ที่หมอพราวอ้างว่ารักร่วมเพศน่ะ พวกมันไม่ได้สอดใส่กันนะยัยบ้า”

ฟ้าใสหน้าแดง อ้อยอุทานเบาๆ ในคอ มองเป้ตาค้าง

แต่เรื่องนี้ผมยกมือสนับสนุนเป้นะครับ

ในฐานะแมว พวกผมคึกคักตอนที่ตัวเมียปล่อยกลิ่น พฤติกรรมพวกผมโดนกำหนดโดยธรรมชาติ และหายไปได้เมื่อโดนตอน ดังนั้นการสืบพันธุ์ของพวกเราจึงไม่ซับซ้อน แต่ความผูกพันของพวกเราต่างหากที่ซับซ้อน

ไม่ต้องเป็นหมาหรือแมวบ้านอย่างเรา แม้แต่พวกหมี สิงโต ลิงกอริล่า ก็ผูกพันลึกซึ้งกับมนุษย์ที่เคยให้ความช่วยเหลือพวกมัน ดังนั้นมันจึงไม่เกี่ยวกับเรื่องทางเพศหรือชู้สาว แต่มันใกล้เคียงกับความรักของแม่กับลูกมากกว่า

ฟ้าใสกัดริมฝีปาก เธอจ้องหน้าเป้ ส่ายหัวเหมือนไม่ยอมรับเสียงกระซิบของเขา

ฟ้าใสโต้กลับ

“นายมันอ้างไปเรื่อย นายคิดว่ากว่าที่คนจะยอมรับตัวเองว่าชอบอะไร เป็นอะไร มันง่ายนักหรือไง นายมันเป็นผู้ชายแท้ๆ นายก็เลยไม่เข้าใจและก็ไม่พยายามที่จะเข้าใจ เคยดูหนังเรื่อง เดอะ เดนิช เกร์ล ไหม เมื่อร้อยปีก่อน การผ่าตัดแปลงเพศยังอันตรายมาก ไอนาร์เป็นคนแรกที่ตัดสินใจผ่าตัดแปลงเพศ ถึงจะเสี่ยงแต่เธอก็ขอให้ได้เป็นผู้หญิง แม้เพียงวันเดียวเธอก็ขอให้ได้เป็นผู้หญิง…สำหรับฉัน” ฟ้าใสทุบหน้าอก “ไอนาร์เป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่ ไม่ว่าเธอจะเกิดมาเป็นอะไร แต่เธอก็ได้ตายในฐานะลิลี ได้ทำ ได้เลือก ได้เป็น แม้จะต้องตาย ก็ตายลงอย่างสง่างามที่สุด”

เป้เม้มปาก ฟ้าใสน้ำตาคลอ ผมพลอยหายใจไม่ทั่วท้องและรู้ว่าอ้อยที่ดูเหมือนจะเป็นส่วนเกินในที่นั้นก็คงจะรู้สึกอย่างเดียวกัน

ในที่สุดเป้ก็เอ่ยขึ้น เสียงเบาจนแทบจะเป็นเสียงของสายลม

“สง่างาม…ฮึ…” เขาแคล่นเสียงหัวเราะ “ความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์คนหนึ่ง คงไม่มีอะไรจะสง่างามกว่านี้แล้วสินะ ส่วนคนที่ขวางหรือไม่สนับสนุนน่ะ ก็คงเป็นได้แค่คนใจแคบ แม้ว่าความใจแคบนั้นจะมาจากความรัก…รักเท่าชีวิตของคนคนนั้นก็ตาม”

“รักที่แท้จริงก็ต้องไม่หวังครอบครอง” ฟ้าใสว่า

ตอนนี้ผมมีความรู้สึกอยากให้เธอหุบปาก

อยากจะบอกว่า ถ้าเธอไม่รู้อะไรเลย ก็สบควรจะหุบปาก

เป้ไม่ตอบโต้อะไรฟ้าใสอีก เขาหันหลังก้าวเดินอาดๆ ไปจากตรงนั้น

หมอพราวเป็นหมอคนหนึ่งซึ่งเป็นเจ้าของเพจที่ฟ้าใสติดตามและชอบอ่าน รองมาจากเพจสอนทำอาหารของบอนนี่ ผมไม่รู้ว่าหมอพราวเป็นหมอที่ไหน รักษาอะไร เพราะคนที่อธิบายให้อ้อยฟังในวันต่อมาคือต้นกล้าลูกชายของเธอ ผู้ซึ่งรู้แค่เรื่องพัดลมและโชคดีแค่ไหนแล้วที่ต้นกล้าให้คำตอบเรื่องนี้กับอ้อยได้

“แล้วเป็นเพจเกี่ยวกับอะไร” เธอซักไซ้ลูกชาย ตอนนั้นเป็นเวลาหลักเลิกเรียน อากาศวันนั้นค่อนข้างร้อน ผมซึ่งเพิ่งฟื้นจากการหลบนอนกลางวัน วิ่งออกมาตามหาเป้ไปที่ศาลาใต้ร่มไผ่ จึงไปได้ยินเข้าพอดี

“ไม่รู้สิแม่ เห็นต้าว่า หมอเขาชอบเขียนอะไรยาวๆ ก็เกี่ยวกับพวกเลี้ยงลูก เรื่องตุ๊ด เรื่องทอม เรื่องเพศทางเลือกอะไรพวกนี้แหละ ต้าบอกว่าเขาเขียนดีนะแม่ แถมอยู่ข้างพวกกะเทยน้อยอย่างแฟนต้าด้วย”

“นี่…” อ้อยสะกิด ทำตาโต “คุณฟ้าใสน่ะ เป็น…ด้วยเหรอ”

“เป็นอะไร” ต้นกล้างง แต่เมื่อเห็นสีหน้าแม่ เขาก็ร้องอ๋อ

“แม่…” ต้นกล้าร้อง “ไม่ได้เป็น พี่ฟ้าใสเขาชอบพี่เป้ไม่ใช่เหรอ แต่พี่ฟ้าใสเขาเป็นนักจิตวิทยา เขาก็คงจะเป็นคนประเภทเดียวกับหมอพราวอะไรนั่นมั้ง เลยชอบอ่านเพจนั้น”

“แต่ทำไมคุณเป้ไม่ชอบ เขาก็เรียนมาด้วยกันกับคุณฟ้าใสไม่ใช่หรือไง”

“โห…แม่ จะไปยุ่งอะไรกับเค้า ต้าก็ไม่ได้ชอบอ่าน เห็นว่ามีแต่ตัวหนังสือเยอะๆ เขียนทียาวๆ สอนโน่นสอนนี่ ขนาดเข้าข้างกะเทย กะเทยยังไม่อ่านเลย พี่เป้เขาก็อาจจะมีความคิดของเขา แต่เขาก็ไม่เห็นจะรังเกียจอะไรต้า แถมตามใจมากๆ ด้วยซ้ำ”

“แล้วใครผิดใครถูก ใครเชื่อได้เชื่อไม่ได้ล่ะนี่” อ้อยเกาหัว

ไม่มีคำตอบจากต้นกล้า เขาส่ายหัว ยิ้มจืดๆ แล้วก้มหน้าก้มตาอยู่กับใบพัดของตัวเองต่อไป

อ้อยพยักหน้าหงึกๆ ผมไม่รู้ว่าอ้อยเข้าใจหรือเปล่า แต่ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจคนในยุคนี้เลย

ชีวิตครั้งก่อนๆ ผู้คนจะเชื่อคนใกล้ตัว เพราะได้พบ ได้เจอ ได้พูดคุยกันบ่อยๆ แต่ทำไมคนยุคนี้ ถึงเลือกจะเชื่อคนที่ไม่เคยเห็นหน้ากัน

หรือพวกเขาไม่มีคนใกล้ชิดให้คุยด้วย! คงจะเหงากันแย่สินะ….

 

“มาตั้งแต่เมื่อไร” ต้นกล้าซึ่งเพิ่งสังเกตเห็นผมร้องทัก ผมซึ่งคิดอะไรเพลินๆ สะดุ้งโหยง

เขาหัวเราะแล้วช้อนตัวผมขึ้นอุ้ม ผมไม่ชอบให้เขาขยำพุง เลยร้องประท้วง

“เล่นสายไฟไหม” เขาชวน

เล่นให้โง่เหรอ ผมร้องตอบ เพราะอย่างไรเขาก็ไม่ยอมให้ผมตะครุบสายไฟได้อยู่ดี

ต้นกล้าจับส่ายไฟแกว่งไปมา เส้นสีแสงดำ ส่ายกระดุ๊กกระดิ๊ก

ให้ตายเถอะ…

ผมเกลียดความเป็นแมวเด็กในร่างตัวเอง ทำไมผมถึงทนที่จะนั่งดูมันเฉยๆ ไม่ได้ละเนี่ย

 

 



Don`t copy text!