กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 4 : อวลกลิ่นดอกแก้ว (1)
โดย : ชีวาพร
กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว โดย ชีวาพร เรื่องราวของสองพี่น้องที่ชีวิตแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน คนหนึ่งใบหน้างดงามโดดเด่นเป็นที่ปรารถนาของผู้คน อีกคนใบหน้าสามัญและยังมีชะตากาลกิณีติดตัวมาตั้งแต่เกิด ชีวิตของทั้งคู่จะดำเนินไปในทิศทางใด อ่านเรื่องราวของพวกเธอได้ในเว็บไซต์อ่านเอา anowl.co และเพจ anowldotco
ยามย่ำรุ่งแก้วตื่นมาหุงหาอาหารที่เรือนใหญ่ ก่อนจะเข้าสวนเก็บผลไม้ใส่ตะกร้าสาน ขึ้นเรือไปกับคนของบ้านนางสายเพื่อข้ามฟากไปยังตลาดน้อย
“หน้าตาสดใสเยี่ยงนี้ เมื่อคืนคงนอนหลับแต่หัวค่ำใช่หรือไม่”
นางสายเอ่ยเย้าเด็กสาวที่ตนรับขึ้นเรือเมื่อสิบเอ็ดปีก่อนด้วยน้ำเสียงเอ็นดู
“เพราะได้ขนมตาลของน้าสาย ท้องน้อยๆ ของฉันก็เลยสงบ หลับสบายทั้งคืนเลยจ้ะ”
เสียงหวานเอ่ยบอกอย่างอารมณ์ดี โดยไม่ทันเห็นแววตาสงสัยของคู่สนทนาด้านหน้า ขนมอะไรกัน ทว่ายามที่นางสายคิดจะซักไซ้ถามความเรือก็จอดเทียบท่าเสียก่อน
“วันนี้น้าจะเอาพริกไทยไปส่งให้จีนจู แม่แก้วไปขายของคนเดียวได้หรือไม่”
“ได้จ้ะ”
เพราะทำการค้าที่ตลาดน้อยนี้มาหลายปี ไม่เพียงเรื่องคำนวณที่แก้วสามารถขบคิดได้อย่างรวดเร็ว แม้แต่ภาษาต่างถิ่นเธอก็เอ่ยเจรจาได้อย่างคล่องแคล่ว ทว่าที่นางสายกังวลหาใช่เรื่องภาษาหรือการคิดคำนวณ แต่เป็น…
“ให้พี่ช่วยไหมจ๊ะแม่แก้ว”
“มิเป็นกระไรจ้ะ”
แก้วเอ่ยตอบพลางขยับตัวหลบคนตรงหน้า แต่เธอหลบทางซ้ายเขาก็ขยับตัวมาทางซ้าย หลบขวาเขาก็ขวางทางมาทางขวา
“สายมากแล้วฉันจะรีบขายของ พี่ทดหลีกทางให้ฉันด้วย”
“เยี่ยงนั้นก็ส่งคานหาบมาให้พี่ช่วยเถิด มิต้องเกรงใจไป หรือจะให้พี่ช่วยซื้อทั้งหมดนี่ก็ยังได้”
ไม่เพียงเอ่ยอาสา ทว่าทดยังวางมือจับคานหาบบนบ่าเล็ก แก้วขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างไม่พอใจ เอ่ยเสียงขุ่น
“ฉันมิได้เกรงใจ แต่ไม่ต้องการความช่วยเหลือนี้จริงๆ”
“แต่พี่อยากช่วยแม่…โอ๊ย!”
คนอยากช่วยเอ่ยไม่ทันจบประโยคก็ร้องลั่น เมื่อต้นแขนคล้ายถูกบางอย่างฟาดลงมาอย่างแรงจนปวดร้าวไปทั้งแขนราวกับกระดูกแตกหัก
“ใครกล้าตีกู!”
ทดหันไปตวาดลั่น ทว่าก่อนที่จะได้คำตอบ กลางอกก็คล้ายถูกบางอย่างกระแทก จนเซถลาหงายหลัง
“กูเอง!”
“ไอ้ปราบ!”
คนถูกตีเค้นเสียงเรียกชื่ออีกฝ่ายลอดไรฟันอย่างกรุ่นโกรธ สองแขนถูกคนสนิทประคองลุก
“มึงกล้าถีบกูรึไอ้ปราบ!”
“มากกว่าถีบกูก็กล้า มึงจะลองหรือไม่”
ปราบขยับตัวมายืนเบื้องหน้าแก้ว ใบหน้าคมเข้มจดจ้องดวงตาดุไปยังคนหยาบช้า ที่กล้ารังแกแก้วของเขา
“กูแค่อยากช่วยแม่แก้ว มึงมาสอดกระไร”
“หูมึงมีปัญหา หรือไร้ปัญญาตั้งแต่เกิดจึงมิเข้าใจคำพูดของน้องกู ไม่ต้องการ! คำนี้มึงเข้าใจหรือไม่ หากไม่เข้าใจกูจะได้อธิบายให้ฟัง”
เมื่อเริ่มมีการโต้แย้งวิวาท ผู้คนก็เริ่มมุงดูแลวิพากษ์วิจารณ์การกระทำคุกคามของทด คนที่ถูกด่าทอกัดฟันกรอดเอ่ยเสียงขุ่นลอดไรฟัน
“ฝากเอาไว้ก่อนเถิดมึง”
สายตาอาฆาตแลคำพูดข่มขู่ของทดนั้นไม่กระทบต่อความรู้สึกปราบเลยสักนิด หากแต่กลับสร้างความกังวลให้แก้วจนใบหน้างามซีดเผือด
“พี่ปราบ…”
เสียงสั่นเครือน้อยๆ กับสายตาห่วงใยของหญิงสาวที่เขาปกป้องมาร่วมสิบเอ็ดปีทำให้ใบหน้าที่แข็งกร้าวของปราบอ่อนลง ถอนหายใจยาวไล่อารมณ์ขุ่นเคืองเมื่อครู่แล้วยกมือขึ้นดีดนิ้วลงบนหน้าผากเล็ก เบี่ยงเบนความกังวลของคนตรงหน้า
“อะ! พี่ปราบฉันเจ็บนะ”
แก้วร้องด้วยน้ำเสียงแง่งอน ยกมือขึ้นจับหน้าผาก สิบเอ็ดปีแล้วพี่ปราบก็ยังชอบตีหน้าผากของเธอไม่เปลี่ยน ช่างเป็นพี่ชายที่ชอบรังแกกันนัก
หึ! ปราบมองหญิงสาวตรงหน้าที่ทำปากขมุบขมิบแล้วแค่นเสียงขบขันในลำคอ ทั้งที่เติบโตจนเกินวัยออกเรือนแล้ว ยังทำตัวราวกับตนเองเป็นเด็กน้อยหกขวบในวันวาน
“หากเจ็บคราหน้าก็หัดสู้คนเสียบ้าง หมัดมวยที่สอนไปลืมหมดแล้วรึ”
แก้วพลันยิ้มแห้ง นึกถึงยามที่ถูกอีกฝ่ายสอนเพลงหมัดมวยก็รีบส่ายหน้าไปมาจนหัวคลอน พี่ปราบของเธอนั้นยามปกติก็นับว่าเป็นคนเข้มงวดผู้หนึ่ง แต่ยามที่ลงมือสอนเรื่องต่างๆ ความเข้มงวดก็ยิ่งเพิ่มเป็นทบทวี ยิ่งคิดถึงตอนที่เขาสอนเพลงหมัดมวยร่างกายของเธอก็ปวดไปทั้งตัวในทันที
อีกอย่างแก้วไม่ได้ลืมสิ่งที่เขาเคยสอน ทว่าเธอคือแม่ค้า หากมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับเครือญาติขุนนางใหญ่ คราหน้าก็คงมิมีใครกล้ามาซื้อของจากเธอ ไม่มีลูกค้าย่อมไม่มีเบี้ยอัฐ เช่นนั้นแล้วน้าชบาคงไม่ยินยอมแลลงหวายเธอเป็นแน่
“พี่ทดเป็นเครือญาติกับท่านเจ้าคุณรอด แม้จะห่างอยู่หลายชั้นแต่ก็นับว่าเป็นญาติ พี่ไปมีเรื่องกับเขาเช่นนี้มิกลัวว่าจะเดือดร้อนหรือ”
ท่านเจ้าคุณรอด หรือ พระยาราชวรานุกูล วิบูลยภักดีวิริยพาหะ บุตรของเจ้าพระยานิกรบดินทร์ฯ นับเป็นขุนนางใหญ่ผู้หนึ่ง แม้ทดจะทำตัวเกเรไปบ้าง แต่ก็มิเคยมีใครกล้าเอาความอีกฝ่าย
“ท่านเจ้าคุณมิใช่คนไร้เหตุผล หากไอ้ทดมันจะเอาความ พี่ก็จักไปชี้แจงกับท่านเจ้าคุณด้วยตัวเอง”
“เลือดย่อมข้นกว่าน้ำ เรามันเป็นไพร่สามัญ แต่เขาเป็นขุนนางใหญ่ จักฟังคำเราหรือจ๊ะ”
“อย่างมากพี่ก็ไปขอให้คุณพระนายเมฆช่วยออกหน้าให้”
ปราบเอ่ยอย่างไม่ร้อนใจ คุณพระนายเมฆ หรือ จมื่นเมฆ เป็นจมื่นมหาดเล็กหัวหมื่นทรงโปรด อีกทั้งยังเป็นบุตรของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ฯ ที่ผู้คนทั่วไปกล่าวขานนามว่า ‘สมเด็จเจ้าพระยาองค์ใหญ่’ แม้ท่านจะสิ้นบุญไปแล้ว แต่บุตรหลานและประยูรญาติล้วนเป็นขุนนางใหญ่มากบารมีทั้งสิ้น ดังนั้นหากจมื่นเมฆเอ่ยปากให้อย่างไรอีกฝ่ายก็ต้องไว้หน้า
หัวคิ้วเรียวของแก้วยังคงขมวดมุ่น ปราบมองแล้วก็ดีดนิ้วลงบนระหว่างคิ้วที่ยับย่นอีกครั้ง จากนั้นก็เอื้อมมือไปยกหาบจากบ่าเล็กมาหาบไว้เสียเอง
“พี่ปราบ! ฉันเจ็บนะ”
คนถูกดีดหน้าผากเป็นครั้งที่สองร้องโวยวายพร้อมกับส่งสายตาดุข่มขู่ หากแต่คนลงมือกลับไม่ได้รู้สึกกลัวเลยสักนิด ตรงกันข้ามกลับยิ่งยิ้มขบขันเมื่อเห็นใบหน้าแง่งอนขุ่นเคืองของเธอ
“รังแกฉันแล้วยังมายิ้มเย้ยหยันกันอีก แล้วนี่พี่มิต้องไปซ้อมดาบที่เรือนพ่อครูดอกรึ”
“วันนี้แม่บอกให้พี่มาช่วยเอ็งขายของ”
ได้ฟังถ้อยคำหนักแน่นของอีกฝ่าย แก้วก็พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ก้าวเท้าเดินเคียงข้างเขาไปเงียบๆ โดยไม่ทันสังเกตเห็นมุมปากที่ยกยิ้มอย่างพอใจของคนที่กำลังหาบคานอยู่
หลังจากที่ปราบและแก้วเดินหายเข้าไปในกลุ่มคน ชายที่เพิ่งถูกทำให้อับอายขายหน้าต่อหน้าฝูงชนก็เดินออกมาจากที่ซ่อน จ้องมองทั้งสองด้วยแววตามาดร้าย
“ไอ้ปราบ! วันนี้กูจักสั่งสอนมันให้จำไม่ลืมเลยทีเดียว”
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 15 : สิ้นรักไร้สวาท (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 15 : สิ้นรักไร้สวาท (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 14 : ทำหน้าที่เมีย (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 14 : ทำหน้าที่เมีย (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 13 : เล่ห์มารยา (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 13 : เล่ห์มารยา (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 12 : มีเงินท่วมหัว มิเท่ามีผัวพระยา (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 12 : มีเงินท่วมหัว มิเท่ามีผัวพระยา (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 11 : ยวนสวาท (3)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 11 : ยวนสวาท (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 11 : ยวนสวาท (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 10 : ยั่วราคะ (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 10 : ยั่วราคะ (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 9 : เปื้อนราคี (3)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 9 : เปื้อนราคี (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 9 : เปื้อนราคี (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 8 : กลรักดอกแก้ว (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 8 : กลรักดอกแก้ว (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 7 : เล่ห์ร้ายผกากรอง (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 7 : เล่ห์ร้ายผกากรอง (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 6 : เพลิงริษยา (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 6 : เพลิงริษยา (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 5 : ไฟรัญจวน (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 5 : ไฟรัญจวน (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 4 : อวลกลิ่นดอกแก้ว (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 4 : อวลกลิ่นดอกแก้ว (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 3 : กรุ่นกลิ่นผกากรอง (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 3 : กรุ่นกลิ่นผกากรอง (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 2 : ดวงบริพัตร (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 2 : ดวงบริพัตร (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 1 : ดวงกาลกิณี (2)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว บทที่ 1 : ดวงกาลกิณี (1)
- READ กรุ่นกลิ่นผกาแก้ว : บทนำ