พลิกรักทำนายใจ บทที่ 11.1 : แด่ผู้ชายเฮงซวยที่จากฉันไป

พลิกรักทำนายใจ บทที่ 11.1 : แด่ผู้ชายเฮงซวยที่จากฉันไป

โดย : แสนแก้ว

Loading

พลิกรักทำนายใจ โดย แสนแก้ว เรื่องราวของสายมูตัวแม่ที่ช่วยเหลือคนอื่นมากมาย แต่ความรักของตัวเองกลับไม่รอดราวกับดวงความรักอาภัพซะเหลือเกิน คงจะมีแค่ ‘พี่ภู’ เท่านั้นที่ดีต่อเธอเอ…เธอผู้รู้ใจลูกค้าดั่งมีตาทิพย์กลับไม่เคยมองเห็นหัวใจเขาเลยสักทีได้อย่างไร นวนิยายอ่านฟรีสนุกๆ ที่อ่านเอามีให้คุณได้อ่านที่ anowl.co

ยามสายของวันใหม่ ดวงศิริอาบน้ำแต่งตัวสวมชุดเซตเสื้อเชิ้ตแขนสั้นกับกางเกงขาสั้น ลวดลายผลไม้ฟรุตตี้โทนสีส้มเขียวเหลือง ถือคติว่ายิ่งเศร้ายิ่งต้องแต่งตัวแต่งหน้าให้สดใสเข้าไว้ เธอมาส่งอริสาที่รถยนต์ซึ่งจอดอยู่ในลานจอดของคอนโดฯ และขอติดรถออกไปข้างนอกด้วย

เธอไม่ได้ไปไหนไกล เพียงแค่บ้านน่ารักอบอุ่นหลังหนึ่งฝั่งตรงข้ามเท่านั้น

“พี่ภู หวานเอาลังโฟมมาคืน”

หญิงสาวส่งเสียงกระเง้ากระงอดไปก่อนตัว ชะโงกเยี่ยมหน้าเข้าไปในบ้าน ทุกอย่างยังเงียบเชียบแต่เธอแน่ใจว่าภูริสตื่นแล้ว

ครู่เดียวภูริสก็เดินออกมา เขาสวมเสื้อคอปกกับกางเกงขาสั้น เช็ดผมไปด้วย ท่าทางเหมือนเพิ่งอาบน้ำเสร็จ

“วางไว้ตรงนั้นเลย เดี๋ยวพี่เก็บเอง”

ดวงศิริยิ้มเผล่ เห็นพี่ภูแจ่มใสตามปกติแล้วค่อยโล่งใจ ตอนแรกกังวลว่าเขาจะยังไม่หายโกรธเสียอีก หญิงสาววางลังโฟมไว้ทางหนึ่งแล้วยกเฉพาะกล่องเค้กขึ้นตั้งบนโต๊ะกินข้าว เปิดฝาออกอย่างเบามือ

“หวานมีเค้กมาด้วย พี่ภูกินด้วยกันไหม”

ภูริสก้มมองเค้กปอนด์ใหญ่ฝีมือของเขาเองแล้วมองหน้าเธอ เข้าครัวไปหยิบมีด จานเล็กสองใบกับช้อนเล็กสองคัน ดวงศิริหยิบช้อนมาก่อน ไม่รอให้เขาตัดแบ่งเค้กให้มากพิธี จ้วงตักกินคำใหญ่

เนื้อเค้กกาแฟนุ่มฟูเนียนไปกับวิปครีม ตัดเลี่ยนด้วยเบอร์รี่หลากชนิด และเคี้ยวสนุกขึ้นด้วยอัลมอนด์เคลือบคาราเมลกรุบกรอบ ดวงศิริตาโตในคราแรก ก่อนจะนิ่งไปเมื่อตระหนักว่า เค้กฉลองวันครบรอบสองปีของการเป็นแฟนกับพุฒิพงศ์อร่อยขนาดนี้เลยเชียว

“ไหวไหมเรา”

เสียงทุ้มอบอุ่นดังอยู่เหนือศีรษะ เงยขึ้นมองก็พบดวงตาอ่อนโยนที่ทอดมองอยู่ก่อนแล้ว

“ก็ไหวแหละ”

ภูริสตอบอือเบาๆ นั่งลงข้างเธอแล้วตักเค้กรับประทานบ้าง เขาถามเธอว่าจะดื่มกาแฟไหม ชากับโกโก้ก็มี ดวงศิริเลือกโกโก้ร้อน หลังจากนั้นเพียงครู่เดียวแก้วมัคใบใหญ่บรรจุโกโก้หอมกรุ่นก็มาเสิร์ฟ ส่วนภูริสดื่มกาแฟดำที่เขาคั่วและบดเอง

ทั้งสองคุยกันเรื่องสัพเพเหระเหมือนที่เคยเป็นมา ดวงศิริบ่นเรื่องงาน ภูริสเล่าเรื่องการเมือง จนกาแฟกับโกโก้หมดแก้วและเค้กเว้าแหว่งไปกว่าครึ่ง หญิงสาวจึงเอ่ยขึ้นว่า

“พี่ภูจะไม่ปลอบใจน้องหน่อยเหรอ”

“หือ ปลอบอะไร”

“ก็…ปลอบว่าไม่ต้องเสียใจไปนะ หรือสู้ๆ นะก็ได้ นี่หวานอกหักดังเป๊าะเลยนะ”

ภูริสยิ้ม วางมือลงบนเรือนผมนุ่มนิ่มแผ่วเบา

“อ้อนได้อย่างนี้แสดงว่าดีขึ้นแล้วสินะ”

“โธ่ ดีขึ้นแล้วแหละ แต่ก็อยากให้ปลอบนี่”

ชายหนุ่มจ้องมองเข้าไปในดวงตากลมโตฉายแววออดอ้อนดื้อรั้น ลึกลงไปในนั้นมีความเหงาและรวดร้าวหลงเหลืออยู่ เขาเข้าใจดีทีเดียวว่าการที่ต้องซ่อนความเจ็บปวดเอาไว้แล้วพยายามใช้ชีวิตต่อไปให้ดีเป็นเช่นไร

เขาแบมือลงตรงหน้ารุ่นน้องสาว เธอวางมือประกบกับมือเขาอย่างเคย มือใหญ่ประสานจับมือเล็กไว้อย่างมั่นคงยามที่เขากล่าวว่า

“อนุญาตให้ตัวเองรู้สึกเถอะ อย่าเก็บความรู้สึกเอาไว้คนเดียวเลย เจ็บปวดก็ร้องไห้ออกมานะ แผลสดแบบนี้ห้ามไม่ให้เจ็บมันเป็นไปไม่ได้หรอก แต่จากนี้ความเจ็บจะค่อยๆ เบาลงไปทุกวัน ทุกวันนะ เพราะเวลาจะช่วยเยียวยาเราเอง”

ดวงศิริก้มหน้าลง จากที่ตั้งใจว่าจะไม่ร้องไห้อีกแล้วก็มีอันต้องผิดความตั้งใจไป พี่ภูของเธอเช็ดน้ำตาให้แผ่วเบา

“พี่จะอยู่ตรงนี้ข้างๆ หวานจนกว่าจะหายดี ดีไหม”

หญิงสาวดึงทิชชูมาจนเต็มมือ ซับน้ำตาแล้วสั่งน้ำมูกพรืดใหญ่

“พี่ภู หวานขอโทษนะที่เมื่อวานพูดไม่ดีด้วย ทั้งที่พี่ภูอุตส่าห์ขับรถจากกรุงเทพมาช่วยหวานแท้ๆ”

เขาลูบบ่าลูบไหล่ เกลี่ยเส้นผมที่ปรกหน้าไปทัดหูให้

“ไม่เป็นไร พี่รู้ว่าตอนนั้นอารมณ์หวานไม่ปกติ”

“อือ ตอนนั้นขาดสติสุดๆ เลยพี่ภู นึกย้อนกลับไปยังกลัวตัวเองเลย”

จบคำเธอก็สั่งน้ำมูกอีกที

“อ้ะ แต่ดูจากสภาพเค้กยังดีแบบนี้ แสดงว่าสติยังพอใช้ได้นะ”

ดวงศิริทำปากยื่น พเยิดหน้าทีหนึ่ง

“ถ้าเป็นเค้กที่ซื้อสำเร็จมานะ หวานปาใส่หน้าไอ้พี่พุฒิไปแล้ว นี่เห็นว่าเป็นเค้กที่พี่ภูตั้งใจทำให้หรอกถึงได้เอากลับมา”

จากที่วาดฝันว่าจะกินเค้กกับแฟนฉลองครบรอบ กลับกลายเป็นว่าได้กินกับรุ่นพี่ฉลองความโสด

แต่ถึงจะว้าเหว่สุดๆ ดวงศิริก็ยังไม่ลืมที่อริสาบอกไว้ ในเรื่องร้ายมีเรื่องดีซ่อนอยู่เสมอ แค่ต้องมองหามันให้เจอ และตอนนี้เธอคิดว่าเจอแล้ว

ต้องขอบคุณที่ในวันว้าเหว่อย่างนี้เธอยังมีพี่ภูกินเค้กแสนอร่อยด้วยกัน

เขาไม่เคยไปไหน และยังคงไม่ไปไหน

ดวงศิริหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ทอดถอนใจ

“พันสามร้อยใช่ไหมพี่ภู น้องโอนให้เดี๋ยวนี้เลย”

“ไม่ต้องหรอก คิดซะว่าทำกินเล่นด้วยกันนี่แหละ”

เธอรู้ว่าเขาหมายความตามนี้จริงๆ จึงอดจะร้องเฮ้อดังๆ ไม่ได้เพราะรู้สึกเกรงใจและขอบคุณปนเป การมีพี่ภูอยู่ข้างๆ เธอก็เหมือนมีทุกอย่าง เขาเป็นพี่ชายที่แสนดี เป็นพ่อพระมาโปรด

และเธอก็จะสรรเสริญบูชาพี่ภูคนดีคนนี้ขึ้นหิ้งตลอดไป

 

งานมงคลสมรสของพิชชาภากับพุฒิพงศ์จัดขึ้นหนึ่งเดือนหลังจากที่ฝ่ายเจ้าบ่าวเลิกรากับดวงศิริ กะทันหันเหลือเกินสำหรับคนที่ถูกบอกลา แต่ดูจากความเรียบร้อยและรายละเอียดลูกเล่นน่ารักๆ ในงาน ดวงศิริอดคิดไม่ได้ว่างานถูกเตรียมการล่วงหน้ามานานพอตัว และที่พุฒิพงศ์บอกเธอเสมอว่ากำลังทำงานหนักเพื่อเก็บเงินแต่งงานนั้น เขาพูดจริง ไม่ได้โกหก เพียงแค่เจ้าสาวที่เขาหมายมั่นไว้ไม่ใช่เธอ

ถึงจะเจ็บหนึบจนชาไปหมด แต่ส่วนหนึ่งในความรู้สึกดวงศิริยังยินดีกับพิชชาภา งานแต่งงานหรูหรามีแขกในวงการดนตรีและวงการบันเทิงเดินขวักไขว่เต็มไปหมด พิชชาภาเฉิดฉายโดดเด่นในชุดเจ้าสาวเกาะอกปักคริสตัลพราวระยับ ชายกระโปรงทรงหางปลายาวกรอมเท้าแต่แหวกสูงเกือบถึงโคนขา ไว้ลายคาแร็กเตอร์ดีเจสาวแซ่บ ส่วนเจ้าบ่าวนั้น…เขายืนยิ้มอบอุ่นเคียงข้างกันในชุดสูทสีแดงเข้ม ดูมีความสุขไม่แพ้กัน

ดวงศิริได้เจอกิ๊ฟท์กับนิด เพื่อนสนิทสมัยมัธยมด้วย เสียงกรี๊ดกร๊าดทักทายกันช่วยให้ลืมความเหงาไปชั่วขณะ พวกเธอสี่คนรวมเจ้าสาวนั้นสมัยเรียนอยู่คนละห้อง แต่มาสนิทกันได้เพราะเล่นเกมออนไลน์

“ดีจังเลยเนอะ พวกเราสี่สาวพาวเวอร์เรนเจอร์ได้มารวมตัวกันอีก”

กิ๊ฟท์เอ่ยเสียงใส พาวเวอร์เรนเจอร์เป็นฉายาที่พวกเพื่อนผู้ชายตั้งให้ เพราะในเกมบางเกมทั้งสี่รวมทีมเอาชนะพวกเพื่อนผู้ชายรวด บางทีโดนครูจับได้ว่าแอบหนีเรียนไปเล่นเกม ก็ต้องยืนกอดอกเรียงแถวหน้ากระดานสี่คนที่หน้าห้องฝ่ายปกครอง โดนตีรวดยกแก๊งเช่นกัน

“นั่นสิ แต่กว่าจะได้เจอกันต้องมีคนแต่งงานหรือไงเนี่ย คนต่อไปเป็นใครดีล่ะ”

นิดถามแล้วหันมองกันไปมา เธอเป็นคุณแม่ลูกหนึ่งแล้วย่อมไม่ใช่แน่ กิ๊ฟท์เพิ่งแต่งไปเมื่อปีที่แล้ว พีชเป็นเจ้าสาวในงานนี้ ดวงศิริกลืนน้ำลายลงคออึกหนึ่งเมื่อต้องตกเป็นเป้าสายตาของเพื่อนๆ

“แกสินะหวาน ใกล้มีข่าวดีหรือยังจ๊ะ”

“นั่นสิ เห็นพิชเมาท์ว่าแกมีแฟนเป็นวิศวกรน้ำมันเหมือนมันเลย ใกล้จะแต่งงานแล้วด้วย ยินดีด้วยนะแก”

ถ้าเป็นเมื่อก่อนดวงศิริคงยิ้มรับเขินๆ แต่เวลานี้ได้แต่ยิ้มอย่างฝืดฝืน ตอบแบ่งรับแบ่งสู้

“ขอบคุณมากนะ ไว้จะแต่งแล้วจะบอกนะ”

คิวถ่ายรูปกับเจ้าบ่าวเจ้าสาวว่างพอดี สามสาวจึงรี่เข้าไปที่ซุ้มดอกไม้เพื่อถ่ายรูป ช่างภาพโบกมือ ร้องบอกว่าขอแบ่งคนไปยืนฝั่งเจ้าบ่าวบ้าง

ดวงศิริยอมเดินไปอย่างว่าง่าย กลั้นใจเงยหน้าสบตากับพุฒิพงศ์ เขาอึ้งตะลึงหน้าซีดเผือดราวกับเห็นดวงวิญญาณร้ายตามมาหลอกหลอน

ไม่มีคำถาม ไม่มีคำทักทาย มีเพียงสถานการณ์ที่สี่สาวรวมตัวกันอย่างดี๊ด๊าดีใจเท่านั้นที่ช่วยให้ชายหนุ่มเข้าใจได้เองว่า แฟนคนที่เขาไม่เลือกบังเอิญเป็นเพื่อนสนิทของภรรยา

 



Don`t copy text!