พลิกรักทำนายใจ บทที่ 19.1 : พระราชาถือเหรียญคนนั้น

พลิกรักทำนายใจ บทที่ 19.1 : พระราชาถือเหรียญคนนั้น

โดย : แสนแก้ว

Loading

พลิกรักทำนายใจ โดย แสนแก้ว เรื่องราวของสายมูตัวแม่ที่ช่วยเหลือคนอื่นมากมาย แต่ความรักของตัวเองกลับไม่รอดราวกับดวงความรักอาภัพซะเหลือเกิน คงจะมีแค่ ‘พี่ภู’ เท่านั้นที่ดีต่อเธอเอ…เธอผู้รู้ใจลูกค้าดั่งมีตาทิพย์กลับไม่เคยมองเห็นหัวใจเขาเลยสักทีได้อย่างไร นวนิยายอ่านฟรีสนุกๆ ที่อ่านเอามีให้คุณได้อ่านที่ anowl.co

งานมงคลสมรสระหว่างบ่าวสาวคู่จิ้นบันลือโลก สกายกับอริสา จัดขึ้นอย่างอบอุ่นและสนุกสนาน

แต่ไหนแต่ไรมาทั้งคู่ยืนยันว่าจะจัดงานเล็กๆ พอ แต่เอาเข้าจริงด้วยฐานะครอบครัวของทั้งคู่ ญาติเอย เพื่อนพ่อ เพื่อนแม่เอย แล้วไหนจะเพื่อนภาคจากคณะสถาปัตย์อีก ยังไม่รวมลูกค้ากับบริษัทคู่ค้าร้านกาแฟ สุดท้ายงานแต่งงานนี้กระชับขนาดไม่ลงจริงๆ

ดวงศิริควงเทพทัตมาร่วมงานด้วย สวยหล่อสมกัน คนในวงการสถาปัตย์หลายคนรู้จักเทพทัต ทักทายอย่างชื่นชมและให้เกียรติ สาวคู่ควงอย่างดวงศิริเลยพลอยหลังตรงคอตั้ง ได้หน้าไปด้วย

แต่กับเพื่อนสนิทที่สุดอย่างอริสาแล้วเป็นความตกตะลึงมากกว่า หม่าม้าของเพื่อนๆ ที่วันนี้สวยเช้งเกินกว่าที่ใครเคยเห็นมาก่อนพยายามที่สุดที่จะไม่ถลึงตาใส่ดวงศิริ เมื่อถึงคิวถ่ายรูป ดวงศิริกับเทพทัตเข้าฉากสวนดอกไม้ละมุนละไมร่วมกับบ่าวสาว อริสาควงแขนดวงศิริไว้แน่น แอบหยิกหลังมือซะทีหนึ่ง

ตามองกล้อง ปากยิ้มหวาน แต่มีจังหวะก็กระซิบกระซาบลอดไรฟันว่า

“ยัยหวาน เดี๋ยวเรามีเรื่องต้องคุยกัน”

 

ดวงศิริค้างคืนที่โรงแรมหรูอันเป็นสถานที่จัดงานแต่งงาน ไม่ใช่เพราะไกลคอนโดฯ แต่เพราะมีห้องที่เจ้าสาวเปิดไว้ให้เพื่อนเจ้าสาวแต่งตัวแล้วยังว่างอยู่ ดวงศิริจึงมานอนเล่นและได้เพลิดเพลินกับบุฟเฟต์อาหารเช้านานาชาติ

รับประทานไปได้คำเดียว อริสากับสกายก็ถือจานอาหารมาร่วมโต๊ะด้วย ฝ่ายชายสีหน้าเรียบเฉยติดไปทางมึนๆ เหมือนนอนไม่พอ ส่วนสาวหมวยนั้นหน้าตึงตาเขียวปั้ดมาแต่ไกล

“ไงจ๊ะเจ้าสาวป้ายแดง เป็นไงบ้าง คืนเข้าห้องหออันแสนหวาน” ดวงศิริสัพยอกอย่างแจ่มใส

“โฮะ เหนื่อยสุดๆ”

ดวงศิริเบิกตากว้าง ยิ้มกรุ้มกริ่ม อริสาหลุดยิ้มเฉลยว่า

“เหนื่อยกับงานแต่งจนสลบกันทั้งคู่ย่ะ”

“โด่เอ๊ย”

สกายแทรกขึ้นเพื่อโยนเรื่องไปทางอื่น

“ว่าแต่แกเถอะหวาน ที่พามานั่นแฟนใหม่เหรอ ชื่ออะไรนะ ทัต”

“ใช่ ชื่อคุณทัต ดูๆ กันอยู่ ยังไม่ได้เป็นแฟนกัน”

“แกจะไม่มองพี่ภูหน่อยเหรอ ฉันนึกว่าเลิกกับไอ้พี่พุฒิคราวนี้จะได้ลงเอยกับพี่ภูซะอีก”

อริสาเข้าเรื่องทันที คุยต่อจากที่หยิกหลังมือไว้เมื่อคืน ผู้เป็นสามีก็พยักหน้าสนับสนุน

ส่วนดวงศิริกินไปบ่นไป

“เอาอีกแล้วนะ ทำไมพวกแกถึงชอบจับคู่ฉันกับพี่ภูจัง มันไม่มีอะไรเลย พี่ภูกับฉันเป็นพี่น้องกันมาตั้งเจ็ดปีแล้ว ถ้าเขาจะชอบฉันก็คงชอบไปตั้งนานแล้วแหละ”

“นี่แกดูไม่ออกจริงๆ เหรอ แกไม่รู้จริงๆ หรือแกล้งปิดหูปิดตาทำเป็นไม่รู้กันแน่ พี่เขาดีกับแกขนาดนี้ ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ”

“บ้า ไม่มีอะไรกันจริงๆ พี่ภูเป็นคนดีไง เขาก็ดีกับฉันแบบนี้มาตั้งนานแล้ว”

อริสาทำหน้าเซ็ง พเยิดหน้าให้สามีเป็นเชิงว่า ‘กะแล้วว่ามันต้องพูดแบบนี้’ สกายก็พเยิดหน้ากลับแบบรู้กัน หันไปบิขนมปังมาทาเนย ส่งเข้าปาก

ดวงศิริเพิ่งนึกได้อย่างหนึ่ง แต่ไหนแต่ไรเพื่อนชายคนนี้ไม่เคยพูดถึงเรื่องส่วนตัวของเธอ วันนี้พูดขึ้นมาแสดงว่าไม่ธรรมดาแล้ว

“แกก็คิดงั้นเหรอสกาย”

เพื่อนหนุ่มไม่ตอบ แต่ภรรยาสาวของเขาตอบรวดเดียวชุดใหญ่

“แกน่ะไม่เคยสนใจคนรอบตัวเลย ไม่เคยมองเลยว่าใครเขาดีกับแกขนาดไหน หัดมองให้เห็นหัวใจของเขาบ้างสิ พี่ภูเขาอยู่ตรงนี้เพื่อแกมาตลอดเลยนะ แล้วแกตอบแทนพี่เขาแบบนี้เหรอ”

“โห มีเกรี้ยวกราดด้วย ทำไมวันนี้เมียแกดุจังล่ะ”

ประโยคหลังดวงศิริหันไปถามสกาย เขาก้มหน้ากินข้าวต้มเฉยเหมือนรำคาญที่จะตอบ อริสาจึงพูดแทนให้

“ฉันทนมานานแล้วไง ที่ผ่านมาไม่เคยพูดเพราะแกมีแฟน แต่วันนี้ขอพูดหน่อยเหอะ” หญิงสาววางศอกลงกับขอบโต๊ะ ดวงตารีเล็กสบตาจริงจัง “แกควรหัดมีน้ำใจมากกว่านี้ รู้จักซาบซึ้งเวลาใครทำอะไรดีๆ ให้และตอบแทนคืนบ้าง เกรงใจเขาบ้าง กับคนใกล้ตัวน่ะ รักษาน้ำใจให้มากๆ”

“บ้า ฉันรู้น่ะว่าพี่ภูดีกับฉันมาก ไม่ใช่ไม่รู้”

“รู้แล้วแกซึ้งใจบ้างไหม ตอบแทนเขาบ้างไหม”

ดวงศิริอยากจะแย้ง แต่นึกย้อนไปถึงเมื่อวาน วันก่อน เดือนก่อน ก็ยังหาเหตุการณ์ พยานหรือหลักฐานสักชิ้นที่บอกว่าเธอตอบแทนเขาหรือเกรงใจเขาไม่เจอ

“นี่ฉันเป็นคนแล้งน้ำใจขนาดนั้นเลยเหรอ”

ในความอึ้งและนิ่งงันของคนถาม สกายพูดขึ้นว่า

“ไม่ขนาดนั้นหรอก แกแค่เคยชินกับการเป็นผู้รับน่ะ”

อริสาซักต่อ

“เอาจริงๆ แกรู้สึกยังไงกับพี่ภูกันแน่ แค่พี่ช้าย พี่ชายจริงๆ น่ะเหรอ”

ดวงศิริครุ่นคิด ท่าทางจริงจังของอริสาเตือนว่าต้องตอบอย่างระมัดระวัง

“พี่เขาเป็นเซฟโซนสำหรับฉัน แกเป็นเซฟโซนฝ่ายหญิง ฝ่ายชายก็คือพี่ภู”

“ไม่เอาอย่างนั้นสิ” อริสาโวย “เอางี้ เวลาไม่ได้เจอกันนานๆ แกคิดถึงเขาไหม”

“คิดถึงสิ”

“เวลาพี่ภูไม่สบาย แกเป็นห่วงไหม”

“ห่วงอยู่แล้ว”

“พี่ภูไปคุยเล่นกับสาวๆ คนอื่น แกหวงไหม”

“หวงสิ ใครจะมาใกล้พี่ภูต้องเจอฉันคัดกรองก่อน”

“อ้ะ แล้วเวลาใกล้ชิดตัวติดกันมากๆ แกรู้สึกใจเต้นไหม”

ดวงศิริพยักหน้า อริสายิ้มกว้างอย่างโล่งใจ

และคงสรุปข้อสันนิษฐานได้แล้วหากดวงศิริไม่พูดต่อหน้าตาเฉยว่า

“ปัญหาคือ ฉันก็รู้สึกแบบนี้กับคุณทัตเหมือนกันน่ะสิ”

อริสาอยากจะดึงหัวเพื่อนมาขยุม ขยุม ขยุม

“แกมันอีนังวันทองสองใจ”

สกายหลุดขำ เกือบทำกาแฟในมือหก อริสากระแนะกระแหนต่อไม่รอช้า

“ไม่สิ ไม่ใช่อีวันทอง แต่เป็นอีโง่ แหม ทำเป็นไม่เคยมีแฟนไปได้ แค่ใจตัวเองก็ยังไม่รู้”

ฝ่ายคนโดนโจมตีร้องงอแง โคลงศีรษะ ก้มหน้าม้วนเส้นสปาเกตตีคาโบนาร่าพลางบ่นอุบอิบ

“โง่อีกแล้ว คำก็โง่ สองคำก็โง่ อย่ามาซ้ำเติมกันจะได้ไหมฮะ”



Don`t copy text!