พลิกรักทำนายใจ บทที่ 20.1 : เพราะชีวิตยังต้องไปต่อ

พลิกรักทำนายใจ บทที่ 20.1 : เพราะชีวิตยังต้องไปต่อ

โดย : แสนแก้ว

Loading

พลิกรักทำนายใจ โดย แสนแก้ว เรื่องราวของสายมูตัวแม่ที่ช่วยเหลือคนอื่นมากมาย แต่ความรักของตัวเองกลับไม่รอดราวกับดวงความรักอาภัพซะเหลือเกิน คงจะมีแค่ ‘พี่ภู’ เท่านั้นที่ดีต่อเธอเอ…เธอผู้รู้ใจลูกค้าดั่งมีตาทิพย์กลับไม่เคยมองเห็นหัวใจเขาเลยสักทีได้อย่างไร นวนิยายอ่านฟรีสนุกๆ ที่อ่านเอามีให้คุณได้อ่านที่ anowl.co

คอนเสิร์ตร็อกอินเดอะวันเดอร์แลนด์จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่และสนุกสนาน แฟนคลับวงร็อกแต่ละวงจับจองที่นั่งกันจนเต็มหอประชุม ดวงศิริมองรอบๆ อย่างแปลกตา และรู้สึกแปลกใจ เธอน่าจะตื่นเต้นกว่านี้ สนุกกว่านี้ ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกเฉยๆ ตรงกันข้าม กลับแอบกังวลใจอยู่ลึกๆ

ยิ่งตอนชมการแสดงตรงที่นั่งโซนวีไอพี เธอเห็นภูริสยืนอยู่ทางด้านซ้ายของเวที กำลังเล่นกีตาร์ไฟฟ้าราวกับเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย ปลายนิ้วพลิ้วไหวสร้างเมโลดี้ที่น่าทึ่ง กลมกลืนไปกับเสียงเครื่องดนตรีอื่นๆ ในวงออเคสตร้าอย่างลงตัว

พี่ภูของเธอเป็นคนเช่นนั้น โดดเด่นในสิ่งที่เป็น ขณะเดียวกันก็กลมกลืนอยู่ในสังคม

ดวงศิริจ้องมองภูริสเพลินตา รู้สึกว่าชายหนุ่มหล่อเหลากว่าทุกวัน อาจเพราะโกนหนวดออกหมดจนใบหน้าเกลี้ยงเกลาราวเด็กหนุ่ม หรือเพราะตัดผมทรงใหม่ที่ทันสมัยและเข้ากับบุคลิกมากขึ้น และอาจร่วมด้วยกับชุดสูทดำที่ช่วยส่งให้สง่าผ่าเผย

หญิงสาวนึกสงสัยปนรู้สึกผิด เธอผัดนัดเขาหลายครั้งไม่ได้ไปช่วยดูชุดสูทสักที วันนี้เขามีชุดหล่อสมตัวขนาดนี้ ไม่รู้เลือกเองหรือมีใครช่วยเลือกให้

ไม่รู้ตัวสักนิดว่าเทพทัต แฟนหนุ่มกำลังมองเธออยู่ เขากระซิบถามว่า

“คนนั้นน่ะเหรอ พี่ภูที่หวานเล่าให้ฟัง”

“ใช่ค่ะ คนนั้นแหละ”

ดวงศิริสวมกอดอก นั่งฟังดนตรีไปโดยไม่พูดอะไรอีก

 

บนเวทีใหญ่ที่มีนักดนตรีกว่าร้อยชีวิตร่วมบรรเลง ภูริสเล่นกีตาร์ตามที่ซ้อมมาอย่างสมบูรณ์แบบ แสงไฟในหอประชุมบริเวณที่นั่งผู้ชมทั้งชั้นล่างและชั้นบนสลัวราง มีแต่บนเวทีเท่านั้นที่สว่างและบางครั้งก็ค่อยๆ มืดลง เปิดแต่สปอตไลต์ส่องให้เห็นโน้ตดนตรีตรงหน้า

บางจังหวะเขามองไปทางผู้ชมแถวโซนวีไอพีเพื่อมองหาดวงศิริ เจ้าน้องสาวบอกว่าจะนั่งที่โซนนั้น และเขาก็หาพบ เธอนั่งอยู่ข้างกันกับชายที่ชื่อเทพทัต คนที่เธอเล่าเรื่องให้ฟังทุกครั้งที่มาหาเขาที่บ้าน

ผู้ชายคนนั้นดูไม่เลว ภูริสคิดเสมอ เทพทัตเป็นหนุ่มนักธุรกิจไฟแรง หัวก้าวหน้า บุคลิกมั่นใจและเป็นผู้นำ มีไลฟ์สไตล์น่าสนใจหลายอย่าง เป็นต้นว่า เล่นกีฬาเอกซ์ตรีม ท่องเที่ยวต่างประเทศ มีเพื่อนเป็นฝรั่งมากมายตามแบบฉบับหนุ่มอินเตอร์ผู้เรียนจบปริญญาโทจากประเทศอังกฤษ

สำคัญที่สุดคือ เทพทัตทำให้หญิงสาวที่เขาเฝ้ารักและทะนุถนอมมานานปีมีความสุขได้ แล้วเขาจะมีเหตุผลอะไรมารั้งเธอไว้

มือที่กำลังจับคอร์ดและบรรเลงเพลงกับกีตาร์คู่ใจอ่อนเปลี้ยลงราวจะหมดแรง ความทรงจำสมัยเรียนย้อนมาซ้อนทับ วันนั้นก็เป็นเช่นนี้ เขาอยู่บนเวทีที่ไฟสว่างจ้า มองลงไปข้างล่างเห็นแฟนตัวเองอยู่กับผู้ชายคนอื่น

ยามนั้นเขาช็อกจนทุกอย่างชะงักงัน ความฝันแตกสลาย

วินาทีนี้ ก่อนที่เขาจะไม่สามารถบังคับมือตัวเองได้อีก สายตาเหลือบไปเห็นใครคนหนึ่งเข้า

ดวงหน้าใสโดดเด่นอ่อนหวานอย่างที่เขานึกชื่นชม รูปร่างโปร่งบางอย่างนางแบบในชุดกระโปรงลูกไม้ เธอกำลังมองมาที่เขา ที่นั่งของเธออยู่ในโซนวีไอพีเช่นกัน อยู่หน้าดวงศิริมาสองสามแถว

มนชิดาก็มาด้วย การมีอยู่ของเธอช่วยให้เขาชุ่มชื่นใจอย่างประหลาด เขากลับมาอยู่กับปัจจุบัน ดูสัญญาณมือจากคอนดักเตอร์ มีพลังสร้างสรรค์เสียงเพลงไพเราะขึ้นมาอีกครั้ง

 

คอนเสิร์ตจบลงเป็นที่เรียบร้อย นักดนตรีวงออร์เคสตรากลับเข้าหลังเวทีหมดแล้ว ส่วนศิลปินร็อกยังอยู่บนเวทีเพื่อถ่ายรูปกับคอนดักเตอร์และผู้สนับสนุนคอนเสิร์ต แฟนเพลงห้อมล้อมหน้าเวที ต่อคิวรอถ่ายรูปกันยาวเหยียด

ดวงศิริไม่ได้เป็นแฟนคลับวงไหนเป็นพิเศษ ไม่รีบร้อนออกไปไหนด้วย เมื่อลุกขึ้นจากที่นั่งแล้ว เทพทัตคว้ามือเธอไว้

“หวานเป็นอะไร ทำไมเงียบแปลกๆ งอนอะไรผมหรือเปล่า”

“อุ๊ย เปล่าค่ะ” ดวงศิริจับมือเขากลับ “แหม วันนี้เราอยู่ด้วยกันทั้งวัน จะงอนอะไรล่ะคะ”

“ถ้าไม่ได้งอนผม หรือว่างอนพี่ภูครับ”

หญิงสาวอึ้งไป แล้วหัวเราะ

“คุณทัตพูดอะไร หวานแค่อินกับเพลงเฉยๆ เพลงเพราะดีนะคะวันนี้”

ดวงศิริแก้ตัวไปอย่างนั้นเอง เทพทัตเลิกคิ้วแล้วขยิบตานิดหนึ่งอย่างคนขี้เล่น

“สนิทกันมาตั้งหลายปี ใช่แค่พี่น้องจริงหรือเปล่านะ”

“พี่น้องกันจริงๆ ค่ะ คุณทัตละก็ ขี้หึงจัง”

“ไว้พาผมไปรู้จักบ้างสิ”

น้ำเสียงเขาจริงจังแม้ท่าทีจะเหมือนหยอกล้อ ผู้ชมทยอยกันออกจากหอประชุมกว่าครึ่งแล้ว ดวงศิริมองไปทางประตูทางออกฝั่งใกล้เวที อีกไม่นานภูริสจะเดินผ่านทางนั้นเพราะเป็นทางออกของนักดนตรี

บางทีอาจถึงเวลาแล้วที่เธอจะต้องบอกพี่ชายที่แสนดีสักทีว่าเธอมีแฟนแล้ว แต่หญิงสาวข้องใจนัก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอพาแฟนมารู้จักกับเขา แต่ทำไมครั้งนี้ถึงได้ประหม่า เจ็บเล็กๆ เหมือนมีก้านไม้เสียดแทงอยู่ข้างหัวใจอย่างไรบอกไม่ถูก

 

ยืนรอครู่เดียวมือกีตาร์หนุ่มในชุดสูทสีดำสนิทก็สะพายกระเป๋ากีตาร์ออกมาจากห้องพักนักดนตรี ภูริสยิ้มให้ดวงศิริเมื่อพบกัน แต่หญิงสาวผิดหวังเล็กน้อย ปกติแล้วพี่ภูจะร่าเริงสดใสกว่านี้เวลาได้พบเธอ

ทักทายกันสองสามคำ หญิงสาวก็ผายมือไปที่ชายหนุ่มคมเข้มที่ยืนข้างกาย

“พี่ภู นี่คุณทัต แฟนหวาน”

ชั่วอึดใจหนึ่งที่ภูริสนิ่งงัน แต่เพียงครู่เดียวเท่านั้นเขาก็ก้มศีรษะเป็นเชิงทักทาย

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณทัต”

ทันใดนั้นเอง ร่างสูงระหงร่างหนึ่งได้ปรากฏตัวขึ้น ใครคนนั้นสวมชุดลูกไม้ยาวคลุมทับด้วยเบลเซอร์ก้าวยาวด้วยรองเท้าส้นเข็มผ่านเธอไปยืนเคียงข้างภูริส

“พี่ภู เก็บของเสร็จแล้วเหรอคะ”

เป็นมนชิดานั่นเอง ดวงศิริตะลึงงัน จับต้นชนปลายไม่ถูก

“อ้าว หวาน คุณทัต มาดูคอนเสิร์ตด้วยเหรอคะ บังเอิญจังเลย”

หญิงสาวแสร้งตกใจไปอย่างนั้นเอง ความจริงนี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เธอเห็นดวงศิริกับเทพทัตตั้งแต่อยู่ในคอนเสิร์ตแล้ว พอเห็นทั้งคู่ไปหาภูริสหลังงานแสดงจบก็รู้แน่ว่าชายหนุ่มนักกีตาร์จะต้องรู้สึกไม่ดีแน่ๆ เธอจึงรีบมาปรากฏตัวข้างกายเขา

แม้ไม่อาจแทนที่ใครได้ แต่อย่างน้อยเธอจะไม่ปล่อยให้เขาต้องอยู่โดดเดี่ยว

“เธอรู้จักพี่ภูด้วยเหรอ” ดวงศิริถามเหมือนละเมอ

“รู้จักสิ ที่เคยบอกว่าเรียนพิเศษก็เรียนกีตาร์กับพี่ภูนี่แหละ แล้วเธอล่ะ รู้จักพี่ภูด้วยเหรอ”

มนชิดาแสร้งเป็นไม่รู้ ส่วนดวงศิริอึ้งไป ทำไมท่าทีของสาวคู่ปรับถึงดูใกล้ชิดกับพี่ภูของเธอเหลือเกินจนเธอซึ่งสนิทกับเขาที่สุดกลายเป็นคนนอกไปได้

คนที่ยืนเคียงข้างแทบจะซ้อนไหล่กับพี่ภูในเวลานี้ ควรเป็นเธอไม่ใช่เหรอ

“ในเมื่อเรารู้จักกันหมด ถือโอกาสนี้ไปกินข้าวด้วยกันไหมครับ ผมเป็นเจ้ามือเอง”

เทพทัตเสนออย่างเอื้อเฟื้อ แต่มนชิดาคาดว่าภูริสต้องลำบากใจอยู่แน่ๆ

“มายด์ขอตัวพี่ภูก่อนแล้วกันค่ะ พอดีเราตั้งใจไว้ว่าจะไปฉลองกันเล็กๆ ในร้านพิเศษ”

ภูริสหันขวับมา แน่นอนว่าการตกลงที่ว่าเธอกุขึ้นเองสดๆ ร้อนๆ มนชิดายิ้มสดใสให้เขา

“มายด์มีเซอร์ไพรส์ค่ะ”

กลับกลายเป็นดวงศิริที่ใจเย็นไม่ได้อีกต่อไป

“อะไรกันน่ะพี่ภู ทำไมสองคนสนิทกันจัง เหมือนไม่ใช่แค่เรียนกีตาร์เลย”

เทพทัตหน้าตึงไปทีเดียว มนชิดาเกาะแขนภูริสอย่างสนิทสนม ส่งสายตาท้าทายไม่ปิดบัง

ส่วนภูริสนิ่งงันไป ในใจเจ็บชาไปหมดแต่พยายามอย่างยิ่งที่จะซ่อนมันไว้ภายใต้ท่าทีสุขุมเยือกเย็น มองมนชิดาที่เบียดชิดอยู่ข้างกาย มองหน้าแสนงอนของดวงศิริ แล้วเลยไปถึงหน้าเคร่งเครียดของชายที่ยืนข้างเธอ

ดวงศิริมีแฟนใหม่แล้ว เป็นความจริงที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง เธอไม่เคยมองเขามากกว่าพี่ชาย ซ้ำยังชอบไล่ให้เขาไปรักคนอื่น หาพี่สะใภ้มาให้เธอเร็วๆ

บางทีอาจถึงเวลาแล้วที่ต้องตัดใจแล้วเดินหน้าต่อไปเพื่อตัวเองสักที

ภูริสแกะมือเรียวบางของมนชิดาออกจากแขน แล้วกุมไว้ มือนุ่มนิ่มอบอุ่นของเธอทำให้เขารู้ว่ายามนี้มือของตนเย็นและสั่นเพียงใด

ทว่าเสียงทุ้มที่ตอบออกไปนั้นหนักแน่น

“ใช่ มายด์คือคนพิเศษของพี่”

 



Don`t copy text!