พลิกรักทำนายใจ บทที่ 22.2 : คนที่ใช่ ไม่ต้องพยายาม

พลิกรักทำนายใจ บทที่ 22.2 : คนที่ใช่ ไม่ต้องพยายาม

โดย : แสนแก้ว

Loading

พลิกรักทำนายใจ โดย แสนแก้ว เรื่องราวของสายมูตัวแม่ที่ช่วยเหลือคนอื่นมากมาย แต่ความรักของตัวเองกลับไม่รอดราวกับดวงความรักอาภัพซะเหลือเกิน คงจะมีแค่ ‘พี่ภู’ เท่านั้นที่ดีต่อเธอเอ…เธอผู้รู้ใจลูกค้าดั่งมีตาทิพย์กลับไม่เคยมองเห็นหัวใจเขาเลยสักทีได้อย่างไร นวนิยายอ่านฟรีสนุกๆ ที่อ่านเอามีให้คุณได้อ่านที่ anowl.co

ดวงศิริลงบันไดเลื่อนของสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินเพื่อข้ามฝั่งไปหาภูริสเช่นเคย แต่บางครั้งพบว่ามีแค่ไฟหน้าบ้านที่เปิดสว่าง ภายในบ้านปิดไฟเงียบ ลองโทรศัพท์หาก็ปิดเครื่อง มารู้ภายหลังว่าเขาไปดูภาพยนตร์รอบดึกกับมนชิดา

หรือบางครั้งมาแล้วบ้านปิด คำตอบจากโทรศัพท์ก็เป็นต้นว่า กำลังเดินไนต์มาร์เกตอยู่แถวจตุจักร

หญิงสาวได้แต่ทอดถอนใจ ไหนภูริสเคยบอกว่าต่อให้มีแฟนเขาก็จะยังเหมือนเดิม ไม่จริงเลยสักนิด

เธอไม่อาจข้ามฝั่งมาอย่างสบายใจเฉิบว่าจะพบพี่ภูนั่งบัดกรีแผงวงจรเอฟเฟกต์อยู่ในบ้านอีกแล้ว ทุกครั้งก่อนมาต้องไลน์ถาม บางครั้งคำตอบคือ

ภูริส : พี่ไม่อยู่ หวานมีอะไรด่วนหรือเปล่า

ดวงศิริทำปากยื่น นึกในใจว่าถ้าตอบว่าด่วนแล้วพี่ภูจะรีบกลับมาหาเหรอ แต่ยังไม่ทันพิมพ์ถาม ข้อความจากภูริสก็เด้งมา

ภูริส : ถ้าด่วนก็พิมพ์ทิ้งไว้นะ เดี๋ยวพี่มาอ่าน ถ้ายาวก็อัดเสียงมา

ปากที่ยื่นเปลี่ยนเป็นเบะเหมือนเด็กเอาแต่ใจ

ขนมหวาน : พี่ภูไปไหนอ่า

ภูริส : พี่มางานเทศกาลดนตรี

อ้อ…หญิงสาวทำปากมุบมิบแสนงอน เดี๋ยวนี้เธอสำคัญน้อยกว่าเทศกาลดนตรีแล้วเหรอ

เอะใจบางอย่าง กดเปิดดูอินสตาแกรมของมนชิดา รูปล่าสุดเป็นเวทีคอนเสิร์ตบรรยากาศน่าสนุกโพสต์ไว้เมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว เลื่อนดูไปเรื่อยๆ รูปสุดท้ายเป็นรูปคู่กับภูริส

ชัดเจน พี่ภูไปเที่ยวกับแฟน ไปเทศกาลดนตรีแบบนี้ก็คงไม่แคล้วพาแฟนไปแนะนำให้เพื่อนรู้จักสินะ ดวงศิริปิดหน้าจอโทรศัพท์แล้ววางทิ้งไว้บนกองผ้าห่ม

กลางดึกคืนหนึ่ง ดวงศิรินอนไม่หลับจึงเอื้อมหยิบโทรศัพท์มาไลน์หาชายหนุ่มรุ่นพี่

ขนมหวาน : พี่ภู อยู่บ้านหรือเปล่า

ภูริส : อยู่จ้า หวานมีอะไร

ขนมหวาน : หิวจังเลย มีอะไรกินบ้างไหมนะ

ภูริส : ขอโทษทีหวาน คืนนี้พี่ติดธุระ ไว้ก่อนแล้วกันนะ

หญิงสาวตะลึงจ้องข้อความอย่างผิดหวัง อินสตาแกรมของมนชิดาถูกเปิดทันใด รูปที่เพิ่งลงใหม่เมื่อไม่กี่นาทีก่อนเป็นชามราเม็งเครื่องแน่นชวนน้ำลายสอ ดูเผินๆ เหมือนไปรับประทานร้านอาหารญี่ปุ่นที่ไหนสักแห่ง แต่ดวงศิริจำได้ดี แผ่นรองจานลายหินอ่อนใบนี้ ภาพนี้ถ่ายที่บ้านของภูริส

คนที่พี่ภูทำอาหารให้กินตอนดึกๆ ไม่ใช่เธออีกแล้ว

ฉับพลัน ความน้อยใจได้แปรเป็นน้ำตาเอ่อคลอ เมื่อกวาดตาเห็นคำบรรยายภาพสั้นๆ ว่า

คุณแฟนชมว่าอร่อยมาก คุ้มค่าคอร์สแล้ว

วินาทีนั้น น้ำตาที่คลอหน่วยพลันล้นลงมาเป็นสาย เธอเข้าใจแล้วว่าคืนนั้นอริสาพยายามบอกอะไร

 

ภาพที่ปรากฏในโลกโซเชียลมีเดียนั้น ดวงศิริกับเทพทัตดูเป็นคู่รักที่หวานชื่น แต่ในโลกออฟไลน์ทั้งสองมีช่วงเวลามึนตึงและทะเลาะกันอยู่หลายครั้ง

ความน่ารัก สดใส และคิดนอกกรอบเหมือนเด็กๆ ของดวงศิริ บางครั้งกลายเป็นความไม่รู้จักกาลเทศะ ไม่ทำตัวให้น่าเชื่อถือ หรือวางตัวให้ดูดีมีระดับในสายตาของเทพทัต

อาการหงุดหงิดของเขาชัดขึ้นเมื่อตอนพาหญิงสาวไปล่องเรือยอช์ตกับชาวแก๊งเซเลบริตี้ไฮโซ คนระดับเดียวกันกับเขา แฟนเพื่อนๆ มีทั้งนางแบบและดารา แต่ดวงศิริเป็นแค่คนธรรมดาที่โก๊ะกัง ไม่รู้เรื่องรู้ราวสักเท่าไร

เทพทัตเองก็เช่นกัน เขามีความมั่นใจในตัวเองสูงแบบที่อริสาชอบแซะว่าอีโก้สูงเสียดฟ้า ในตอนแรกดวงศิริกรี๊ดว่าเขาเท่เป็นบ้า แต่เหรียญมีสองด้าน ด้านมืดของความมั่นใจในตัวเองสูงคือเขาไม่ฟังเธอ ไม่เชื่อการตัดสินใจของเธอ ดูถูกความคิดเห็นของเธอและคนอื่นๆ ในบางครั้ง

ยิ่งเวลาที่ดวงศิริอ่อนแอ โดนลูกค้า โดนเจ้านายตำหนิมา เทพทัตไม่เคยปลอบใจ เขาขยายความอีกรอบว่าดวงศิริพลาดตรงไหน ไม่ควรทำอะไร แล้วสอนวิธีคิดแบบนักธุรกิจ ตบท้ายด้วยกระตุ้นแรงๆ ให้เธอเข้มแข็งแบบนักกีฬา

ดวงศิริรู้ว่าเขาหวังดี ถึงแม้จะเป็นไม้เรียวหวดแรงๆ ไม่ใช่เบาะนุ่มๆ แบบภูริสก็ตาม แต่นานวันเข้าเธอเริ่มเกิดคำถามว่า เธอก้าวออกจากร่มจามจุรีใหญ่มายืนข้างต้นกระบองเพชรกลางทะเลทรายทำไม

ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับแฟนหนุ่มเริ่มตึงเครียดขึ้นอีกขั้น เทพทัตยังหึงเรื่องภูริสอยู่อีกทั้งที่เธอกับรุ่นพี่หนุ่มแทบไม่ได้เจอกันเลย และชายหนุ่มก็มีแฟนแล้ว แต่เทพทัตก็ยังประชดประชัน เหน็บแนมว่า

“เสียดายละสิ มารู้ใจตัวเองในวันที่สายสินะ”

“คุณทัต เอาอีกแล้วนะ หวานบอกแล้วไงว่าระหว่างหวานกับพี่ภู เราไม่ได้มีอะไรกัน”

นั่งยัน นอนยัน ยืนยันกี่ครั้ง เทพทัตก็ยังไม่ยอมเชื่อ ดวงศิริโทษว่าเขาอีโก้สูง ไม่ยอมรับฟังและเชื่อแต่ความคิดของตัวเอง แต่อริสาเห็นต่าง ชี้ว่าอาการซึมเซาของดวงศิริต่างหากที่ชวนให้เทพทัตคิดแบบนั้น

ดวงศิริจึงเริ่มไม่แน่ใจตัวเองอีกครั้ง

ระยะหลังเทพทัตเริ่มงานยุ่งมากขึ้น ไม่มีเวลามารับไปดินเนอร์อย่างก่อนแล้ว เขาเคยเล่าว่ากำลังจับมือกับหุ้นส่วนชาวต่างชาติคนใหม่ ขยายธุรกิจไปสู่การสร้างบ้านสำเร็จรูป

ชาวต่างชาติคนนั้นมีลูกค้าในมืออยู่หลายเจ้า หากร่วมทุนกับเทพทัตซึ่งมีทั้งทีมบิลต์อินและเฟอร์นิเจอร์ตามสั่ง ก็นับเป็นจุดขายที่น่าสนใจ ส่วนเทพทัตได้ลูกค้าเพิ่ม ลดต้นทุนได้ เสียแต่ว่าต้องให้เครดิตการจ่ายเงินที่ยาวนานขึ้น เพราะทำจ่ายจากบริษัทของเพื่อนชาวต่างชาติคนนั้นอีกที

บางครั้งเทพทัตมาพบดวงศิริทั้งหน้าตาเคร่งเครียด ลูกค้าจ่ายเงินช้าบ้าง หุ้นส่วนแบ่งเงินช้าบ้าง เขาเคยยืมเงินดวงศิริไปหมุนธุรกิจอยู่หลายครั้ง

หญิงสาวรู้สึกสงสารและเห็นใจ ธุรกิจใหม่ที่วาดหวังไว้ไม่สดใสอย่างใจฝัน แต่เห็นเทพทัตยังพยายามสู้ต่ออย่างสุดกำลังเธอก็อดนับถือหัวใจนักสู้ไม่ได้ ให้กำลังใจและเอาใจช่วย

ยิ่งเห็นว่าเป็นอีกทางที่จะพิสูจน์ให้เขาเห็นว่า เธอมีเขาคนเดียวในใจ ไม่ว่อกแว่กเอนเอียงไปทางใครแม้แต่น้อย จึงตกลงให้ยืมเงินก้อนครั้งละหนึ่งแสนบ้าง สองแสนบ้าง เมื่อลูกค้าหรือหุ้นส่วนจ่ายเงินมา ชายหนุ่มก็โอนคืนให้เธอเสมอ ไม่เคยบิดพลิ้ว

ครั้งหลังสุดเทพทัตได้รับงานใหญ่ระดับบูธีครีสอร์ต รีสอร์ตสร้างใหม่บรรยากาศขุนเขา ประกอบไปด้วยบ้านพักห้าหลัง บ้านต้นไม้สองหลัง กับอาคารที่มีห้องพักจำนวนสิบห้าห้อง

หุ้นส่วนหนุ่มผมบลอนด์ของเทพทัตปิดราคากับลูกค้ามาสูงใช้ได้ แต่มีเงื่อนไขคือขอให้เร่งสร้างเพื่อให้ทันช่วงไฮซีซั่น แต่ความน่าหงุดหงิดอย่างหนึ่งคืออยากได้งานเร็วแต่เงินทุนยังไม่มา เทพทัตต้องควักเงินลงทุนเองก่อนบางส่วน

มาปรึกษาดวงศิริคราวนี้ ชายหนุ่มดูเครียดและโทรมอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน เขาเล่าอย่างเปิดใจว่าเงินส่วนตัวของเขาไปลงทุนอยู่กับโปรเจกต์อื่น เกิดภาวะหมุนเงินไม่ทันอีกแล้ว จึงขอยืมสักห้าแสนบาท เมื่อได้เงินมาจะทยอยคืนให้ คิดว่าคืนได้เร็วด้วยเพราะการสร้างและตกแต่งบิลต์อินรีสอร์ตครั้งนี้ลูกค้าจี้อยู่ทุกวันว่าอยากให้เสร็จเร็วๆ

ดวงศิริเปิดสมุดบัญชีธนาคาร ห้าแสนบาทคือทั้งหมดเท่าที่เก็บหอมรอมริบมาทั้งชีวิต

ด้วยความไว้ใจ ดวงศิริโอนเงินให้โดยไม่คิดอะไร คงเหมือนครั้งก่อนๆ ที่เขายืมนั่นแหละ พอฝั่งหุ้นส่วนจ่ายเงินมาเทพทัตก็จะโอนคืนให้ แต่เป็นเทพทัตเสียอีกที่ทำเอกสารสัญญากู้เงินมาให้เซ็น เขาบอกว่าอยากสร้างความมั่นใจให้เธอและทำเพื่อความถูกต้องด้วย

“ยิ่งเป็นคนรักกัน ผมยิ่งต้องถนอมน้ำใจ แค่นี้ผมก็รบกวนหวานมากแล้ว น่าอายจริงๆ”

ดวงศิริหัวใจพองฟู วิกฤติการณ์ครั้งนี้ทำให้แฟนหนุ่มอ่อนลงกับเธอมากทีเดียว นี่อาจเป็นบทเรียนครั้งสำคัญที่สอนให้เทพทัตลดอีโก้ลงก็ได้

“หวานยินดีช่วยคุณทัตเสมอ ไม่เป็นไรนะคะ เราจะผ่านมันไปด้วยกันค่ะ”

อริสาชอบชมว่ามนชิดามีดีตรงที่คอยดูแลช่วยเหลือภูริส งั้นเธอก็จะทำบ้าง ทำเพื่อเทพทัตให้ถึงที่สุด ไม่ให้ใครมาว่าเธอเป็นคนแล้งน้ำใจ เอาแต่ใจ คอยแต่จะเป็นผู้รับได้อีก

 



Don`t copy text!