พลิกรักทำนายใจ บทที่ 22.3 : คนที่ใช่ ไม่ต้องพยายาม

พลิกรักทำนายใจ บทที่ 22.3 : คนที่ใช่ ไม่ต้องพยายาม

โดย : แสนแก้ว

Loading

พลิกรักทำนายใจ โดย แสนแก้ว เรื่องราวของสายมูตัวแม่ที่ช่วยเหลือคนอื่นมากมาย แต่ความรักของตัวเองกลับไม่รอดราวกับดวงความรักอาภัพซะเหลือเกิน คงจะมีแค่ ‘พี่ภู’ เท่านั้นที่ดีต่อเธอเอ…เธอผู้รู้ใจลูกค้าดั่งมีตาทิพย์กลับไม่เคยมองเห็นหัวใจเขาเลยสักทีได้อย่างไร นวนิยายอ่านฟรีสนุกๆ ที่อ่านเอามีให้คุณได้อ่านที่ anowl.co

แต่แล้ววันหนึ่ง ความฝันของดวงศิริก็พังถล่มทลายตามเทพทัตไปติดๆ

เขาโดนหุ้นส่วนโกง เกิดหนี้ก้อนมหาศาล เจ้าตัวหลบหนีเจ้าหนี้ไปอยู่ที่ไหนไม่มีใครรู้ เหลือแต่ดวงศิริที่ได้เจอกับชายหญิงแปลกหน้าหน้าตาถมึงทึงที่มาเยือนถึงคอนโดฯ พร้อมยื่นเอกสารจัดซื้ออุปกรณ์ก่อสร้างบางอย่าง เครดิตจ่ายเงินสามสิบวันหลังส่งของ มีลายเซ็นของดวงศิริห้อยปิดท้าย

“เฮ้ย มาได้ไง นี่ไม่ใช่ลายเซ็นฉันค่ะ ไม่ใช่ฉันจริงๆ”

ฝ่ายเจ้าหนี้หน้าตึง ดวงตาวาววับราวจะขย้ำเธอกินเสียเดี๋ยวนี้ ดวงศิริก้มดูเอกสารอีกที ใครกันนะปลอมทั้งลายเซ็นและลายมือเธอได้เหมือนมาก ไม่มีที่ติขนาดนี้

แล้วเธอก็นึกได้ว่าใคร…เป็นตัวเธอเองที่เซ็น

เอกสารนี้แนบมากับสัญญากู้ยืมเงินของเทพทัต เขาบอกว่าต้องมีใบนี้ด้วยเพื่อความชัดเจนว่า การกู้ยืมเงินครั้งนี้เพื่อไปซื้ออุปกรณ์อะไร

ดวงศิริหน้าซีด มือสั่นอย่างคุมไม่อยู่ ขอเวลาตรวจสอบหนึ่งวันแต่เธอก็ติดต่อเทพทัตไม่ได้อีก

ระหว่างนั้นกลุ่มเจ้าหนี้มาดักเฝ้าหน้าคอนโดฯ ไม่ลดละ ป้องกันไม่ให้ดวงศิริหายเข้ากลีบเมฆตามเทพทัตไปอีกคน หญิงสาวปรึกษาอริสา นายสกายแนะนำทนายเก่งให้ แต่เอกสารฝ่ายเจ้าหนี้มีความครบถ้วนสมบูรณ์ และที่สำคัญคือลายเซ็นหวัดๆ นั้นมาจากปลายปากกาของดวงศิริจริง จึงไม่มีอะไรโต้แย้ง

ทำได้มากที่สุดแค่ต่อรองกับเจ้าหนี้ ขอผ่อนผันการจ่ายเงินเป็นงวดๆ ไป

ทนายถามเธอถึงสัญญากู้ยืมเงินของเทพทัตเพราะยังพอใช้เป็นหลักฐานได้ ดวงศิรินึกๆ ดูแล้วยิ่งอยากร้องไห้ ตอนนั้นชายหนุ่มขอนำกลับไปประทับตราบริษัทก่อน แต่จากวันนั้นจนวันนี้ ไม่เพียงแต่เอกสารคู่สัญญาที่ยังไม่ได้รับ แม้แต่ตัวแฟนหนุ่มเธอก็ไม่เคยได้พบอีกเลย

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้นดวงศิริรีบมาที่บริษัทเพื่อเข้าพบคุณวุฒิไกร เจ้านายสูงสุดของเธอเป็นคนดีมีเมตตา ต้องช่วยเหลือเธอได้แน่ๆ คติประจำบริษัทคุณวุฒิไกรก็เป็นผู้ตั้ง ทำป้ายตัวโตๆ ติดผนังออฟฟิศว่า

‘สร้างสรรค์ผลงานยอดเยี่ยม ซื่อสัตย์ต่อลูกค้าและคู่ธุรกิจ รับผิดชอบต่อตัวเองและสังคม มีน้ำใจกลมเกลียวในองค์กร’

ท่านประธานบริษัทมีวิสัยทัศน์ขนาดนี้ ต้องไม่ปล่อยให้เธอผู้เป็นคนรักของหลานชายต้องเดือดร้อนตามลำพังแน่ๆ

เมื่อเข้าไปในห้องประธานบริษัท แค่เกริ่นสองสามคำ ยังไม่ทันเข้าเรื่อง คุณวุฒิไกรก็มีสีหน้ายุ่งยากใจ บ่นว่า

“ผมเองก็ยังติดต่อหลานชายตัวดีไม่ได้เลยเนี่ย ไม่รู้หายหัวไปไหน”

แล้วท่านก็บ่นอะไรอีกยืดยาว จับความได้ว่าหลานชายที่เคยยกยอว่าเป็นคนเก่งน่าชื่นใจนี้ ชอบทำตัวนอกคอก สำมะเลเทเมา ชอบเสี่ยงอะไรเป็นเด็กๆ ให้ลุงอย่างเขาต้องปวดหัวอยู่เรื่อย ดวงศิริยืนฟังตาปริบๆ อดคิดไม่ได้ว่า หนังที่เขากำลังพากย์อยู่มันคนละม้วนกับตอนที่แนะนำให้เธอรู้จักเลย

ไม่รู้ว่าพูดจนเหนื่อย จนพอใจ หรือจนคอแห้งกันแน่ เขากระแอมแล้วบอกว่า

“เอาละ นี่ก็ถึงเวลาเข้างานแล้ว คุณกลับไปทำงานเถอะ”

ดวงศิริหน้าเหลอหลา

“แล้วเรื่องเงินห้าแสนล่ะคะ”

“ไว้เจ้าทัตกลับมาก็เคลียร์กันเองแล้วกัน”

“อ้าว แต่ว่า…”

“ผมเข้าใจนะคุณหวานว่าคุณกำลังลำบาก เงินไม่ใช่น้อยๆ แต่เอาตรงๆ มันไม่เกี่ยวกับผมสักเท่าไรนะว่าไหม ตอนคุณสองคนทำสัญญากันผมก็ไม่ได้อยู่เป็นพยานด้วยนี่นา อีกอย่าง ถ้าเจ้าทัตมาปรึกษาผมก่อน หรือมายืมเงินผมแทน ผมคงไม่ให้ทำโปรเจกต์นี้ตั้งแต่แรกแล้วแน่ๆ ฝรั่งผมทองที่ไม่มีที่มาที่ไปแบบนี้ ไว้ใจเข้าไปได้ยังไง”

หญิงสาวได้ปัญญาในตอนนี้เอง เทพทัตมายืมเงินเธอแทนที่จะเป็นคุณลุงผู้ร่ำรวยมหาศาลก็เพราะเหตุนี้ เขาเล็งเห็นความเสี่ยงตั้งแต่แรกแล้วเหมือนกัน ทำไมเธอถึงคิดไม่ได้นะว่าทำไมถึงไม่ยืมเงินคุณลุง

ถูกของคุณวุฒิไกร การยืมเงินระหว่างเทพทัตกับเธอไม่เกี่ยวกับเขา และเขาก็ไม่ใช่ผู้ปกครองของเทพทัตด้วย ไม่มีหน้าที่มารับผิดชอบความผิดแทนแต่อย่างใด แต่หญิงสาวก็ร้อนใจเกินกว่าจะยืนเฉยๆ ได้

“เรื่องสัญญากู้ยืม คุณวุฒิไม่ทราบเรื่องก็จริง แต่ใบสั่งซื้อสินค้าที่คุณทัตหลอกให้หวานเซ็น จะไม่ช่วยรับผิดชอบหน่อยเหรอคะ”

ชายสูงวัยซึ่งนั่งเก้าอี้นวมใหญ่คอแข็งขึ้น ตาวาววับทันใด พนักงานสาวก้มหน้าลงเล็กน้อยด้วยรู้ตัวว่าพูดแรงไป ทั้งยังเผลอใส่อารมณ์กับท่านประธานอีก เธอพูดใหม่ด้วยน้ำเสียงอ่อนเบาจนเกือบไม่พ้นคอ

“ขอร้องละค่ะคุณวุฒิ หวานลำบากจริงๆ หวานติดต่อคุณทัตไม่ได้ คุณวุฒิเป็นลุง ยังไงคุณทัตต้องเกรงใจแน่ๆ ช่วยกรุณาหวานสักครั้งเถอะนะคะ”

พูดจบน้ำตาก็ร่วงลงมา หญิงสาวพยายามกลั้นสะอื้นจนต้องกัดกรามแน่น

เมื่อคืนที่ผ่านมาดวงศิริเครียดจนนอนไม่หลับ คิดแค่ว่าคุณวุฒิไกรร่ำรวยมาก บริษัทออกแบบมีรายได้หมุนเวียนหลักร้อยล้าน คุณวุฒิไกรก็คงมีกำไรปีละหลายล้าน ไหนจะทรัพย์สมบัติเดิมอีก หากจะปันมาสักห้าแสนช่วยรับผิดชอบวีรกรรมอันแสนน่ารังเกียจและน่าอับอายของหลานชายคนโปรด ก็คงไม่ทำให้ขนหน้าแข้งร่วงสักเท่าไร

ไม่สิ คงไม่กระเทือนขนสักเส้นของท่านเลยด้วยซ้ำ

“กรุณา กรุณายังไงครับ ให้จ่ายเงินแทนเหรอ”

“ก็…ค่ะ”

สิ่งที่เธอได้รับเป็นคำตอบคือเสียงหัวเราะ

“พูดอะไรคุณหวาน มาแบมือขอเงินกันง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอ เงินไม่ได้ร่วงลงมาจากฟ้านะคุณ มันไม่ได้หาง่ายขนาดนั้น ขนาดพวกน้องๆ ไซด์ไลน์ยังทำงานแลกเงินเลย”

ท่านประธานบริษัทกวาดตามองเรือนร่างเธออย่างจาบจ้วงแล้วถอนใจส่ายหน้า ค้อมตัวมาข้างหน้า วางมือลงบนโต๊ะทำงานตัวใหญ่อย่างใจเย็น

“หลานชายผมผิดหรือไม่ ผมไม่รู้หรอกนะ แต่ที่แน่ๆ ตอนคุณจะลงมือเซ็นเอกสาร ทำไมไม่อ่านให้ดีก่อนล่ะ”

ไร้คำโต้แย้ง ดวงศิริเข้าใจทุกอย่าง

เงินห้าแสนที่อันตรธานไปก็ได้แต่ปล่อยให้ละลายกับสายลม เหลือแต่ความหวังลมๆ แล้งๆ ว่าเทพทัตจะยังพอมีสามัญสำนึก กลับมาคืนเงินเธอเองในวันหนึ่ง ส่วนอีกห้าแสนที่ต้องใช้คืนเจ้าหนี้นั้น เธอบากหน้ากลับชุมพรไปขอพ่อกับแม่

บุพการีทั้งสองโกรธมาก ด่าทอยกใหญ่ ทำไมโง่อย่างนี้ ร่ำเรียนจบตั้งปริญญาแต่มาถูกเขาหลอก เอาใบปริญญาคืนมหาวิทยาลัยเลยไป

ดวงศิริคุกเข่าสะอื้น ตัวสั่นเทา กระทั่งพ่อกับแม่ระเบิดอารมณ์กันจนเหนื่อยแล้ว ท่านก็บอกว่าจะหากู้ยืมเงินคนอื่นมาให้ ไม่รู้ว่าได้เท่าไร ถ้าไม่มากพอก็จะขายที่ดินสักแปลงมาจ่ายเป็นเงินค่าโง่ให้นังลูกเวร

 



Don`t copy text!