พลิกรักทำนายใจ บทที่ 23.1 : หนึ่งวันสุดท้ายของเรา…ก่อนจากลา

พลิกรักทำนายใจ บทที่ 23.1 : หนึ่งวันสุดท้ายของเรา…ก่อนจากลา

โดย : แสนแก้ว

Loading

พลิกรักทำนายใจ โดย แสนแก้ว เรื่องราวของสายมูตัวแม่ที่ช่วยเหลือคนอื่นมากมาย แต่ความรักของตัวเองกลับไม่รอดราวกับดวงความรักอาภัพซะเหลือเกิน คงจะมีแค่ ‘พี่ภู’ เท่านั้นที่ดีต่อเธอเอ…เธอผู้รู้ใจลูกค้าดั่งมีตาทิพย์กลับไม่เคยมองเห็นหัวใจเขาเลยสักทีได้อย่างไร นวนิยายอ่านฟรีสนุกๆ ที่อ่านเอามีให้คุณได้อ่านที่ anowl.co

 

“พี่ภู จะทำอะไรน่ะ อย่าไปนะ”

มนชิดาตวาดแหว คว้าแขนชายหนุ่มไว้แน่น

“หวานกำลังลำบากนะมายด์ พี่ต้องไปช่วย”

“ช่วยยังไง เอาเงินให้เหรอ มันจะไม่มากไปหน่อยเหรอ”

ภูริสยกมือมาทาบมือของหญิงสาวที่กอดรัดแขนเขาไว้แน่น ลังเลว่าจะแกะออกดีหรือไม่

“พี่แค่จะไปคุย ได้ยินว่าถูกโกงไปหมดตัวเลยนะมายด์ ยังนิ่งเฉยกันได้เหรอ ตอนนี้มีเงินติดตัวบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้”

“แล้วไง ยัยหวานอายุจะสามสิบแล้วนะ ไม่ใช่เด็กๆ แล้ว พี่ภูพูดเหมือนมันเป็นเด็กห้าหกขวบไปได้”

หางเสียงติดหยามหมิ่นทำเอาสติและความอดกลั้นของชายหนุ่มขาดผึง

“ก็ใช่ไง ที่เขาถูกโกงไปก็ไม่ใช่แค่เงินค่าขนมยี่สิบบาท ห้าสิบบาท โดนไปเป็นล้านนะมายด์”

มือใหญ่แกะมือเล็กออก สะบัดแขนจนพ้นการเกาะกุม มนชิดาอึ้งตะลึง ตลอดเวลาที่คบกันมาไม่เคยมีเลยสักครั้งที่ภูริสจะโกรธหรือโมโหใส่เธอแบบนี้ ยิ่งชนวนเหตุการทะเลาะคือหญิงสาวที่เป็นหนามยอกใจคนเก่าคนเดิมด้วยแล้ว มนชิดายิ่งเจ็บชา สมองว่างเปล่าคิดคำตอบโต้ไม่ถูกทีเดียว

ภูริสก็เช่นกัน คบกันมาเกือบปีมนชิดาน่ารักมาตลอด เขาไม่เคยรู้เลยว่าเธอจะมีภาคนางมารร้ายแบบนี้ด้วย

“ใจมายด์ทำด้วยอะไร นั่นก็ลูกน้องมายด์นะ ไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยเหรอ”

พูดจบเขาก็หันหลังจะออกจากบ้าน อริสาเพิ่งไลน์มาเล่าเรื่องร้ายและบอกว่าวันนี้ดวงศิริไม่ไปทำงาน เก็บตัวอยู่แต่ในห้องคอนโดฯ เขาคงไปหาเธอตั้งแต่ชั่วโมงที่แล้วแล้ว หากไม่มีปากเสียงกับคนรักสาวจนยืดเยื้อพัวพันเช่นนี้

แต่ก่อนที่เท้าจะเดินถึงประตูบ้าน มนชิดาได้พูดเสียงเข้มและสั่นเครือตามมา

“มันคือสิ่งที่หวานเขาควรได้เรียนรู้หรือเปล่า ไม่ใช่ลำบากแล้วใครๆ ก็ยื่นมือมาอุ้มมาโอ๋ ประคบประหงมเป็นลูกแหง่แบบนี้แล้วเมื่อไรมันจะโต”

ภูริสชะงักเท้า อึ้งไปอึดใจ ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่าหญิงสาวทั้งสองบาดหมางกันด้วยเรื่องอะไร

ทัศนคติในการใช้ชีวิตที่ต่างกันคงไม่ทำให้ใครเดือดร้อนหากว่าไม่เบียดเบียนกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ อีกอย่างหนึ่ง เขาจำได้ว่าคนรักของเขาเจ็บช้ำเรื่องใด มีอะไรเป็นบาดแผล นึกชื่นชมเสมอที่เธอพยายามเข้มแข็งและผ่านเรื่องร้ายมาได้ด้วยตัวเองอย่างสง่างาม

แต่กับดวงศิริ ทุกครั้งที่มีปัญหาเขายื่นมือเข้า ‘อุ้มและโอ๋’ จริงอย่างที่มนชิดาเหน็บแนม มันคงไม่ยุติธรรมสักเท่าไรสำหรับคนที่พยายามพึ่งพาตัวเองให้ได้ก่อน แต่เมื่อวิกฤติมาเยือนแบบนี้แล้ว เขาก็อดห่วงดวงศิริจนล้นใจไม่ได้อยู่ดี

ห่วง…พลางทบทวนซ้ำๆ ว่า ที่ดวงศิริยังบอบบางราวเด็กหญิงอยู่ทุกวันนี้ เป็นเพราะเขาคอยอุ้มจนไม่ได้หัดเดินเองหรือเปล่า

อาการนิ่งไปของชายหนุ่มทำให้มนชิดาตีความไปอีกทาง กลัวพ่ายแพ้ กลัวเสียเขาไป กลัวเขาไม่รัก หลากความรู้สึกประเดประดังถั่งโถม แต่หญิงสาวก็เลือกจะปาดน้ำตาทิ้ง ไม่สร้างบรรยากาศตึงเครียดให้ชายคนรักยิ่งหนักใจอีกแล้ว พยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองให้เย็นลง สวมกอดเขาไว้จากด้านหลังแนบแน่น

“มายด์ขอโทษที่พูดจาไม่ดี มายด์ไม่ใช่คนขี้หึงมั่วซั่วพี่ภูก็รู้ แต่ขอได้ไหมคะ ขอแค่หวานคนเดียวจริงๆ พี่ภูอย่าไปยุ่งกับเขาเลย”

ภูริสวางมือทาบทับมือของหญิงสาว หลับตาลึก

อึดใจหนึ่งจึงหันกลับมา โอบรับร่างบอบบางที่ยังสั่นเทาไว้ในอ้อมกอด จุมพิตข้างขมับอย่างปลอบขวัญ

ฝ่ายหญิงสาวในอ้อมกอดสบายใจขึ้นเล็กน้อย แต่ก็เพียงนิดเดียวเท่านั้น เพราะเขาไม่รับปาก…

เขาไม่พูดว่าจะไม่ไปยุ่งกับดวงศิริอีกอย่างที่ใจเธอต้องการ มนชิดารัดอ้อมกอดแน่นเข้าอีกอย่างหวงแหน ข่มความกลัวไว้ลึกสุดใจ

 

แล้วสิ่งที่มนชิดากลัวก็เกิดขึ้นในวันหนึ่ง เป็นวันที่ดวงศิริลางาน ไม่เข้าบริษัท ไม่แจ้งด้วยว่าป่วยเป็นอะไรทั้งที่เธอเป็นหัวหน้าทีม ส่งข้อความมาบอกสั้นๆ แค่ว่า วันนี้ขอลางาน หญิงสาวสังหรณ์ใจแปลกๆ จึงขอสลับวันหยุดกับเพื่อนนางแบบ ไม่ไปไลฟ์ขายเสื้อผ้า แม้จะโดนเพื่อนต่อว่าว่าบอกกะทันหัน โดนเจ๊เป้ผู้เป็นเจ้าของเพจและสตูดิโอด่าว่าอีนางผีบ้า เธอก็ยอม

มนชิดามาที่บ้านของหนุ่มคนรักโดยไม่บอกก่อน พบว่าสังหรณ์ของเธอแม่นจริง

ดวงศิริอยู่กับภูริสในบ้าน กำลังนั่งกินขนมคุยเล่นกันอย่างสนุกสนานในห้องนั่งเล่น ไม่เห็นมีวี่แววของคนจิตใจบอบช้ำหรือเครียดหนักจากการถูกคนรักหักหลัง ถูกโกงเงินเป็นล้านเลยสักนิด

สติที่พกมาน้อยนิดเตลิดกระเจิดกระเจิง หญิงสาวตรงรี่เข้าไปกระชากแขนดวงศิริออกมา

“นังหวาน นังตอแหล ออกไปเดี๋ยวนี้ อย่ามายุ่งกับพี่ภูนะ”

ดวงศิริเหวอไปในทีแรก พอตั้งตัวได้ก็สะบัดแขนออก เท้าเอวเถียงกลับ

“ทำไมจะยุ่งไม่ได้ ฉันสนิทกับพี่ภูมาตั้งแต่ก่อนที่พี่ภูจะรู้จักเธออีก”

“แต่ฉันเป็นแฟนพี่ภู ฉันสั่งว่าไม่ก็ต้องไม่”

“ก็แค่แฟน ไม่ใช่เจ้าชีวิต ฉันจะมาหาพี่ภู เธอจะทำไม”

ฝ่ายคนฟังหน้าแดงก่ำ ผลักดวงศิริเต็มแรง

“ออกไปเดี๋ยวนี้นะ”

ดวงศิริผลักกลับ ไม่ยอมกัน

“มีสิทธิ์อะไรมาไล่ฉันล่ะ เป็นเจ้าของบ้านเหรอ เฮอะ”

ภูริสเข้าขวางห้ามทัพ พูดพร่ำแต่ว่าหยุด หยุด พอแล้ว แต่ดูเหมือนไม่มีใครฟัง มนชิดาคว้ากอดแขนเขา ทอดเสียงสั่นเครือ

“พี่ภู เราตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอว่าพี่ภูจะไม่ยุ่งกับมันอีก”

ดวงศิริหันขวับ จ้องตาเขาเขม็ง

“พี่ภูตกลงกับมันแบบนั้นเหรอ”

คนตรงกลางไม่อาจสบตาใครสักคน

“ก็ไม่เชิง ไม่ถึงขนาดนั้น”

เป็นดวงศิริที่นิ่งอึ้งบ้าง

“ไหนพี่ภูบอกว่าระหว่างเรายังเหมือนเดิมไง ต่อให้พี่ภูมีใครก็จะยังเหมือนเดิมกับหวานไม่ใช่เหรอ”

ก่อนมนชิดาจะบุกเข้ามา เขายังคุยเล่น อบขนมให้กินอยู่เลย แล้วข้อตกลงบ้าบอนี่มาตอนไหน

พอดวงศิริเริ่มหน้าเสีย ภูริสก็ขยับจะปลอบใจ แต่แฟนสาวของเขากระตุกแขนไว้ โพล่งไปว่า

“สำออย”

เจ้าของบ้านหนุ่มโคลงศีรษะ ชักจะปวดหัว ก้มมองคนรักด้วยสายตาตำหนิ แล้วหันมาบอกกับรุ่นน้องสาวว่า

“เอางี้นะ หวานกลับไปก่อน เดี๋ยวพี่ค่อยโทรหา โอเคไหม”

เป็นดวงศิริบ้างที่อึ้งตะลึงงัน เขาเลือกจะไล่เธอทั้งๆ ที่ผู้หญิงคนนั้นเพิ่งด่าเธอหยกๆ

“พี่ภูไม่เหมือนเดิมจริงๆ ด้วย”

ชายหนุ่มโบกมือ พยักหน้าขรึมๆ

“กลับไปก่อนนะ เชื่อพี่”

ดวงศิริจ้องหน้าภูริสด้วยแววตารวดร้าว แต่ไหนแต่ไรไม่เคยมีอะไรเลยที่เขาจะยกให้สำคัญกว่าเธอ แต่วันนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว หญิงสาวหันหลังกลับออกจากบ้าน ไม่ต้องรอให้ใครไล่ซ้ำ

เหลือกันอยู่สองคนแล้ว ภูริสก็หันขวับ ระบายความร้อนในอกด้วยการพูดเสียงเข้ม

“มายด์ทำเกินกว่าเหตุนะ พี่ไม่นึกเลยว่ามายด์จะใจร้ายได้ขนาดนี้”

สายตาของเขาทำเอาคนถูกต่อว่าอยู่ไม่สุข

“พี่ภูอย่ามองมายด์แบบนี้สิคะ มายด์ขอโทษ”

“วันนี้เหมือนพี่ไม่เคยรู้จักมายด์มาก่อนเลย”

“มายด์ขอโทษที่ทำตัวไม่ดี แต่ที่ทำไปก็เพราะรักพี่ภูนะคะ”

หญิงสาวคว้าแขนเขามากอดไว้ ชายหนุ่มไม่ดึงแขนออกแต่ก็ไม่มองหน้า

“พี่กับหวานไม่ได้เป็นอะไรกัน เคยบอกหลายรอบแล้วนี่”

“มายด์รู้ค่ะ มายด์รู้” เธอแนบแก้มลงกับไหล่ของเขา “มันคงเป็นจุดอ่อนของมายด์เอง ถ้าเป็นเรื่องของหวานมายด์สติแตกทุกทีเลย มายด์เองก็ไม่รู้จะทำยังไง แต่ไม่อยากให้หวานเข้าใกล้พี่ภู ทุกครั้งที่เห็นมายด์เจ็บเหมือนจะเป็นบ้า”

“แต่มันไม่มีอะไรจริงๆ นะ ไม่เชื่อใจพี่เหรอ”

“เชื่อใจสิคะ แต่คงผิดที่มายด์เองแหละที่แพ้ทาง”

คำว่า ‘แพ้ทาง’ คำเดียวทำให้ความโกรธกรุ่นมลายไป ความเข้าใจกระจ่างมาแทนที่ ไม่ใช่เธอคนเดียวหรอกที่แพ้ทางดวงศิริ เขาเองก็เป็น เพียงแต่คนละทางกันเท่านั้น

ในชีวิตคนเรามีใครบางคนที่เราแพ้ทางอยู่เสมอ เขาเชื่อเช่นนั้น เป็นคนที่เรายอมได้เสมอ อภัยให้เสมอ ยังตกหลุมรักซ้ำๆ ราวโง่งม ไม่ว่าใครจะว่าอย่างไร ส่วนลึกในใจเขาก็ยังพ่ายแพ้ต่อคนคนเดิม

ทว่าชีวิตยังต้องไปต่อ และร่างบอบบางเจ้าของอ้อมกอดอบอุ่นนี้ก็คือปัจจุบันและอนาคตของเขา ชายหนุ่มลูบหลังเธอแผ่วเบา ปลอบโยนด้วยเสียงทุ้มนุ่ม

“ตั้งสติไว้นะ พี่อยู่ตรงนี้แล้ว ไม่มีอะไรแล้วนะครับ”

“มายด์พยายามแล้ว แต่ก็แพ้ทุกที พี่ภูช่วยมายด์หน่อยได้ไหมคะ”

เธอช้อนมองทั้งน้ำตา ความวูบไหวในดวงตาคู่นั้นก่อความสงสารจับใจ

“จะให้พี่ช่วยยังไง”

“เราไปจากที่นี่กันเถอะ”

เขายังไม่อาจเข้าใจความหมายทันที เธอจึงเอ่ยซ้ำปนสะอื้น

“ไปหางานทำที่อื่น ใช้ชีวิตกันที่อื่น ไปให้ไกลจากตรงนี้ได้ไหมคะ”



Don`t copy text!