พลิกรักทำนายใจ บทที่ 26.1 : เมื่อความหวาดระแวงเกาะกินใจ
โดย : แสนแก้ว
พลิกรักทำนายใจ โดย แสนแก้ว เรื่องราวของสายมูตัวแม่ที่ช่วยเหลือคนอื่นมากมาย แต่ความรักของตัวเองกลับไม่รอดราวกับดวงความรักอาภัพซะเหลือเกิน คงจะมีแค่ ‘พี่ภู’ เท่านั้นที่ดีต่อเธอเอ…เธอผู้รู้ใจลูกค้าดั่งมีตาทิพย์กลับไม่เคยมองเห็นหัวใจเขาเลยสักทีได้อย่างไร นวนิยายอ่านฟรีสนุกๆ ที่อ่านเอามีให้คุณได้อ่านที่ anowl.co
‘ร้านอาหารแห่งปาฏิหาริย์’ เป็นฉายาที่ภูริสตั้งให้ร้านอาหารไทยฟิวชันหรือไทยผสมผสานของศิระ
ในยุคกอบกู้ระบบและความเป็นระเบียบเรียบร้อยกลับคืนมา ทุกคนในร้านต่างปล่อยพลังความขยันและอดทนขั้นสูงสุด ร่วมมือกัน เหนื่อยด้วยกันตั้งแต่เจ้าของร้าน เชฟแต่ละตำแหน่ง ไปจนถึงพนักงานเสิร์ฟทุกคน
เข้าครัวกันแต่เช้าตรู่ ทำอาหารและงานครัวตามหน้าที่แทบไม่ได้หยุดมือ เงยหน้ามาอีกทีฟ้าก็มืดแล้ว กาลเวลาหมุนเร็วเกินจริงทุกครั้งที่เหยียบย่างเข้าไป
ศิระชอบฉายานี้มากจนอยากจะเขียนป้ายผ้าติดผนัง
“เฮ้ย ชื่อดีว่ะ ร้านอาหารแห่งปาฏิหาริย์ แปลว่าร้านที่แม้เจอคนโกงแค่ไหนก็ผ่านมาได้ด้วยดีใช่ไหม”
ภูริสทำเสียงหึ กระตุกยิ้มมุมปาก
“เปล่า กูหมายถึงเวลาผ่านเร็วโคตร วันๆ ไม่ได้ทำอะไรเลย กางเกงในกูดองไว้เป็นกองก็ยังไม่ได้ซัก”
คนดีใจเก้อหุบยิ้มฉับ ตอบกระแทกว่า
“เรื่องของมึง”
แต่งานยุ่งก็มีข้อดีของมันคือ ทำให้ภูริสตัดความเศร้าใจและการคิดวนซ้ำซากถึงเรื่องอดีตไปได้
เมื่อร้านอาหารเริ่มเข้าที่เข้าทาง ภูริสก็ลงเรียนทำอาหารคอร์สสั้นๆ ที่สถาบันชื่อดังแห่งหนึ่ง ภายใต้การสนับสนุนเต็มที่ของศิระ เมื่อฝีมือพัฒนาในระดับมืออาชีพเต็มตัว อาหารที่เขารังสรรค์ในแต่ละวันก็ช่วยกวักเรียกลูกค้าทั้งขาประจำและขาจรให้มาลิ้มลองกันจนหนาตา บรรยากาศในร้านคึกคักจนทุกคนสัมผัสได้แม้กำลังง่วนอยู่ในครัว
วันหนึ่ง รายการวาไรตี้แข่งขันทำอาหารได้ประกาศรับสมัครเชฟเพื่อเข้าแข่งขัน ศิระรับบทป๋าดัน สนับสนุนเต็มที่เช่นเคย ถึงขั้นช่วยอัดคลิปทำอาหารสำหรับส่งสมัครรอบออดิชันให้
ภูริสละมือจากการหั่นมะเขือเทศลูกโต มองกล้องแล้วพูดว่า
“ถ้ามึงจะดันกูขนาดนี้ละก็ ไปแข่งกับกูเลย”
ตากล้องลดมือลง
“ไม่เอา เดี๋ยวกูชนะ”
“เชิญชนะเลย กูไม่สนหรอก เอาจริงนะเว้ย มึงมาซ้อมเร็วๆ เลย แล้วเดี๋ยวกูถ่ายคลิปให้”
“ไม่เอา เดี๋ยวเกิดผ่านเข้ารอบกันทั้งคู่แล้วใครจะดูร้านตอนไปแข่ง”
ภูริสนิ่งคิด ถูกอย่างที่เพื่อนว่า แต่เรื่องน่ายินดีเช่นนี้ไม่ควรมองให้เป็นปัญหา เขาตอบว่า
“วันแข่งก็ปิดร้านเร็วหน่อย ลงเมนูเท่าที่พวกเด็กๆ ทำได้ มึงลองคิดดูนะเว้ย ถ้าเราผ่านรอบออดิชัน ได้แข่งขันออกทีวีกันทั้งคู่ก็ยิ่งโปรโมตร้านได้ ถึงตอนนั้นคนต้องอยากตามมากินอาหารฝีมือพวกเราแน่ๆ”
ศิระตาเป็นประกายวูบ แม้สีหน้าจะยังดูไม่ค่อยมั่นใจ
“เอางั้นเหรอวะ”
คนเป็นเชฟอยู่ในกล้องก็พยักหน้าหนักแน่น
“เอาสิวะ ไปด้วยกัน”
ผลการออดิชันออกมาว่า ภูริสและศิระผ่านเข้ารอบไปสู่รอบคัดเลือก
ทั้งสองหันมาโฟกัสการทำอาหารจริงจัง กลางวันทำงานในร้านอาหาร กลางคืนฝึกซ้อม ภูริสนั้นสนุกจนไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ส่วนนายศิระ เขาเพิ่งพบว่าสิ่งที่กลัวหรือกังวลกลับผ่านไปได้ง่ายดายเพียงแค่มีเพื่อนร่วมทาง
กำลังใจสำคัญส่วนหนึ่งก็มาจากเหล่าเดอะแก๊งเชฟและผู้ช่วยในร้าน เหตุการณ์ถูกโกงที่ผ่านมาทำให้สูญเสียคนเก่งแต่ไม่ซื่อตรงไป แต่อีกด้านหนึ่งก็ได้พิสูจน์ความซื่อสัตย์ของคนที่ยังอยู่ และวันนี้พวกเขาเหล่านั้นรับปากกันแข็งขันว่าจะช่วยดูแลร้านให้ดีที่สุดระหว่างที่สองเชฟเตรียมตัวฝึกซ้อมและเข้าแข่งขัน
เมื่อได้กลายเป็นผู้เข้าแข่งขันตัวจริงในรายการ สองเชฟหนุ่มต่างสู้เต็มที่สุดฝีมือในทุกโจทย์การแข่งขัน ในแต่ละสัปดาห์ ผู้เข้าแข่งขันที่ทำพลาดมากที่สุด ทำอาหารเป็นจานที่แย่ที่สุดจะถูกคัดออกสัปดาห์ละหนึ่งคน
ผ่านไปแต่ละสัปดาห์ ความท้าทายยิ่งเพิ่มมากขึ้น แล้วกลับกลายเป็นศิระที่อยู่ยั้งยืนยงจนเกือบถึงรอบห้าคนสุดท้าย ส่วนภูริสตกรอบเจ็ดคนสุดท้ายในโจทย์อาหารกึ่งคาวกึ่งหวาน
เชฟหนุ่มไม่เสียใจเลย เพียงแค่ผิดหวังนิดหน่อยที่ฝึกซ้อมทำของหวานน้อยไปหน่อยจึงพลิกแพลงวัตถุดิบได้ไม่ดีเท่าที่ควร การได้มาร่วมแข่งขันในรายการนับเป็นประสบการณ์ชีวิตที่สุดยอดแล้วสำหรับเส้นทางอาชีพเชฟของเขา กรรมการและผู้ร่วมแข่งขันล้วนชื่นชม มีแต่ศิระเท่านั้นที่บ่นปนงอนว่า
“มึงทะเยอทะยานน้อยไปอะภู มึงไม่ได้ตั้งใจจะมาเอาแชมป์นี่หว่า”
ภูริสหันมาทำหน้าเฉยๆ ให้รู้ว่าฟังอยู่ แล้วหันไปเซียร์เนื้อไก่หมักเครื่องเทศในกระทะต่อ ไม่แก้ตัวแม้ครึ่งคำเพราะศิระพูดถูก เขาไม่ได้ต้องการตำแหน่งแชมป์ เขาแค่อยากทำทุกจานให้ดีที่สุดเท่านั้น
ภูริสไม่ใช่เชฟสายแข่งขัน ไม่เน้นความว่องไว แต่ให้ความสำคัญเรื่องความประณีต และจะด้วยความหล่อเหลาขึ้นกล้อง หรือเสน่ห์เหลือร้ายจากความสุภาพนุ่มนวลและทัศนคติดีก็ไม่ทราบได้ ภูริสกลายเป็นขวัญใจคนดู เป็นเชฟหนุ่มคนดังหรือที่เรียกว่า ‘เซเลบริตี้เชฟ’ ทั้งที่ไม่ได้เข้ารอบลึก
มีแฟนคลับตามมากินอาหารที่ร้าน แต่ส่วนใหญ่ยังไม่มีโอกาสได้เจอตัวจริงของเชฟพอล เพราะเชฟหนุ่มได้รับเชิญไปออกรายการทำอาหารอื่นๆ อีกมากมาย ทั้งที่เป็นแขกรับเชิญและพิธีกรร่วม ได้ถ่ายโฆษณา เป็นพรีเซนเตอร์เครื่องครัว หรือซอสปรุงรสก็มี
มนชิดายินดีกับแฟนหนุ่มเสมอในทุกการเดินทางของเขา แม้ว่านับวันจะยิ่งรู้สึกห่างเหินและเป็นส่วนเกินไปบ้างก็ตาม
แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่มีเวลาให้เหงาใจ เพราะงานของเธอก็ยุ่งมากราวเวลาถูกกลืนกิน เหมือนทำงานใน ‘บริษัทแห่งปาฏิหาริย์’ เช่นกัน
หญิงสาวเป็นเลขานุการใกล้ชิดกับนักธุรกิจใหม่ไฟแรงนามว่า เตชินท์ หนุ่มลูกครึ่งไทยออสเตรเลีย ผู้ซึ่งเติบโตมาในแดนจิงโจ้ เขาเป็นเจ้าของธุรกิจให้คำปรึกษาเรื่องบ้านแบบครบวงจร ทั้งการสร้างบ้าน ซ่อมแซม ตกแต่ง ออกแบบ เขามีทีมช่างฝีมือดีและมีคอนเน็กชันที่ดีกับเจ้าของแบรนด์เฟอร์นิเจอร์และวัสดุก่อสร้างหลายแบรนด์
ธุรกิจของเตชินท์เพิ่งก่อตั้งมาไม่กี่ปี อยู่ในช่วงสร้างตัวและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้า หลายปีที่ผ่านมาเขาต่อสู้กับทุกแรงเสียดทาน วิ่งไปข้างหน้าด้วยความเชื่อมั่น และทุกวันนี้การมีมนชิดาเป็นคู่คิดทำให้เขารู้สึกเหมือนหยิบลูกกุญแจถูกดอกอยู่บ่อยครั้ง
มนชิดาเป็นหญิงสาวมากความสามารถ ทั้งเรื่องการออกแบบภายในระดับมือรางวัลอันเป็นทักษะติดตัวมาตั้งแต่สมัยเรียน รสนิยมทางด้านศิลปะก็เป็นเลิศ ความรู้เรื่องการตลาด อัปเดตเทรนด์ใหม่ๆ ไปจนถึงการพูดคุยสื่อสารกับลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ แม้แต่การพูดคุยกับทีมช่างหญิงสาวก็ทำได้ดี เธออ่อนหวานสง่างาม กระฉับกระเฉงและดุดันตามแต่สถานการณ์
แม้ไม่เคยพูดออกไป แต่เตชินท์คิดเสมอว่ามนชิดาเป็นมากกว่าแค่เลขานุการ เรียกว่ามือขวายังน้อยไปด้วยซ้ำ เธอเป็นเหมือนตัวเขาอีกคนหนึ่ง เข้าใจงานทุกเรื่อง แบ่งเบาได้ทุกอย่าง เขาจึงมีเวลาและแรงพลังในการคิดสร้างสรรค์โปรเจกต์ใหม่ๆ วิ่งไปข้างหน้าได้เต็มฝีเท้า ไม่ต้องคอยห่วงหน้าพะวงหลังอย่างที่ผ่านมา
มนชิดากับภูริสต่างคนต่างทำงานยุ่งจนแทบไม่มีเวลาพูดคุยกัน มนชิดาเองก็ต้องเดินทางกับบอสของเธอบ่อยๆ เมื่อหมดงานในแต่ละวัน แยกย้ายเข้าห้องพักในโรงแรม มีเวลาว่างให้นั่งคิดทบทวนอะไรอยู่ที่ปลายเตียงแล้ว หญิงสาวก็ทอดถอนใจ
ไม่รู้ทำไมเธอถึงรู้สึกอยู่เสมอว่าภูริสคิดถึงคนอื่น อาจเป็นเพราะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแล้วไม่มีข้อความของเขาค้างอยู่ หรือเพราะเขาไม่ค่อยโทร.หาเธอก่อน
หญิงสาวเคยถามเขาเรื่องนี้ในบ่ายวันหนึ่งที่พักผ่อนซื้อของด้วยกันในซูเปอร์มาร์เกต ภูริสตอบว่า
“พี่ยุ่งมากเลย แล้วก็ไม่อยากรบกวนเวลาทำงานของมายด์ด้วย บางทีจะกดโทรก็อดคิดไม่ได้ว่ามายด์กำลังกินข้าวกับลูกค้าหรือเปล่า คุยงานกับบอสหรือเปล่า พี่เกรงใจน่ะ”
หญิงสาวอิงแอบใบหน้าลงกับหัวไหล่ของคนรัก
“แต่แหม พิมพ์อะไรทิ้งไว้สักหน่อยก็ได้นี่คะ ยังไงพี่ภูก็อย่าทำงานเพลินจนลืมกินข้าวนะ”
เธอทำได้เท่านี้ แค่พยายามมองโลกในแง่ดี แต่หลายครั้งก็อดคิดไม่ได้ว่า เธอชวนเขาหนีข้ามน้ำข้ามทะเลมาตั้งไกล แต่มันไม่ได้ทำให้หัวใจเขาไกลห่างจากคนที่ไทยได้เลย
แต่ภูริสเองก็พยายามที่สุดในความสัมพันธ์ของเธอกับเขาแล้ว ข้อนี้มนชิดาก็รู้ ตอนที่อยู่ด้วยกันในบ้านเช่าเขาดูแลเอาใจใส่เธอเป็นอย่างดี ทำอาหารให้กิน ทำงานบ้านให้ทุกอย่างเพื่อให้เธอได้นอนพักเต็มตื่น เธอรู้สึกซาบซึ้งและขอบคุณเสมอ เพียงแต่ติดใจอยู่แค่เรื่องเดียวเท่านั้นว่า ส่วนลึกในใจเขายังมีใครคนอื่นแอบซ่อนอยู่
ครั้งหนึ่งที่เธอกับเขาใช้เวลาในวันหยุดอยู่ด้วยกันในบ้านเช่า มนชิดาจัดเฟอร์นิเจอร์ใหม่ เปลี่ยนผ้าคลุมโซฟากับปลอกหมอนอิงให้เข้าชุด ส่วนภูริสนั่งดื่มกาแฟ เล่นโทรศัพท์มือถือท่าทางผ่อนคลาย
มนชิดาถามความเห็นเขาว่าชอบลายปลอกหมอนใหม่หรือไม่ แต่ชายหนุ่มไม่ตอบเหมือนไม่ได้ยิน เธอจึงเพิ่งสังเกตว่าเขาใส่หูฟังแบบไร้สายอยู่
กระทั่งเขาลุกไปเข้าห้องน้ำ มนชิดาอดไม่ได้ พลิกดูหน้าจอโทรศัพท์ว่าเขากำลังดูอะไรอยู่ แล้วก็พบว่าเขากำลังดูดวงศิริถ่ายทอดสดแคสเกมออนไลน์
บนหน้าจอไม่มีภาพของผู้เล่น มีแต่หน้าเกมออนไลน์กับตัวละครในเกมที่วิ่งไปวิ่งมา ปล่อยพลังยิ่งใหญ่อลังการแบบที่เธอไม่รู้จัก พอชายหนุ่มกลับมาจากห้องน้ำ มนชิดาก็เปิดฉากทันที
“นี่ไง พี่ภูส่องยัยหวานอีกแล้ว ยังรักมันมากเหรอ”
ภูริสนิ่งไปอึดใจ เขาถอดหูฟังออกจากหูแล้วพูดอย่างใจเย็น
“มายด์อย่าคิดมาก พี่ก็แค่ดูผลงานน้องสาวเท่านั้นเอง”
“พี่ภูอย่าโกหกกันเลยค่ะ พี่หลอกมายด์ได้แต่หลอกตัวเองไม่ได้หรอก เรามาอยู่กันไกลถึงที่ออสเตรเลียนี่แล้ว แต่มันไม่ได้แยกใจพี่ออกจากหวานได้เลยใช่ไหม”
ชายหนุ่มมีสีหน้าเครียดขรึม น้ำเสียงก็เข้มขึ้นเช่นกัน
“ฟังนะมายด์ พี่กับหวานสนิทกันมาตั้งแต่สมัยเรียน เราผ่านอะไรด้วยกันมาเยอะมาก วันหนึ่งจะให้พี่ตัดขาดเลิกคบ ให้เป็นคนแปลกหน้ากันไป มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ”
มนชิดานิ่งเงียบ เธอเกลียดตัวเองที่ขาดสติในเรื่องของดวงศิริทุกที ไม่ชอบเลยที่กลายเป็นคนที่ภูริสจ้องมองมาอย่างผิดหวังและโกรธเคือง เธอไม่ต้องการเป็นแบบนี้แต่ห้ามตัวเองไม่ได้ รู้สึกพ่ายแพ้ต่อดวงศิริทั้งที่อีกฝ่ายยังไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ เหมือนว่ายิ่งสู้เธอก็ยิ่งแพ้
หญิงสาวกัดปากแน่นเพื่อระงับไม่ให้น้ำตารินไหล ก่อนจะหมุนตัวแยกจากไป ภูริสได้ดึงเธอไปกอดไว้ ลูบผมเธอเบาๆ อยู่หลายครั้ง
“พี่ขอโทษนะ พี่แค่นึกขึ้นมาเฉยๆ ว่าเขาเป็นยังไงบ้างเท่านั้นเอง ยังไงปัจจุบันกับอนาคตของพี่ก็คือมายด์อยู่แล้วนะ อย่าคิดมากเลย”
อ้อมกอดเขาแนบแน่นและอบอุ่น คำพูดเขายืนยันมั่นเหมาะ แต่มนชิดาไม่เคยรู้สึกสบายใจได้อย่างเต็มหัวใจเลยสักครั้ง
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 26.1 : เมื่อความหวาดระแวงเกาะกินใจ
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 25.2 : ชีวิตใหม่ในแดนไกล
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 25.1 : ชีวิตใหม่ในแดนไกล
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 24.2 : เมื่อความรักบินจากไป
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 24.1 : เมื่อความรักบินจากไป
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 23.3 : หนึ่งวันสุดท้ายของเรา...ก่อนจากลา
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 23.2 : หนึ่งวันสุดท้ายของเรา...ก่อนจากลา
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 23.1 : หนึ่งวันสุดท้ายของเรา...ก่อนจากลา
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 22.3 : คนที่ใช่ ไม่ต้องพยายาม
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 22.2 : คนที่ใช่ ไม่ต้องพยายาม
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 22.1 : คนที่ใช่ ไม่ต้องพยายาม
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 21.2 : ไม่อยากให้เขารักกันเลย
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 21.1 : ไม่อยากให้เขารักกันเลย
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 20.2 : เพราะชีวิตยังต้องไปต่อ
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 20.1 : เพราะชีวิตยังต้องไปต่อ
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 19.3 : พระราชาถือเหรียญคนนั้น
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 19.2 : พระราชาถือเหรียญคนนั้น
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 19.1 : พระราชาถือเหรียญคนนั้น
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 18.2 : ไพ่ความรักของมนชิดา
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 18.1 : ไพ่ความรักของมนชิดา
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 17.3 : ความรักครั้งใหม่ของดวงศิริ
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 17.2 : ความรักครั้งใหม่ของดวงศิริ
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 17.1 : ความรักครั้งใหม่ของดวงศิริ
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 16.3 : คุณครูสอนกีตาร์ของมนชิดา
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 16.2 : คุณครูสอนกีตาร์ของมนชิดา
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 16.1 : คุณครูสอนกีตาร์ของมนชิดา
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 15.2 : เพลงที่เธอไม่เคยได้ฟัง
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 15.1 : เพลงที่เธอไม่เคยได้ฟัง
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 14.2 : ศิลปินหนุ่มผู้ไม่จับกีตาร์อีกเลย
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 14.1 : ศิลปินหนุ่มผู้ไม่จับกีตาร์อีกเลย
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 13.2 : ราชินีถือเหรียญผู้จะมาเป็นความรัก
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 13.1 : ราชินีถือเหรียญผู้จะมาเป็นความรัก
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 12.2 : ท่านพ่อร่างทรงองค์เทพ
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 12.1 : ท่านพ่อร่างทรงองค์เทพ
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 11.3 : แด่ผู้ชายเฮงซวยที่จากฉันไป
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 11.2 : แด่ผู้ชายเฮงซวยที่จากฉันไป
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 11.1 : แด่ผู้ชายเฮงซวยที่จากฉันไป
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 10.2 : ดวงปีนี้มีเกณฑ์เสียเงินก้อนใหญ่
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 10.1 : ดวงปีนี้มีเกณฑ์เสียเงินก้อนใหญ่
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 9.2 : เซอร์ไพร้ส์ในวันครบรอบ
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 9.1 : เซอร์ไพร้ส์ในวันครบรอบ
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 8 : ไพ่เจ็ดดาบในตำแหน่งความรัก
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 7 : ฉันกับเขาเทียบกัน ใครดีกว่า
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 6 : ความรักดีๆ เริ่มที่...เดินสายขอพร
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 5 : ความลับสุดยอดของอริสา
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 4 : งานเสริม กระเป๋าสอง
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 3 : ดวงความรักปีนี้มีเกณฑ์รักซ้อน
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 2 : คู่ปรับสาวจอมหยิ่ง
- READ พลิกรักทำนายใจ บทที่ 1 : นักออกแบบสาวฟ้าประทาน