พลิกรักทำนายใจ บทที่ 26.2 : เมื่อความหวาดระแวงเกาะกินใจ

พลิกรักทำนายใจ บทที่ 26.2 : เมื่อความหวาดระแวงเกาะกินใจ

โดย : แสนแก้ว

Loading

พลิกรักทำนายใจ โดย แสนแก้ว เรื่องราวของสายมูตัวแม่ที่ช่วยเหลือคนอื่นมากมาย แต่ความรักของตัวเองกลับไม่รอดราวกับดวงความรักอาภัพซะเหลือเกิน คงจะมีแค่ ‘พี่ภู’ เท่านั้นที่ดีต่อเธอเอ…เธอผู้รู้ใจลูกค้าดั่งมีตาทิพย์กลับไม่เคยมองเห็นหัวใจเขาเลยสักทีได้อย่างไร นวนิยายอ่านฟรีสนุกๆ ที่อ่านเอามีให้คุณได้อ่านที่ anowl.co

เตชินท์มุ่งมั่นขยายธุรกิจ เขากับมนชิดาไปด้วยกันทุกที่ พบลูกค้าและคู่ธุรกิจในหลายเมือง บางครั้งก็ไปไกลถึงต่างประเทศ

มนชิดาได้เรียนรู้เรื่องธุรกิจจากเจ้านายหนุ่ม ได้ประสบการณ์มากมาย แม้จะเหน็ดเหนื่อยหรือน่าปวดหัวในบางครั้ง แต่ตราบใดที่เธอกับบอสยังเป็นทีมเวิร์ก งานทุกงานก็กลายเป็นเรื่องสนุก ปัญหาและอุปสรรคก็เป็นแค่ด่านในเกมท้าทายเท่านั้น

วันหนึ่งมนชิดาติดตามเตชินท์ไปคุยธุรกิจที่ประเทศจีน หลังเลิกงานก็แยกย้ายกันเข้าห้องพัก มนชิดายังไม่ง่วงนอนจึงเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดกระโปรงสั้นสายเดี่ยวสีดำ เรียบง่ายแต่ชวนมอง ขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนสุดซึ่งเป็นเลาจน์ ฟังเพลง จิบค็อกเทลเบาๆ ปล่อยใจให้ลอยล่องไปตามกระแสอารมณ์

เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดดู ช่องแคสเกมของดวงศิริมีถ่ายทอดสดอีกแล้ว ยอดคนเข้าชมเยอะทีเดียว เธออดคิดไม่ได้ว่าหนึ่งในนั้นมีชายคนรักของเธอด้วยหรือเปล่า

เข้าดูอินสตาแกรม ภาพสนามบินกวางโจวที่เธอโพสนั้นภูริสมากดหัวใจให้ด้วย ส่วนบัญชีของดวงศิริโพสต์ภาพเจ้าตัวกำลังฝึกเวตเทรนนิงในฟิตเนสเซ็นเตอร์ ภูริสมากดหัวใจด้วยเหมือนกัน แต่พิเศษกว่านั้นคือมีความคิดเห็นด้วยว่า

ลุยจ้า

อาจดูเป็นคำสั้นๆ ที่ไม่ได้มีอะไรพิเศษ แต่มนชิดาก็อดคิดไม่ได้ว่าเธอไม่เห็นจะได้รับบ้าง หญิงสาวเปลี่ยนไปเข้าเฟซบุ๊ก ทั้งบัญชีส่วนตัวและเพจดูดวง เพจแคสเกมของดวงศิริ ล้วนมีการกดถูกใจและแสดงความคิดเห็น แต่โพสต์เดียวของเธอในวันนี้ แฟนหนุ่มยังไม่ได้มากดถูกใจ

เหมือนเป็นเรื่องใหญ่ แต่ก็เหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อย

เหมือนว่าเขาใส่ใจอีกฝ่ายมากกว่า แต่ก็ไม่แน่ว่าเขาอาจจะกดถูกใจและพิมพ์แสดงความคิดเห็นไปโดยไม่คิดอะไรก็ได้

อัลกอริธึ่มของแอปพลิเคชันอาจทำให้เขาเห็นโพสต์ของดวงศิริบ่อยกว่าของเธอก็เป็นได้

เหมือนว่าเขายังเหลือใจให้ฝ่ายนั้น แต่ก็ใช่ว่าจะโจ่งแจ้งเกินงาม เกินพี่น้อง

ท้ายสุด มนชิดาคว่ำโทรศัพท์แล้วฟุบหน้าลงกับบาร์ เป็นเธอคนเดียวอีกแล้วที่ต้องทนกับความรู้สึกผิดที่เอาเรื่องเล็กน้อยมาเป็นประเด็น บั่นทอนความสัมพันธ์ของตัวเองด้วยความหวาดระแวง เป็นเธอเองที่คิดมาก ชอบจับผิด หึงหวงเขาแต่เพียงฝ่ายเดียว

 

มนชิดาตื่นมาตอนเช้า พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงของเตชินท์

ใต้ผ้าห่มหนานุ่มอบอุ่น เธอยังสวมชุดสายเดี่ยวซาตินสีดำตัวเดิมจากเมื่อคืน

ส่วนเจ้าของห้องดูจะอาบน้ำแต่งตัวพร้อมรับวันใหม่แล้ว วันนี้มีนัดพบลูกค้าช่วงบ่ายที่โรงงานใกล้ๆ ยามเช้าเช่นนี้จึงยังไม่มีอะไรต้องเร่งรีบ

มนชิดาผุดลุกขึ้นนั่ง ความรีบร้อนทำให้มึนและปวดศีรษะหน่วงๆ

“มายด์มาอยู่ที่นี่ได้ไงคะ จำไม่ได้เลยว่าลงมาเมื่อไร”

เตชินท์ส่งแก้วน้ำดื่มอุ่นๆ ไปให้หญิงสาว

“เมื่อคืนคุณเมามาก หลับอยู่ตรงบาร์ ผมไปพาคุณมาเอง”

หญิงสาวก้มหน้าเล็กน้อย จิบน้ำอุ่นแก้เก้อ

“บอสเจอมายด์ได้ยังไงคะเนี่ย”

“ผมก็ตามหาสิ โทรไปไม่รับนี่” น้ำเสียงเขาติดหงุดหงิดเล็กน้อย แต่ชัดเจนมากกว่าคือความห่วงใย “ทีหลังอย่าไปเมาแบบนี้คนเดียวอีกนะรู้ไหม มันอันตราย”

“ค่ะบอส ขอโทษแล้วก็ขอบคุณมากเลยนะคะ นี่ถ้าไม่ได้บอส มายด์ต้องแย่แน่เลย”

เธอเกี่ยวสายเดี่ยวสปาเกตตีที่หล่นลงมาเคลียต้นแขนขึ้นไปบนบ่า ลำพังแค่เป็นผู้หญิงสาวที่ติดตามเจ้านายผู้ชายไปทุกหนทุกแห่ง พ่อกับแม่ก็ห่วงมากแล้ว แต่นี่เมาหลับอยู่บนเตียงนอนของเขาทั้งชุดเซ็กซี่ มนชิดานึกอยากหาไม้เรียวมาตีก้นตัวเองสักสองสามที

หญิงสาวดึงผ้าห่มขึ้นปิดมิดคอ คล้ายว่าเตชินท์จะอ่านใจออก เขาหลบสายตาไปทางอื่นยามพูดว่า

“ผมไม่ใช่คนดีขนาดนั้น แต่ผมให้เกียรติคุณเพราะคุณมีค่ามากกว่าคู่นอนชั่วครั้งชั่วคราว”

คนฟังพูดอะไรไม่ออกทีเดียว ได้แต่นั่งหน้าแดงก่ำอยู่บนเตียงของเขา

“คุณเป็นมากกว่าเลขา สำหรับผมแล้วคุณสำคัญกว่านั้นไปมากแล้ว ผมขอโทษถ้าทำให้ลำบากใจ แต่ผมแค่อยากให้รู้ไว้”

เขาถอนใจยาวแล้วยิ้มบางนิดหนึ่ง น้ำเสียงของเขาคล้ายหนักแน่นแต่ก็ฟังดูปลงๆ ชอบกล

“ไม่ว่ายังไงผมจะอยู่ตรงนี้เสมอ ขอบคุณที่สู้มาด้วยกันนะ และหวังว่าคุณจะอยู่กับผมแบบนี้ไปตลอด”

 

เช้าวันหนึ่งที่อากาศค่อนข้างเย็นจัด แต่มีแสงแดดอาบทั่วบริเวณให้ทุกชีวิตได้รู้สึกถึงความอบอุ่น มนชิดากับภูริสได้หยุดงานตรงกัน หญิงสาวจึงชวนเขาออกไปเดินเล่นในสวนสาธารณะ

เขาสวมเสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ท่าทางสบาย สวมโคตยาวสีน้ำตาลอ่อนตัวที่เธอเลือกให้ ส่วนมนชิดาสวมชุดกระโปรงไหมพรมสีม่วงเข้ม คลุมทับด้วยโคตยาวสีขาวที่เลือกซื้อมาพร้อมกัน เขาซื้อให้เธอ เธอเลือกให้เขา เรียกว่าเป็นเสื้อโคตคู่

ระหว่างที่เดินเล่นในสวนสาธารณะ มนชิดาเอื้อมจับมือเขาไว้ เมื่อเขาหันมาด้วยรอยยิ้ม เธอก็ถามด้วยคำถามที่คิดมาหลายวันว่า

“พี่ภู เราแต่งงานกันไหมคะ”

ภูริสหยุดเดินทันที หญิงสาวสังเกตสีหน้าเขาแล้วยิ้มกว้างส่งไปให้

“แหม ไม่เห็นต้องทำหน้าตกใจขนาดนี้เลย มายด์ล้อเล่นก็ได้”

ชายหนุ่มส่ายหน้า คว้าเอาอีกมือหนึ่งของเธอมารวบจับไว้

“ไม่ใช่อย่างงั้น พี่เห็นมายด์ยังสนุกกับงานอยู่เลย อยากแต่งงานแล้วเหรอ”

“พี่ภูก็คงกำลังสนุกกับการทำงานเหมือนกัน จนไม่ได้คิดเรื่องแต่งงานเลยใช่ไหมคะ”

ชายหนุ่มนิ่งไปอึดใจ มนชิดาเคยชอบบุคลิกนี้ของภูริส เขาไม่ใช่คนพูดหวาน พูดเอาใจคนฟัง คำพูดทุกคำของชายหนุ่มผ่านการคิดมาแล้วเสมอ ถึงเวลานี้เธอก็ยังชอบ แม้ว่าจะรู้สึกเจ็บปวดที่เขาต้องใช้เวลาคิดนานก็ตาม

“มายด์ไม่ได้รีบร้อน ไม่ได้จะเร่งรัดพี่ภูหรอกนะ แต่มายด์แค่อยากรู้ว่า ภาพในอนาคตของพี่ภูเคยมีมายด์บ้างไหม พี่ภูเคยอยากแต่งงานกับมายด์บ้างไหม หรือแค่คบกันไปเรื่อยๆ แบบนี้”

หญิงสาวค่อยๆ พูดด้วยรอยยิ้ม ไม่อยากให้เขารู้สึกกดดันแม้สักนิดแม้จะน้อยใจจนหัวใจรู้สึกบีบหน่วง ฝ่ายภูริสกระชับมือเธอแน่นขึ้น ชวนเดินต่อไปข้างหน้า ให้คำตอบมาว่า

“พี่จะลองเก็บไปคิดดูนะ”

มนชิดาใช้ความพยายามทั้งหมดที่มีกักกั้นน้ำตาไว้ไม่ให้ไหลออกมา คำตอบของคนรักบอกเธออีกนัยหนึ่งว่า เขาไม่เคยมองเรื่องอนาคตกับเธอเลยจริงๆ แต่ก็ไม่ใช่ความผิดเขา ไม่ใช่ความผิดใคร ไม่พร้อมก็คือไม่พร้อม วันหน้าอาจจะพร้อม แต่หญิงสาวไม่แน่ใจว่าจะรอเขาไหวหรือไม่



Don`t copy text!