พลิกรักทำนายใจ บทที่ 7 : ฉันกับเขาเทียบกัน ใครดีกว่า

พลิกรักทำนายใจ บทที่ 7 : ฉันกับเขาเทียบกัน ใครดีกว่า

โดย : แสนแก้ว

Loading

พลิกรักทำนายใจ โดย แสนแก้ว เรื่องราวของสายมูตัวแม่ที่ช่วยเหลือคนอื่นมากมาย แต่ความรักของตัวเองกลับไม่รอดราวกับดวงความรักอาภัพซะเหลือเกิน คงจะมีแค่ ‘พี่ภู’ เท่านั้นที่ดีต่อเธอเอ…เธอผู้รู้ใจลูกค้าดั่งมีตาทิพย์กลับไม่เคยมองเห็นหัวใจเขาเลยสักทีได้อย่างไร นวนิยายอ่านฟรีสนุกๆ ที่อ่านเอามีให้คุณได้อ่านที่ anowl.co

รวดเร็วสมกับเป็นสาวทำงานเก่งผู้กระฉับกระเฉง ภายในสัปดาห์เดียวอริสาปรับรูปโฉมใหม่จนน้องๆ พนักงานร้านกาแฟทักกันไม่เว้นแต่ละวัน

ผมยาวธรรมชาติที่เคยรวบหางม้าเปลี่ยนเป็นสีช็อกโกแลตดัดลอนเกลียวไล่ระดับเคลียบ่า ใบหน้าขาวผ่องอวดผิวเนียนละเอียดมีเครื่องสำอางมาช่วยเสริมความโดดเด่น ดวงตารียาวตามแบบฉบับสาวจีนมีอายแชโดว์ระบายให้ดูมีมิติขึ้น เขียนขอบตา กรีดตา ติดขนตาปลอม เปลี่ยนดวงตาหมวยให้สวยสะกด วิ้งวับชวนสบตา

เสื้อผ้าการแต่งกายเธอเปลี่ยนทั้งหมด ยังคงคอนเซปต์ใส่สบาย เคลื่อนไหวสะดวก แต่ดูมีสไตล์และแฟชั่นมากขึ้น หญิงสาวดูไลฟ์ขายเสื้อผ้าและกดซีเอฟมาตอนที่มนชิดาเป็นนางแบบขายนั่นละ ถึงแม้เพื่อนสนิทจะไม่ถูกกับฝ่ายนั้น แต่สำหรับอริสาแล้ว คุณมายด์ของลูกค้าเป็นคนน่ารัก อธิบายรายละเอียดเสื้อผ้าชัดเจน ตัวนี้แต่งดีเทลขอบลูกไม้ ตัวนี้มีกระเป๋าสองข้าง กระดุมจริง กระดุมหลอก ผ้าซีทรูเวลาใส่ต้องมีซัปพอร์ตเป็นพวกเกาะอกหรือสายเดี่ยวข้างใน ตัวนี้เป็นมินิเดรส คุณลูกค้าต้องใส่กับกางเกงขาสั้น

เวลาว่างอันน้อยนิด อริสายอมละทิ้งซีรีส์เรื่องโปรดแล้วไปเข้าฟิตเนส เข้าสปา ทำเล็บ เมื่อหันมาสนใจตัวเอง เธอก็คิดมากเรื่องชายหนุ่มน้อยลง

เมื่อยิ้มให้ตัวเอง โลกทั้งใบก็หันมายิ้มให้เธอด้วย

นายหุ้นส่วนก็ยิ้มให้ด้วยเช่นกัน ทักว่า

“แหม๊ เดี๋ยวนี้มีไปทำสวยด้วย ถูกหวยมาเรอะ”

อริสาอ้าปาก หากเป็นเมื่อก่อนคงสวนว่า ‘เรื่องของกู’ แต่ภูริสสอนให้พูดเพราะๆ นุ่มนวลเข้าไว้ ลดระดับเสียงลงให้ละมุนน่าฟัง อย่าไปเอะอะเหมือนเล่นงิ้ว เธอจึงตอบไปว่า

“ไม่ได้ถูกหวย แค่อยากดูแลตัวเองให้ดีจะได้ดูแลคนอื่นได้ด้วย เธอสนใจไหมล่ะ ไว้วันหลังจะชวนไปสปาด้วยกันนะ”

ปรากฏว่านายสกายอึ้งไป มองมาเหมือนเจอคนแปลกหน้า แน่นอนว่าสรรพนามที่ใช้เรียกระหว่างกันก็เปลี่ยนไปด้วย จากกูมึงเป็นเรากับเธอ

 

ความสดใสเฉิดฉายที่มีจุดเริ่มต้นจากตัวเองนั้น ดวงศิริรับรู้ได้แม้ไม่ได้พบกัน เพราะสิ่งเหล่านั้นส่งผ่านมาทางรูปสวยๆ ในโซเชียลมีเดียพร้อมคำบรรยายสองสามบรรทัดที่เปี่ยมไปด้วยพลังบวก ขนาดเป็นผู้หญิงด้วยกันยังรู้สึกว่าอริสาน่ารักจัง น่าดึงดูดชะมัด จนอยากจะหาเวลาว่างไปนั่งคุยด้วยอีก

เหมือนใจส่งถึงกันเพราะช่วงพักกลางวันนั้นเอง เมื่อดวงศิริอิ่มข้าวและพักดื่มน้ำหวาน คุยกับสิงโตและลูกแก้วอยู่ในโรงอาหารใต้อาคาร อริสาได้โทรศัพท์เข้ามาเล่าความคืบหน้าของนายสกายให้ฟัง

“แก ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ สกายมันดีกับฉันมากขึ้นจริงๆ”

“เหรอๆ ยังไงบ้าง”

“ก็เมื่อกี้ที่ออกไปกินข้าวกลางวันกันข้างนอก มันเปิดประตูรถให้ฉันนั่งด้วย”

ดวงศิริร้องว้าว “จริงเหรอเนี่ย ทรงเจ้าหญิงเลยนะนั่น”

“เอ่อ จริงๆ เพราะฉันอุ้มลังเมล็ดกาแฟอยู่ เพราะต้องแวะส่งของด้วย มันเลยเปิดประตูให้น่ะ”

คนฟังไหล่ห่อฟีบทันใด “อ้าว อีบ้า หลอกให้ดีใจเก้อนี่”

“แต่แหม เมื่อก่อนฉันถือของหนักก็ยังต้องหาทางเปิดประตูรถเองให้ได้ไง วันนี้พิเศษตรงที่ได้ถือของหนักเฉยๆ สกายมันช่วยเปิดประตูให้”

คนทางนี้กลอกตา

“แล้วทำไมมันไม่ช่วยแกถือของล่ะ”

“ทำงานด้วยกันมันก็แบบนี้แหละแก ถือของไม่ได้ลำบากอะไรหรอก แต่ฉันก็ดีใจนะ” ปลายสายหัวเราะคิก “วันนี้เปิดประตูรถให้ วันหน้าเปิดใจให้ก็ดีสิเนอะ”

เพื่อนขำได้ คนทางนี้ก็ขำด้วย แต่ในใจคิดว่าพี่มิ่งมงคลก็บอกอยู่ทนโท่ว่านายสกายน่ะมีใจ

นี่เพราะไปเดินสายไหว้ขอพรมาเจ็ดที่หรอกถึงได้มีความคืบหน้า ลำพังแค่เปลี่ยนการแต่งตัวกับทรงผม จะทำให้ผู้ชายหันมามีใจได้จริงเหรอ

หญิงสาวมองไปทางต้นของโรงอาหาร มนชิดารับประทานมื้อกลางวันอยู่กับเพื่อนอีกกลุ่ม รายนั้นได้ข่าวว่ามีหนุ่มๆ ทั้งในออฟฟิศและบริษัทอื่นที่อยู่ในอาคารเดียวกันเทียวมาขอแลกไลน์ไม่เว้นแต่ละวัน

ดวงศิริเบ้ปาก ไม่เห็นมนชิดาจะน่ารักตรงไหน คนเราแค่สวยผู้ชายก็ชอบแล้วเหรอ

เสียงหัวเราะห้าวของนายสิงโตที่หยอกล้อกับลูกแก้วเรียกให้เธอหันขวับกลับมาในโต๊ะ จะว่าไปเจ้านี่ก็เป็นหนึ่งในหนุ่มๆ ที่แอบปลื้มมนชิดาอยู่ แต่ไม่มากไปกว่านั้นเพราะเขามีหญิงที่หมายปองแล้ว

“นี่ สิงโต พี่ถามหน่อย” ดวงศิริเคาะโต๊ะเรียกดังก๊อกๆ “พี่กับมายด์เทียบกัน ใครดีกว่า”

หนุ่มผมทองพ่นหัวเราะแหลมเหมือนกรีดร้อง

“โฮ้ย อะไรดลใจให้พี่ถามฮะ”

คนถามกัดฟันข่มอารมณ์

“พูดมา ตัดเรื่องตำแหน่งงานออก ฉันมีดีน้อยกว่ามายด์ตรงไหนฮะ”

“ทุกตรงว่ะพี่”

จบคำชายหนุ่มก็หัวเราะร่า ดวงศิริตบโต๊ะปัง ยื่นหน้าไปใกล้

“ตอบดีๆ”

“สิงโต แกอย่า” ลูกแก้วรีบเข้ามานั่งคั่นกลาง “พี่หวานใจเย็นนะ”

เห็นท่าทีว้าวุ่นของลูกแก้ว ดวงศิริยิ่งคลางแคลงใจ ฝั่งชายหนุ่มหัวเราะเอิ๊กอ๊ากจนพอใจแล้วว่า

“เอางี้ ตรงๆ เลยนะ พี่อย่าโกรธผมนะ”

ดวงศิริพยักหน้ารับรอง กอดอก ยืดตัวตรง ส่วนลูกแก้วยังไม่ไว้ใจใครทั้งสิ้น ใช้ร่างตุ้ยนุ้ยของตนเองนั่งขวางห้ามทัพ

“พี่หวานก็หน้าตาดี พี่สวยกว่านี้ได้อีกนะถ้าดูแลตัวเองดีๆ เรื่องทำงานพี่เก่งอยู่แล้ว แต่จะดีกว่านี้ถ้าจัดการวินัยได้ จะได้มีเวลาไปเรียนรู้เพิ่ม หาประสบการณ์ ส่วนเรื่องมนุษยสัมพันธ์พี่ไม่ชอบพูดกับใครก่อน ไม่ชอบผูกมิตรกับเพื่อนใหม่ ไม่ยิ้มให้คนแปลกหน้า อันนี้ก็ช่วยไม่ได้แฮะ แต่ถ้าพี่ทำได้หมดที่ผมว่ามา พี่ก็จะน่ารักและมีเสน่ห์เหมือนพี่มายด์เลย”

หญิงสาวไตร่ตรองตาม สิงโตกล่าวต่อว่า

“คือ มันไม่ใช่พี่หวานไม่ดี แต่มันยังมีแก๊บให้พัฒนาอีก…เยอะ”

ฉับพลันเกิดกระแสวูบวาบในใจ เจ้าสิงโตพูดเหมือนพี่ภูเลย

“ว่าแต่พี่จะถามทำไมเนี่ย ได้ข่าวมีผัวแล้วไม่ใช่เรอะ”

“แฟนโว้ย”

คนนั่งคั่นกลางรีบลูบแขนลูบไหล่ลูกพี่สาว

“พี่หวานอย่าคิดมาก เรามีความสุขในแบบของเราก็พอ ทำไมจะต้องปรับเปลี่ยนตัวเองให้ผู้ชายชอบด้วยล่ะ เนอะ”

ลูกแก้วพูดพลางเคี้ยวกล้วยแขกตุ้ยๆ ยื่นส่งถุงกล้วยมาให้เธอด้วย ช่วงนี้สาวตุ้ยนุ้ยอ้วนขึ้นอีกอย่างเห็นได้ชัด ดวงศิริเคยทักอยู่หลายครั้งและเริ่มเป็นห่วงสุขภาพเจ้าลูกสมุนสาว

 

ใกล้เวลาบ่ายโมงครึ่ง ทั้งสามหอบหิ้วถุงขนมและน้ำหวานที่ยังรับประทานไม่หมดขึ้นออฟฟิศชั้นสิบสี่ ตลอดทางดวงศิริยังคิดถึงเรื่องที่สิงโตกับภูริสพูดไว้

ความมีเสน่ห์ของผู้หญิงคืออะไรกันแน่ ถ้าเธอยังเป็นตัวเองเหมือนวันนี้ แต่สั่งซื้อเครื่องรางเสริมเสน่ห์จากวัดชื่อดังของญี่ปุ่นมาบูชาสักชิ้นสองชิ้น จะทดแทนกันได้ไหม

แล้วที่สกายดูแลยัยอิ๋มเพื่อนรักมากขึ้น พูดคุยหยอกล้อด้วยบ่อยขึ้น เป็นเพราะฝ่ายหญิงปรับปรุงตัวเองให้น่ารักขึ้นหรือเพราะหลวงพ่อและทวยเทพทั้งเจ็ดประทานพรกันแน่

หญิงสาวนึกถึงพุฒิพงศ์ แฟนหนุ่ม ถ้าเธอปรับเปลี่ยนตัวเองให้น่ารักขึ้นบ้าง ความสัมพันธ์ทางไกลระหว่างเธอกับเขาจะมีทางกระชับขึ้นได้หรือไม่ แต่พุฒิพงศ์เคยบอกว่ากำลังทำงานเก็บเงินเพื่อแต่งงาน แสดงว่าตัวตนของเธอทุกวันนี้น่ารักสำหรับเขาแล้ว พอดีอยู่แล้วหรือเปล่านะ

อีกไม่ถึงเดือนจะถึงวันครบรอบเป็นแฟนกันแล้ว ดวงศิริอมยิ้มกับถุงกล้วยแขก เห็นทีจะต้องวางแผนเซอร์ไพรส์คุณแฟนซะหน่อย ลาพักร้อนไประยอง สวีตหวานริมทะเลให้น้ำเค็มเปลี่ยนรสเป็นหวานซะเลยดีไหม

วันครบรอบสองปีทั้งที อยากมีของขวัญสุดพิเศษด้วย เธอจะถือเค้กแสนอร่อยสุดพรีเมียมไปให้เขา ดังนั้นชั่วโมงแรกของการทำงานช่วงบ่ายจึงหมดไปกับการเสิร์ชหาเค้กสวยๆ หรูๆ ร้านเค้กยิ่งดังยิ่งต้องสั่งจองตั้งแต่เนิ่นๆ

เลื่อนดูร้านแล้วร้านเล่าก็ยังไม่เจอที่ถูกใจ ดวงศิริจึงทักไลน์ไปถามภูริสว่ามีร้านแนะนำบ้างไหม รุ่นพี่หนุ่มไม่ได้ชอบกินเค้ก แต่เขามีทางออกให้เธอเสมอในทุกๆ เรื่อง เขาส่งหน้าเพจร้านเบเกอร์รีมาให้ห้าร้าน แต่ดวงศิริก็ยังไม่ชอบอยู่ดี

ทันใดนั้น ไอเดียดีๆ ก็ผุดพร่าง

“รู้แล้ว”

เธอรีบพิมพ์ไปตามที่คิด

ขนมหวาน : พี่ภู หวานจ้างพี่ภูทำได้เปล่า

คำว่า อ่านแล้ว ขึ้นทิ้งระยะครู่ใหญ่ กว่าเขาจะตอบ

ภูริส : ไปจ้างมืออาชีพทำเถอะ

ขนมหวาน : ไม่เอา หวานกลัวไม่อร่อย ฝีมือพี่ภูนี่แหละแน่นอนที่สุด

พี่ภูเคยทำเค้กวันเกิดให้หวาน อร่อยมาก หวานจำได้ แฟนหวานก็ต้องชอบมากแน่ๆ

ครั้งนี้ทำให้อีกนะคะ นะนะนะ สักสามปอนด์กำลังสวย งบไม่อั้นเลย

การสนทนาทิ้งช่วงอีกแล้ว ไม่รู้พี่ภูของเธอทำอะไรยุ่งอยู่ถึงได้ตอบช้า ทุกทีเขาจะอยู่แชตกับเธอก่อน แต่ท้ายที่สุดชายหนุ่มก็ตอบว่า ‘โอเค ตามนั้น’

ดวงศิริร้องเยส ชูหมัดดีใจ มีพี่ภูเหมือนมีทุกอย่าง และเธอเชื่อเหลือเกินว่าเค้กแสนอร่อยฝีมือเขาจะเติมเต็มวันครบรอบของเธอกับพุฒิพงศ์ให้มีแต่ความสุข

 

เมื่อเปลี่ยนตัวเอง โลกก็เปลี่ยนตาม ความเป็นไปของอริสาเริ่มเข้าเค้าตามที่ภูริสบอกไว้ก่อนหน้านี้

หญิงสาวพิมพ์แชตไปขอบคุณแล้วแซวเล่นว่า ‘พี่ภูทำนายแม่นยังกับหมอดูเลยค่ะ’ รุ่นพี่หนุ่มให้กำลังใจมาสองสามประโยค และตบท้ายว่า ‘พี่ไม่ใช่หมอดูหรอก พี่รู้เพราะพี่เป็นผู้ชาย’

ในทุกวันอริสาวิ่งวุ่นบริหารร้านกาแฟเช่นเดิม เพิ่มเติมตรงทำด้วยความสุขและรอยยิ้ม หุ้นส่วนหนุ่มอยู่ในห้องคั่วไม่ค่อยรู้อะไร พนักงานเด็กสาวในร้านจึงสวมบทพิราบส่งข่าว เทียวไปเปรยๆ ว่า

“พี่สกาย ช่วงนี้ร้านเรามีลูกค้าผู้ชายเพิ่มขึ้นเยอะเลยค่ะ”

ช่วงแรกเขาเห็นเป็นเรื่องน่ายินดี แต่พอนกพิราบตัวที่สอง ตัวที่สาม มาย้ำเรื่องนี้ซ้ำๆ ก็ชักตงิดใจ

“คุณทหารคนนั้นมาซื้อกาแฟพี่อิ๋มทุกวันเลยค่ะ”

“คุณทนายคนนี้มานั่งกินครอฟเฟิลที่ร้านเกือบทุกวัน ชอบชวนพี่อิ๋มคุยด้วย”

ฝูงนกพิราบฟ้องกันสนุกปาก ชายหนุ่มตอบแค่อืมแล้วไปนั่งที่โต๊ะทำงาน ตรวจออเดอร์ออนไลน์ หันหลังให้ทุกคน

กลุ่มพนักงานเด็กสาวจึงกลับออกมาเงียบๆ อมยิ้มกระซิบกระซาบคิกคัก บางทีเรื่องที่พวกเธอสงสัยมาตลอดอาจเกิดขึ้นจริงในเร็ววันนี้

กระทั่งค่ำวันหนึ่งที่อริสาต้องปิดร้านช้ากว่าปกติเกือบชั่วโมง เนื่องจากลูกค้าหนุ่มในชุดหนังขี่ฮาเล่ย์เดวิสันมาดื่มกาแฟสดที่ร้านยังไม่ยอมกลับ ชวนคุยอยู่เป็นนานสองนาน พอฮาเล่ย์คำรามบรืนๆ พ้นรั้วไปแล้ว สกายก็ผลักประตูร้านเข้ามา ถามห้วนว่า

“สรุปว่าทุกวันนี้มาทำงานหรือมาทำอะไรฮะ”

อริสาผงะ เกือบเผลอโพล่งไปตามความเคยชินว่า อ้าว ก็มาทำงานดิวะ ถามได้ ดีที่ยั้งปากไว้ทัน

หญิงสาวเอะใจบางอย่าง เมื่อครู่ในร้านมีเธอกับลูกค้าแค่สองคน สกายอยู่ในห้องทำงาน แล้วทำไมเขาถึงหงุดหงิดขนาดนี้ทั้งที่ไม่น่าจะเห็นอะไร

คิดได้อย่างเดียวว่า สกายต้องแอบดูเธอกับลูกค้าจากกล้องวงจรปิดแน่ๆ หญิงสาวยิ้มอ่อนหวานสู้กับหน้าบึ้งๆ ของหุ้นส่วนหนุ่ม ตอบว่า

“เอ ทำไมล่ะ ทุกอย่างก็ปกติดีนะ เธอมีอะไรไม่พอใจเราหรือเปล่า”

“ก็เห็นชอบคุยแต่กับผู้ชาย”

ชั่ววูบหนึ่ง หญิงสาวเกือบตอบไปว่า ก็ลูกค้าชวนคุย จะให้ทำไง แต่หน้าหล่อๆ ของภูริสลอยมาขวางทัน จึงยิ้มอีกครั้งแล้วตอบเสียงนุ่มว่า

“เราคุยกับทุกคนแหละนะ ยิ้มแย้มแจ่มใส ลูกค้าจะได้เข้าร้านเยอะๆ ไม่ดีเหรอ”

นายสกายสะบัดหน้าหนี จ้ำไปปิดหน้าต่าง เช็ดล้างซิงก์ ไม่พูดอะไรด้วยอีก อริสาไม่ค่อยเข้าใจอาการของเพื่อนหนุ่มเท่าไร แต่คิดว่าดีแล้วที่วันนี้ไม่ทะเลาะกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องเหมือนเมื่อก่อน

 

วันต่อมา จู่ๆ สกายก็ถามว่า

“หัดคั่วไหม เราสอนให้ เดี๋ยวพอทำได้แล้วเราผลัดกัน เราอยู่คาเฟ่เอง เธอคั่ว”

ฝูงนกพิราบที่ชงกาแฟ โกโก้ อบครอฟเฟิลกันอยู่หลังเคาน์เตอร์ซุบซิบยุกยิก กระเซ้ากันว่าพี่สกายอยากซ่อนพี่อิ๋มไว้หลังร้าน ไว้เชยชมคนเดียว อริสากลั้นยิ้มเต็มความสามารถ ตอบตาใสว่า

“อืม ก็ได้นะ ในห้องคั่วมันร้อน ผลัดกันบ้างก็ดีเหมือนกัน เธอจะได้ไม่ต้องเหนื่อยคนเดียวเนอะ”

สกายไม่ตอบอะไร แต่ก็ไม่สอนเธอคั่วเมล็ดกาแฟสักที นำกระบอกน้ำเก็บความเย็นมาเติมน้ำแข็งแล้วก้าวยาวกลับเข้าห้องคั่วไปเงียบๆ

 

สบจังหวะเหมาะในคืนหนึ่ง อริสาโทรศัพท์มาเล่าความคืบหน้าให้ดวงศิริฟัง

“แก แบบนี้ใช่ไหมวะ มันหึงฉันใช่หรือเปล่า”

“ชัดเลย ทั้งหึงทั้งหวง ว่าแต่…” ดวงศิริทิ้งตัวลงบนเตียงนอน “ลูกค้าที่มาจีบแกน่ะ ไม่สนใจบ้างเหรอ มันน่าจะมีคนที่ดีกว่าไอ้สกายเข้ามาบ้างนะ”

“จริงๆ ก็ดีแหละ คนหนึ่งขับบีเอ็ม อีกคนสวมชุดสูท แต่ฉันไม่สนใจหรอก ฉันชอบคนสวมผ้ากันเปื้อน”

ดวงศิริเบ้ปากจนจะเป็นตะคริว ก่อนหัวเราะขำ

“จ้ะ รู้แล้วจ้ะ”

 

วันต่อมา ขณะที่อริสากับสกายพักกินมื้อกลางวันด้วยกัน หญิงสาวเอ่ยขึ้นว่า

“เธอ มีลูกค้าคนหนึ่งเป็นเจ้าของร้านอาหารไฟน์ไดนิง เขาชวนเราไปกินข้าวด้วย บอกว่าเพิ่งรับเชฟใหม่มาจากฝรั่งเศสเลยชวนไปลองฝีมือ เธอว่าเราไปดีไหม”

คนที่ชวนมากินก๋วยเตี๋ยวเรือหมูน้ำตกชะงักตะเกียบ เหลือบตามองขวางๆ

“อยากไปก็ไปสิ ถามทำไม”

อริสาแตะข้างแขนเขาเบาๆ

“เธอไปด้วยกันไหม”

“แล้วใครจะดูร้าน”

“อืม งั้น เราจะลองไปกินดูก่อน ถ้าอร่อยจริงอย่างที่ลูกค้าบอก ไว้เราไปด้วยกันนะ”

สกายถอนใจอย่างไม่ปิดบัง หน้าแดงก่ำขึ้น อริสาสงสัยว่าก๋วยเตี๋ยวของเขาเผ็ดเกินไปหรือเปล่า

“ไม่อะ อยากไปก็ไปเลย งานน่ะจะไม่ทำแล้วก็ได้นะ ถ้าไม่มีใจอยากทำก็ไม่ต้องมาที่ร้านอีก”

อริสาอึ้งไป ในใจร้องว่า เฮ้ย ทำไมพูดงี้วะ แต่ยังระงับปากไว้ได้ เดี๋ยวนี้เธอพูดเพราะกับเขาแล้ว และตั้งมั่นว่าจะให้เกียรติทั้งต่อหน้าและลับหลัง

แต่คนที่เธอตั้งใจจะทำดีด้วยนี่สิ จู่ๆ ก็มึนตึงใส่ ไม่พูดด้วย ไม่มองหน้าเธอเฉยเลย หนักยิ่งไปกว่านั้น เขาลาพักร้อนไม่บอกเธอด้วย

“พี่สกายเขาหึงแหละพี่อิ๋ม อาการแบบนี้ชัวร์เลย”

น้องๆ พนักงานที่ร้านสรุปรวดเดียวจากที่สังเกตกันมานาน

“ไปง้อเร็วค่ะ”

ง้อเหรอ ไปที่ไหนดีล่ะ หญิงสาวพยายามนึก บางทีนายสกายอาจอยู่ที่บ้าน หรือพกโน้ตบุ๊กไปนั่งทำงานที่ไหนสักแห่ง หรืออาจอยู่คอนโดฯ ของพวกเพื่อนสนิทของเขาก็เป็นได้ อริสากำลังจะโทร.หา แต่น้องบาริสต้าชิงบอกก่อนว่า

“พี่สกายไปพูลวิลล่าหัวหินสามวันสองคืนค่ะ”

เด็กสาวส่งโทรศัพท์ให้ดู เป็นหน้าแชตที่มีภาพการจองที่พักที่ระบุชื่อรีสอร์ต วันที่เข้าพักและออกชัดเจน มีข้อความของสกายพิมพ์ถึงน้องว่า

ฝากร้านด้วยนะ พี่จะพักผ่อนที่นี่สักพัก

พูลวิลล่าบรรยากาศหรูหราและร่มรื่น มีสระว่ายน้ำส่วนตัวที่มองออกไปเห็นทิวทัศน์ทะเลหัวหินเต็มสายตา อริสาอึ้งไป คนเย็นชาบทจะงอนทีหนึ่งไม่นึกเลยว่าจะเล่นใหญ่ขนาดนี้

“พี่อิ๋มตามไปเร็วค่ะ”

“รีบไปเลยค่ะ ไม่ต้องห่วงที่ร้าน พวกหนูจะจัดการอย่างดีค่ะ”

“เตรียมชุดว่ายน้ำสวยๆ ไปด้วยนะคะ”

แก๊งพิราบสามสาวน้อยคะยั้นคะยอหนัก อริสายังตั้งตัวไม่ค่อยทัน แต่ก็ต้องรีบออกจากร้านไปเพราะถูกน้องๆ ต้อนไปถึงประตูรถยนต์ จนกระทั่งขับออกมาสักพักจึงเพิ่งรู้ตัวว่า เจ้าของร้านอย่างเธอถูกพวกลูกน้องไล่ออกจากร้านมาซะแล้ว



Don`t copy text!