ฤทัยยักษ์ บทที่ 10.2 : เจ้าชู้ยักษ์

ฤทัยยักษ์ บทที่ 10.2 : เจ้าชู้ยักษ์

โดย : เวฬุวลี

Loading

ฤทัยยักษ์ โดย เวฬุวลี นวนิยายที่อ่านเอานำมาให้อ่านออนไลน์ที่ anowl.co กับเรื่องราวของ ‘ฤทัยมาศ’ ตำรวจสาวที่ต้องเข้าไปสืบคดีที่เชื่อมโยงกับอดีตของเธอที่มีร่วมกับยักษ์หนุ่มจากวัดโพธิ์นามว่า ‘แสงอาทิตย์’ และยังไปเกี่ยวพันกับเบื้องลึกเบื้องหลังของศึกยักษ์วัดโพธิ์กับยักษ์วัดแจ้งที่เล่าขานกันมาเนิ่นนาน

 

กิริยาของคนทั้งคู่อยู่ในสายตาของพญาขรที่มองมาจากระเบียง ยักษ์เฒ่าแน่ใจว่าถึงในตอนนี้ ฤทัยมาศจะยังจำความสัมพันธ์ครั้งเก่าก่อนระหว่างหล่อนกับแสงอาทิตย์ไม่ได้ แต่ความผูกพันบางอย่างก็กำลังก่อตัวขึ้นอีกครั้ง

เมื่อแสงอาทิตย์กลับเข้ามาที่ห้อง และเดินออกไปที่ระเบียง ขรเลยถือโอกาสคุยกับแสงอาทิตย์ผู้เป็นลูกชาย

“แสงอาทิตย์…เจ้ารู้ตัวใช่มั้ยว่าเจ้าทำอะไรอยู่”

ผู้เป็นลูกชะงัก เมื่อได้ยินประโยคนั้นจากพ่อ

“เจ้าบอกว่าเจ้าต้องการสืบเรื่องที่มีคนขโมยเอาแว่นแก้วสุรกานต์ออกมาฆ่าคน แต่พ่อสงสัยว่าเรื่องนี้จะเป็นแค่ข้ออ้าง…ที่เจ้าต้องการอยู่กับผู้หญิงคนนั้น”

“พ่อ…เรื่องระหว่างข้ากับฤทัย มันจบไปแล้ว และนางก็จำข้าไม่ได้”

“เจ้าอาจจะหลอกคนอื่นได้แสงอาทิตย์ แต่เจ้าหลอกพ่อไม่ได้”

แสงอาทิตย์เงียบไม่เอ่ยอะไรต่ออีก

“มีเรื่องหนึ่งที่พ่ออยากให้เจ้ารับปาก เจ้าจะสัญญากับพ่อได้ไหมแสงอาทิตย์”

พญายักษ์เจ้าเมืองโรมคัลถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจังยิ่งกว่าครั้งไหน แสงอาทิตย์รู้ดีว่าพ่อต้องการอะไร

“หลังจากเรื่องนี้จบลง พ่ออยากให้เจ้าเข้าพิธีถอดดวงใจ…ถึงเวลาแล้วที่เจ้าจะละวางเรื่องต่างๆ ในอดีตเสียที ถือว่าเป็นคำขอร้องครั้งสุดท้ายของพ่อ”

แสงอาทิตย์นิ่งเงียบไปนาน แต่เมื่อเห็นน้ำตาที่คลอที่คลออยู่ในดวงตาของยักษ์ผู้เป็นพ่อ เขาก็ตัดสินใจที่จะเอ่ยสัจจะวาจา

“ข้าสัญญา ถ้าเรื่องนี้จบลง ข้าจะถอดดวงใจ…”

คำสัญญานั้นดับความกังวลในใจของพญาขร ยักษ์สองพ่อลูกเดินกลับเข้าไปในห้องโดยไม่รู้ว่าในระเบียงห้องข้างๆ นั้นมีร่างของผู้หนึ่งที่ได้ยินบทสนทนาโดยตลอด

ฤทัยมาศยืนนิ่งงันอยู่ที่ระเบียงนอกห้อง หล่อนว่าจะมาสูดอากาศสักพัก แต่กลับได้ยินบทสนทนาของสองพ่อลูกโดยไม่ตั้งใจ

ถึงแม้จะไม่เข้าใจบทสนทนาทั้งหมด แต่หญิงสาวแน่ใจว่าบทสนทนานั้นเอ่ยถึงหล่อน…ผู้ที่แสงอาทิตย์ยอมรับว่ามีอดีตบางอย่างร่วมกันกับเขา

เธอเคยเจอเขามาก่อนงั้นหรือ หลายครั้งหลายหนที่พูดคุยกัน ยักษ์หนุ่มก็มักจะเผลอพูดบ่อยๆ ถึงเรื่องนี้

แล้วทำไมหล่อนถึงลืมเขาไปเสียสนิท เขาไม่ใช่คนธรรมดา ถ้าหล่อนเคยเจอเขามาก่อน ก็ควรจะจำเขาได้บ้างไม่ใช่เหรอ

แล้วยังเรื่องถอดดวงใจนั่นอีก แปลว่าอะไรกัน ทำแล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับแสงอาทิตย์งั้นเหรอ

ฤทัยมาศได้แต่ว้าวุ่นในใจอยู่จนค่อนคืน มีคำถามมากมายที่หญิงสาวไม่อาจจะตอบได้ และก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหล่อนควรจะถามแสงอาทิตย์เพื่อไขความกระจ่างให้กับหล่อนดีหรือไม่

 

มาร์โคโปโลพามัยราพณ์กับสัทธาสูรไปในผับแห่งหนึ่งของเมืองพัทยา รูปร่างสูงใหญ่ของทั้งสามสะดุดตาหลายคนในผับแห่งนั้น ใบหน้าลูกครึ่งตะวันตกของมาร์โคโปโลดึงดูดสาวๆในตอนแรก จนเมื่อหนุ่มตุ๊กตาหินพยายามเอ่ยปากโอ้อวดเรื่องของตน

“จริงๆ ผมน่ะไม่ได้ชื่อมาร์ค…ชื่อผมคือมาร์โคโปโล เคยได้ยินมั้ยมาร์โคโปโลที่เป็นนักเดินทางไปไกลทั่วโลก”

สาวๆ ที่นั่งอยู่ทำท่าตื่นเต้น ชม้อยชม้ายชายตาให้หนุ่มตุ๊กตาหินเล่าเรื่องของตนต่อ “อย่างนี้คุณคงได้ไปเที่ยวมาแล้วหลายที่แน่ๆ เลยใช่มั้ยคะ ยุโรป อเมริกา ไปมากี่ที่แล้วคะ”

มาร์โคโปโลเริ่มอึกอัก ที่จริงแล้ว หนุ่มตุ๊กตาหินใช้ชีวิตเกือบตลอดทั้งชีวิตอยู่ในวัดโพธิ์ และเพิ่งได้มีโอกาสมาเที่ยวต่างจังหวัดครั้งนี้เป็นครั้งแรก

“เอ่อ…ยังครับ ว่าจะไปอยู่เหมือนกัน”

“แล้วเคยไปญี่ปุ่น เกาหลี ฮ่องกง มั้ยคะ”

หนุ่มตุ๊กตาหินยังอึกอักไปต่อไม่ถูก บรรดาหญิงสาวเริ่มเห็นท่าว่าเขาขี้โม้และดูจะไม่กระเป๋าหนักเพียงพอก็หมดความสนใจในตัวเขา ต่างพากันเดินกลับโต๊ะไปในที่สุด

มาร์โคโปโลเซ็ง หันไปสะกิดยักษ์จากวังบาดาลที่นั่งใกล้กัน “ช่วยข้าหน่อยมัยราพณ์”

“จะให้ช่วยยังไง”

“ก็เจ้าเก่งเวทมนตร์คาถานักไม่ใช่เหรอ ช่วยเสกคาถามหาเสน่ห์สักสองสามบทให้สาวๆ พวกนี้หันมาสนใจข้าหน่อย”

สัทธาสูรที่ก็อยากให้สาวๆ มารุมล้อมเหมือนเดิม รีบสนับสนุน “เห็นแก่ความเป็นเพื่อน เจ้าก็ช่วยมาร์โคโปโลหน่อยสิมัยราพณ์”

พญายักษ์จากวังบาดาลทนเสียงรบเร้าไม่ได้ เขาพึมพำมนตร์สองสามบทก่อนที่จะเป่ามนตร์ออกไป

หญิงสาวที่เมื่อครู่เดินผละไปอีกโต๊ะ รู้สึกเหมือนมีสายลมบางอย่างพัดผ่าน ก่อนที่ทุกคนจะเดินกลับมาที่โต๊ะของสองยักษ์และหนุ่มตุ๊กตาหินดังเดิม

มาร์โคโปโลยิ้มกว้าง แต่แล้วก็ชะงัก เมื่อสาวๆ ที่เขาเล็งไว้หันไปขอเบอร์ติดต่อจากมัยราพณ์แทน

“นี่เจ้าเสกมนตร์อะไรของเจ้ามัยราพณ์ ข้าบอกให้เจ้าเสกคาถามหาเสน่ห์ให้ข้าไม่ใช่เหรอ”

“โทษที” ยักษ์จากวังบาดาลยักไหล่ “สงสัยข้าจะสวดผิดบทไปหน่อย”

และแล้วมัยราพณ์และสัทธาสูรก็ถูกสาวๆ ดึงไปบนฟลอร์เต้นรำ ทิ้งให้หนุ่มตุ๊กตาหินนั่งหน้าเซ็ง พอชักหมดสนุก เขาเลยเดินไปด้านหลังของผับที่เงียบสงบกว่า

หญิงสาวที่นั่งหลบมุมด้านหลังร้านดูคุ้นตาอย่างประหลาด มาร์โคโปโลหันไปมองหลายครั้งจนกระทั่งมั่นใจว่าหล่อนคือคนที่เขาและเพื่อนยักษ์กำลังตามหาอยู่

“เรมี่”

ยูทูบเบอร์สาวชะงัก เงยหน้าขึ้นมามองเขา ถ้าเขาตาไม่ฝาด หล่อนน่าจะเพิ่งผ่านการร้องไห้มาหมาดๆ สีหน้าดูอมทุกข์ ไม่เหมือนกับคนที่ร่าเริงอยู่เสมอเวลาอยู่หน้ากล้อง

มาร์โคโปโลถือวิสาสะเข้าไปนั่งใกล้หล่อนอย่างตื่นเต้น

“ผมติดตามคุณอยู่ ดูทุกคลิปในช่องของคุณ”

รมณมีท่าทางกังวลในตอนแรกที่มาร์โคโปโลมาเห็นหล่อนในมุมที่ไม่อยากเปิดเผยต่อสาธารณะ แต่เมื่อชายหนุ่มแปลกหน้าดูไม่เป็นพิษภัย หล่อนก็เลยเริ่มคุยกับเขามากขึ้น

“ผมเป็นห่วงคุณมากเลยนะครับ ตั้งแต่ตอนที่ได้ยินข่าวเรื่องแฟนของคุณ”

“เหรอคะ คุณไม่ได้คิดเหมือนคนอื่นๆ เหรอว่าฉันอาจจะเป็นคนที่ฆ่าเขา”

“คุณนี่นะ ไม่มีทางหรอกครับ ผมติดตามคุณมาตลอด ผมรู้ดีว่าคุณเป็นคนที่ทั้งสวยทั้งจิตใจดี คนอย่างคุณไม่มีวันทำร้ายใครแน่ๆ”

รมณหัวเราะออกมากับคำชมของชายหนุ่ม แต่ไม่ช้าเสียงหัวเราะนั้นก็ฝาดเฝื่อนและหญิงสาวก็มีน้ำตาอีกรอบ

“อย่าร้องไห้เลยนะครับ คุณมีอะไรก็บอกผมได้”

ตุ๊กตาหินหน้าฝรั่งขยับเข้าไปใกล้ เอามือลูบหลังเพื่อช่วยปลอบใจหล่อน ก่อนจะพบว่าในอีกไม่นาทีต่อมา ก็มีมือหนึ่งที่กระชากเขาจากด้านหลังให้ล้มลงไปกองที่พื้น

ชายอีกคนหน้าตาถมึงทึงผู้เป็นเจ้าของมือที่กระชากเขาให้หล่นจากเก้าอี้ ตะโกนใส่เขาอย่างโกรธจัด “มึงเป็นใคร มายุ่งอะไรกับแฟนกูวะ”

มาร์โคโปโลมึนงง เขาคิดว่ารมณคงจะเสียใจที่แฟนหนุ่มของหล่อนเพิ่งตาย แต่ปรากฏว่าเพียงในไม่กี่วันกลับมีชายหนุ่มอีกคนมาดามใจหล่อนแล้ว แถมชายคนนี้ยังท่าทางโมโหร้ายอีกด้วย

“ไม่มีอะไรครับพี่ ผมเป็นแฟนคลับ มาคุยด้วยเฉยๆ”

“คุยเฉยๆ ห่าอะไร กูเห็นชัดๆ ว่ามึงกำลังจะกอดแฟนกู”

จบประโยคชายคนนั้นก็เหวี่ยงหมัดเข้ามาที่หน้าเขา

“โอ๊ย!”

เสียงนั้นดังมาจากคนชก ไม่ใช่คนถูกชก แทนที่หมัดของเขาจะได้สัมผัสกับผิวหนังอ่อนนุ่ม เขากลับรู้สึกว่าใบหน้าของหนุ่มลูกครึ่งรายนี้แข็งโป๊ก

แข็งเหมือนหินยังไงยังงั้น

“อย่าทำเขา เขาไม่เกี่ยว”

พอเห็นว่ารมณเข้าข้างอีกฝ่ายหนึ่ง ความโกรธของชายหนุ่มก็ถ่ายเทมาสู่หล่อน เขาหันมาหารมณแล้วตบหน้าหล่อนอย่างแรง

มาร์โคโปโลเริ่มโกรธบ้าง ตลอดชีวิตของการเป็นตุ๊กตาหินเฝ้าหน้าประตู เขาไม่เคยกล้าที่จะสู้รบปรบมือกับใคร แต่เขาก็ทนเห็นผู้หญิงถูกทำร้ายไม่ได้ มาร์โคโปโลสวนหมัดเข้าไปที่ฝ่ายตรงข้าม เจอหมัดที่แข็งเป็นหินทำให้ชายหนุ่มถึงกับน็อก ล้มลงทันที

มาร์โคโปโลฉวยโอกาสนั้นจูงมือรมณวิ่งออกไป ก่อนจะไปดึงเพื่อนยักษ์อย่างมัยราพณ์และสัทธาสูรให้ออกจากวงล้อมของสาวๆ ไปด้วยกัน

 



Don`t copy text!