ฤทัยยักษ์ บทที่ 13.2 : หรือจะมีมือที่สาม

ฤทัยยักษ์ บทที่ 13.2 : หรือจะมีมือที่สาม

โดย : เวฬุวลี

Loading

ฤทัยยักษ์ โดย เวฬุวลี นวนิยายที่อ่านเอานำมาให้อ่านออนไลน์ที่ anowl.co กับเรื่องราวของ ‘ฤทัยมาศ’ ตำรวจสาวที่้องเข้าไปสืบคดีที่เชื่อมโยงกับอดีตของเธอที่มีร่วมกับยักษ์หนุ่มจากวัดโพธิ์นามว่า ‘แสงอาทิตย์’ และยังไปเกี่ยวพันกับเบื้องลึกเบื้องหลังของศึกยักษ์วัดโพธิ์กับยักษ์วัดแจ้งที่เล่าขานกันมาเนิ่นนาน

 

ศศินกลับมาที่บ้าน เขาเห็นดวงไฟในบ้านยังส่องสว่างแสดงว่าแม่ของเขายังไม่นอน และเมื่อเดินเข้าไปในห้องรับแขก ก็พบว่ามธุรินมีแขกที่นั่งอยู่กับหล่อน

แขกของแม่เป็นผู้ชายวัยประมาณห้าสิบปีที่หน้าตาดูคุ้นๆ เขาขอตัวกลับทันทีเมื่อเห็นศศินเข้ามา ศศินทักทายแม่สองสามคำก่อนจะขึ้นบันไดไปที่ห้องส่วนตัว แต่มธุรินเรียกเขาไว้ก่อน

“ต้น”

ศศินหันกลับมาดูว่าแม่ของเขามีความประสงค์อะไร ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับแม่ ยากที่จะอธิบายให้คนอื่นเข้าใจ ในหลายครั้ง ศศินรู้สึกว่าเขาเป็นลูกน้องที่รับคำสั่ง มากกว่าที่จะเป็นลูกชาย

“ช่วงนี้…ลูกได้เจอกับฤทัยบ้างมั้ย”

ศศินรีบปฏิเสธในทันที “ไม่ครับคุณแม่…ผมก็รู้เท่าที่ข่าวออก ติดต่อฤทัยไม่ได้เลยเหมือนกัน”

มธุรินสบสายตาของลูกชาย พยายามหยั่งเชิงว่าเขาพูดความจริงหรือไม่ แต่ศศินมักมีสีหน้าเรียบเฉยเมื่ออยู่ต่อหน้าหล่อนจนยากที่จะเดาความรู้สึก

“งั้นลูกก็ไปนอนเถอะ แต่ถ้าฤทัยติดต่อมา ก็บอกแม่ด้วย แม่เป็นห่วงเขา”

หมอหนุ่มเดินขึ้นไปที่ห้อง และไม่นานนัก เขาก็นึกออกขึ้นมาได้ว่าเขาเคยเห็นแขกของแม่ที่ไหน

เขาเห็นผู้ชายคนนี้จากคลิปการแถลงข่าวที่เขาเพิ่งเปิดให้ฤทัยมาศดู นายตำรวจใหญ่ที่แถลงข่าวเรื่องฤทัยมาศ คือแขกของแม่

ปราการมาทำอะไรที่นี่ แล้วตำรวจคนนี้รู้จักกับแม่ของเขาด้วยหรือ หรือจะมาพยายามหาเบาะแสของฤทัยมาศจากมธุริน แต่ถ้าเป็นเช่นนั้น นายตำรวจใหญ่ก็น่าจะเลือกที่มาถามคนที่เป็นแฟนของฤทัยมาศอย่างเขามากกว่า

มีคำถามมากมายที่ศศินไม่อาจหาคำตอบได้ในคืนนั้น รวมทั้งคำถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างฤทัยมาศกับแสงอาทิตย์ผู้ชายที่เขาเจอในวันนี้

 

แสงอาทิตย์ให้ฤทัยมาศมาจอดรถส่งเขาที่บริเวณหน้าวัดอรุณฯ หญิงสาวเงยหน้ามองพระปรางค์วัดอรุณฯ ที่ตั้งตระหง่านอยู่ หล่อนหันไปหายักษ์หนุ่มอย่างไม่แน่ใจ

“แน่ใจเหรอคะว่าคุณจะเข้าไปคนเดียว”

แสงอาทิตย์พยักหน้า “เรื่องทั้งหมดมันเริ่มจากผม ผมอยากจัดการให้จบด้วยตัวผมเอง ไม่ต้องมีใครมาเดือดร้อนด้วยอีก”

เห็นแววตามุ่งมั่นของยักษ์หนุ่มแล้ว ฤทัยมาศก็รู้ว่าหล่อนไม่น่าจะเปลี่ยนใจเขาได้ แสงอาทิตย์ลงจากรถของหล่อน ก่อนเดินตรงไปที่วัดอรุณฯ

หวังว่าสองยักษ์ลุงหลานคงไม่ตีกันจนเกิดเป็นท่าเตียนสองหรอกนะ

ฤทัยมาศภาวนาในใจ หญิงสาวตัดสินใจรออยู่ไม่ไกลจากบริเวณนั้น หล่อนแวะเข้าไปที่ร้านสะดวกซื้อเล็กๆแห่งหนึ่ง เมื่อเห็นว่ามีโทรศัพท์มือถือแบบเติมเงินที่วางขายอยู่ ฤทัยมาศเลยซื้อมาเพื่อใช้โทร.ไปหาแม่ของหล่อน

ทันทีที่รับสายและรู้ว่าเป็นลูกสาวที่โทร.มา ฤดีก็ระงับอาการตื่นเต้นไม่อยู่

“ฤทัย! ลูกเป็นไงบ้าง รู้ไหมว่าแม่เป็นห่วงลูกขนาดไหน ดูข่าวที่พูดถึงลูกวันนี้ แม่แทบจะบ้าตาย”

“อย่าไปเชื่อที่ลุงปราการพูดนะแม่ เรื่องที่เขาพูด มันเป็นเรื่องโกหกทั้งหมด เขาพยายามใส่ความฤทัยกับเพื่อน แล้วเรื่องพ่อ…แม่ก็รู้ใช่มั้ยว่าพ่อไม่ได้ทำแบบที่เขาว่า”

“แม่รู้…แล้วตอนนี้ฤทัยอยู่ไหน”

“ฤทัยบอกแม่ไม่ได้จริงๆ แต่แม่เชื่อนะว่าฤทัยปลอดภัย เพื่อนของฤทัยเป็นคนดี เขาช่วยปกป้องฤทัยอยู่ แล้วเขาก็จะช่วยฤทัยหาคนร้ายที่ฆ่าพ่อ…”

“จะไม่ให้แม่เป็นห่วงได้ยังไง งั้นฤทัยบอกได้มั้ยว่าคนที่ลูกไปกับเขาคือใคร”

ฤทัยมาศลังเล หญิงสาวรู้นิสัยแม่ของหล่อนดี หากพูดอธิบายแค่เพียงครึ่งๆ กลางๆ แม่ของหล่อนก็คงซักไซ้จนกว่าที่จะรู้ความจริง

“แม่…ฟังนะคะ คดีที่พ่อตามสืบ มันเกี่ยวข้องกับยักษ์จริงๆ มีคนเอาอาวุธของยักษ์ที่ชื่อแสงอาทิตย์ออกมาใช้ฆ่าคน แล้วตอนนี้คนที่ฤทัยอยู่ด้วยก็คือ…แสงอาทิตย์”

เสียงปลายสายจากแม่เงียบไป ฤทัยมาศผิดหวัง “แม่ไม่เชื่อฤทัยใช่มั้ยคะ”

ฤดีถอนหายใจ ก่อนเอ่ยออกมา “แม่เชื่อ…นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ที่ฤทัยพูดเรื่องยักษ์แสงอาทิตย์กับแม่”

ตำรวจสาวชะงักไปในทันที “ว่าไงนะคะ ฤทัยเคยมาพูดกับแม่เรื่องแสงอาทิตย์ด้วยเหรอคะ”

“นานแล้ว ตั้งแต่สมัยลูกยังเด็ก อยู่แค่มอต้นเองมั้งตอนนั้น ลูกมาพูดกับแม่ว่าลูกเจอกับคนที่ชื่อแสงอาทิตย์ แล้วลูกก็ปักใจเชื่อว่าเขาคือคนเดียวกับยักษ์แสงอาทิตย์ แม่คิดว่าคนที่ฤทัยไปรอเจอที่ท่าเตียนหลายปี ก็น่าจะเป็นเขาด้วยเหมือนกัน”

ฤทัยมาศนิ่งอึ้ง ทำไมหล่อนถึงไม่เคยระลึกถึงความทรงจำนี้ได้มาก่อนเลย

“แล้วตอนนี้แสงอาทิตย์อยู่ที่ไหน เขาอยู่กับลูกด้วยหรือเปล่า”

“เปล่าค่ะ แสงอาทิตย์เข้าไปหาทศกัณฐ์ที่วัดอรุณ”

“ว่าไงนะ ไปหายักษ์วัดแจ้งงั้นเหรอ”

ฤทัยมาศอธิบายให้แม่ฟังทั้งหมด ทั้งเรื่องที่แสงอาทิตย์เคยทะเลาะกับทศกัณฐ์จนเกิดเป็นศึกยักษ์วัดโพธิ์และยักษ์วัดแจ้งมาแล้วครั้งหนึ่ง และตอนนี้ ทศกัณฐ์ก็มาขโมยแว่นแก้วสุรกานต์ของแสงอาทิตย์ไปเพื่อใช้ฆ่าคน และเพื่อต้องการให้แสงอาทิตย์โดนลงโทษจากพระอิศวรให้ออกจากรูปปั้นไม่ได้อีก

“แม่ว่ามันแปลกๆ นะ” ฤดีพูดขึ้นมา ด้วยหล่อนเคยอ่านรามเกียรติ์หลายรอบจนทะลุปรุโปร่ง

“ทศกัณฐ์ไม่น่าทำแบบนี้ อาวุธของทศกัณฐ์มีตั้งมากมาย จะใช้หอกกบิลพัทฆ่าแสงอาทิตย์ก็ทำได้ ทำไมต้องเสียแรงวางแผนมาเอาแว่นแก้วสุรกานต์ไปด้วย”

“ฤทัยก็ว่านี่ไม่ใช่นิสัยของทศกัณฐ์ แม่ก็คิดเหมือนกับฤทัยใช่มั้ยคะ”

มารดาของหล่อนเงียบไปสักพัก ก่อนเอ่ยปาก “หรือว่า…เป็นเหมือนคราวองคต”

“ยังไงนะคะแม่”

“ก็องคตแปลงกายไปเอาแว่นแก้วสุรกานต์มาจากพระพรหม…งั้นก็อาจจะมีใครที่มีฤทธิ์เหมือนกัน แปลงกายเพื่อปั่นหัวพวกยักษ์ให้สู้กันเองก็ได้”

ฤทัยมาศชะงัก คำพูดของฤดีเหมือนเป็นตัวต่อชิ้นสุดท้ายที่ทำให้หล่อนเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด หญิงสาวบอกลาแม่ก่อนรีบวางโทรศัพท์ ขึ้นรถขับไปทางวัดอรุณฯ ในทันที ภาวนาให้หล่อนไปทันก่อนที่ศึกระหว่างยักษ์วัดโพธิ์กับยักษ์วัดแจ้งจะเกิดขึ้นอีกรอบ

 

 

 



Don`t copy text!