ฤทัยยักษ์ บทที่ 14.2 : ศึกยักษ์วัดโพธิ์กับยักษ์วัดแจ้ง (อีกหน)

ฤทัยยักษ์ บทที่ 14.2 : ศึกยักษ์วัดโพธิ์กับยักษ์วัดแจ้ง (อีกหน)

โดย : เวฬุวลี

Loading

ฤทัยยักษ์ โดย เวฬุวลี นวนิยายที่อ่านเอานำมาให้อ่านออนไลน์ที่ anowl.co กับเรื่องราวของ ‘ฤทัยมาศ’ ตำรวจสาวที่้องเข้าไปสืบคดีที่เชื่อมโยงกับอดีตของเธอที่มีร่วมกับยักษ์หนุ่มจากวัดโพธิ์นามว่า ‘แสงอาทิตย์’ และยังไปเกี่ยวพันกับเบื้องลึกเบื้องหลังของศึกยักษ์วัดโพธิ์กับยักษ์วัดแจ้งที่เล่าขานกันมาเนิ่นนาน

ฤทัยมาศพยายามดิ้นรนเพื่อว่ายขึ้นไปเหนือผิวน้ำ แต่ดูเหมือนยิ่งดิ้นรน น้ำหนักของน้ำก็ยิ่งทับมาบนตัวของหล่อนจนหญิงสาวเริ่มหมดแรง

ในห้วงแห่งความเป็นความตายนั้น ฤทัยมาศเหมือนได้ยินเสียงเรียกชื่อหล่อนอยู่ไกลๆ เสียงนั้นทำให้ภาพบางอย่างผุดขึ้นมาในมโนสำนึก ภาพที่ฝังลึกอยู่ในความทรงจำที่พร่าเลือน

ภาพที่หล่อนเดินเข้าไปถ่ายรูปยักษ์วัดโพธิ์ ก่อนจะได้ยินเสียงจากใครบางคน

‘หลงทางเหรอ’

ฤทัยมาศหันไปมอง หล่อนยังจำได้ถึงดวงตาสีนิลที่มองตรงมายังหล่อน

จำได้ถึงครั้งแรกที่หล่อนถามชื่อของเขา ก่อนที่เขาจะตอบกลับมา ‘ฉันชื่อแสงอาทิตย์’

แล้วภาพมากมายก็ผุดพรายขึ้นมาอีก ภาพที่เขาพาหล่อนเข้าไปในโลกของเขา โลกที่มีสิงโตหินและฤๅษีดัดตนเคลื่อนไหวได้ โลกที่บรรดารูปปั้นตุ๊กตาหินมาร่ายรำเล่นอุปรากรจีนให้หล่อนดู

เขานั่นเอง…เป็นเขาเองที่หล่อนรอคอยมาตลอด เป็นเขานั่นเองที่หล่อนทำพลัดหล่นหายไปจากความทรงจำ

ฤทัยมาศเริ่มหยุดดิ้นรน หล่อนรู้สึกเหนื่อย จนอยากปล่อยตัวไปกับกระแสน้ำ บางทีนี่อาจจะเป็นวาระสุดท้ายของหล่อนก็ได้มั้ง หล่อนถึงจดจำทุกอย่างได้อีกครั้ง

ขอโทษด้วยนะแสงอาทิตย์ ขอโทษที่ฉันลืมคุณไป

หากมีโอกาสอีกครั้ง หล่อนคงจะพูดกับเขาแบบนี้ ฤทัยมาศคิดขณะที่สติกำลังจะวูบดับลง

เหมือนหล่อนกำลังอยู่ในห้องที่ค่อยๆ มืดลงทุกขณะ แต่แล้วกลับมีมือหนึ่งที่เอื้อมมาฉุดหล่อนไว้ ไม่ให้ร่วงหล่นไปในความมืดเวิ้งว้างอนธการด้านล่าง

มือนั้นเองที่ดึงหล่อนให้ขึ้นมาเหนือผิวน้ำอีกครั้ง ก่อนพร่ำเรียกหล่อนด้วยเสียงที่คุ้นเคย

“ฤทัย! ได้ยินผมมั้ยฤทัย”

แสงอาทิตย์ดึงตัวฤทัยมาศขึ้นมาบนฝั่ง ใจของยักษ์หนุ่มเต้นระรัว กลัวประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย พญายักษ์เคยพบความตายมามากมายนับไม่ถ้วนระหว่างสงคราม แต่ไม่มีความตายไหนที่ทำให้เขาเสียใจมากเท่ากับความตายของคนที่เขารัก…ความตายที่มีเขาเป็นต้นเหตุ

ร่างของเฟืองมายเย็นแล้วในตอนที่เขาพบ แต่ร่างของฤทัยมาศในอ้อมกอดของเขายังอุ่นอยู่ แสงอาทิตย์ภาวนาขอให้เขาได้มีโอกาสครั้งที่สอง

“ลืมตาก่อน ลืมตามองผมก่อนฤทัย!”

ยักษ์หนุ่มกอดหญิงสาวไว้ ก่อนก้มลงจูบหล่อน หวังให้ความร้อนที่มีอยู่ในตัวของเขาจะทำให้ตัวของหญิงสาวอุ่นขึ้น

ฤทัยมาศสำลักน้ำออกมา ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองยักษ์หนุ่มด้วยแววตาที่แตกต่างไปจากเดิม

“แสงอาทิตย์…”

 

ศศินได้รับสายโทรศัพท์จากฤทัยมาศในเช้ามืดของวันนั้น แต่คนที่โทร.มากลับเป็นแสงอาทิตย์ ที่แจ้งเขาว่าฤทัยมาศจมน้ำ และตอนนี้ยังไม่ฟื้นคืนสติดี นายแพทย์หนุ่มตกใจมากและขอให้แสงอาทิตย์พาฤทัยมาศไปที่คลินิกของเขา

พอไปถึงที่หน้าคลินิก หมอหนุ่มก็เห็นว่าแสงอาทิตย์อุ้มฤทัยมาศไว้อยู่ในอ้อมแขน เขารีบพาฤทัยมาศเข้ามาปฐมพยาบาลในห้องของคลินิก

ใช้เวลาอยู่อีกพักใหญ่กว่าฤทัยมาศจะฟื้นคืนสติเต็มที่ หล่อนมองหน้าศศินและแสงอาทิตย์ที่มองด้วยความเป็นห่วง แต่หญิงสาวกลับเลือกที่จะจับมือแสงอาทิตย์ไว้

“แสงอาทิตย์…ฉันขอโทษนะ”

ยักษ์หนุ่มยังไม่เข้าใจความหมายของหญิงสาวจนกระทั่งเธอเอ่ยต่อมา

“ฉันขอโทษที่ฉันลืมคุณไป ตอนนี้ฉันจำได้หมดแล้ว ฉันจำคุณได้แล้วแสงอาทิตย์”

ฤทัยมาศพยุงตัวลุกขึ้น ก่อนซบลงไปในอ้อมกอดของแสงอาทิตย์ ศศินได้แต่มองอย่างเงียบงัน เมื่อรู้ตัวว่าเขาไม่ได้เป็นคนแรกที่ฤทัยมาศคิดถึงอีกต่อไป

 

ศศินกลับมาที่บ้านอีกครั้งในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ชายหนุ่มทรุดนั่งลงที่โซฟา รู้สึกหมดเรี่ยวแรงที่จะทำสิ่งใดต่อ คำพูดของฤทัยมาศ คนรักที่ตอนนี้กลายเป็นอดีตไปแล้ว ยังคงก้องอยู่ในหูของเขา

‘ฤทัยขอโทษจริงๆ พี่ต้น’ หญิงสาวมองเขาด้วยความรู้สึกผิด ‘แต่เขา…แสงอาทิตย์เป็นคนที่ฤทัยรอ พี่ต้นจำได้มั้ยว่าฤทัยเคยเล่าให้พี่ฟังว่าฤทัยรู้สึกมาตลอดว่าเหมือนกำลังรอใครบางคนอยู่ แต่นึกไม่ออก ตอนนี้ฤทัยจำได้แล้วว่าคือเขา…เขาเป็นรักครั้งแรกของฤทัย’

‘เขาเป็นรักครั้งแรก…หรือเป็นคนที่ฤทัยยังรักอยู่’ ศศินจำได้ว่าเขาถามฤทัยมาศแบบนั้น

หญิงสาวนิ่งไป ก่อนเอ่ยบอกความจริงที่โหดร้าย ‘ฤทัยก็ยังไม่แน่ใจ แต่ฤทัยไม่อยากให้พี่ต้นต้องมารอคำตอบจากฤทัย…’

ความสัมพันธ์เนิ่นนานระหว่างเขาและหล่อนจบลงง่ายๆ ด้วยประโยคนั้น ก่อนที่ฤทัยมาศจะจากไปพร้อมกับแสงอาทิตย์

มธุรินลงมาเจอกับลูกชายที่นั่งนิ่ง หล่อนคิดว่าเขาคงยังตกใจกับข่าวที่ฤทัยมาศตกไปในแม่น้ำเจ้าพระยา เลยพูดปลอบประโลม “ต้น…แม่ว่าลูกทำใจซะเถอะนะ หลายชั่วโมงแล้วยังค้นไปเจอแบบนี้ แม่คิดว่าเราคงหมดหวังที่จะได้เจอฤทัย…”

ศศินหันมามองมารดาด้วยสายตาเย็นชา “คุณแม่พูดเรื่องอะไร”

“ลูกยังไม่เห็นข่าวเหรอ เมื่อคืนมีแผ่นดินไหวแถวเจ้าพระยา แล้วฤทัยก็ตกลงไปในแม่น้ำ กู้ภัยยังตามหาไม่เจอ แม่ถึงบอกให้ลูกทำใจ”

ศศินโกรธ มากกว่าความโกรธคือความสะอิดสะเอียนกับอาการหน้าอย่างใจอย่างของมารดา ในใจเขารู้ดีว่ามธุรินไม่ได้ใส่ใจว่าฤทัยมาศจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่

“ฤทัยไม่ได้ตาย! หรือคุณแม่อยากให้ตาย!”

มธุรินมีสีหน้าเรียบเฉย หล่อนไม่ได้ตกใจกับท่าทางแข็งข้อของลูกชาย แต่ปรามด้วยเสียงอันเยียบเย็น “ต้น…ลูกพูดอะไร แม่จะอยากให้ฤทัยตายไปทำไมกัน”

ศศินมองมารดาด้วยสายตาคลางแคลงใจ “ก่อนหน้านี้คุณแม่บอกเป็นห่วงฤทัย ทำไมตอนนี้กลับให้ผมทำใจเรื่องฤทัยง่ายๆ”

“ก็เพราะแม่คิดว่ามันไม่มีประโยชน์น่ะสิที่จะไปคร่ำครวญถึงคนที่ตายไปแล้ว” มธุรินพูดด้วยเสียงเย็นชาดุจเดิม “แล้วอย่าพูดกับแม่ด้วยเสียงแบบนี้อีก แม่เป็นคนเลี้ยงแกมา ถ้าไม่มีแม่ แกคงไม่ได้อยู่สุขสบายแบบทุกวันนี้”

“ผมรู้” นายแพทย์หนุ่มพูดด้วยเสียงอันขมขื่น “ผมรู้ว่าผมเป็นหนี้ชีวิตคุณแม่ ผมถึงพยายามตอบแทนทุกอย่าง คุณแม่ต้องการให้ผมทำอะไร ผมก็ทำ คุณแม่ต้องการให้ผมไปใกล้ชิดฤทัย ผมก็ไป…จนผมรักฤทัยเข้าจริงๆ”

มธุรินชะงัก หันมามองลูกบุญธรรมที่มีแววตาเจ็บปวด

“แต่ตอนนี้เขาไม่ต้องการผมแล้ว” ความเสียใจทำให้ศศินพูดอย่างหมดเปลือก “ผมเจอฤทัยวันนี้ เขายังไม่ตาย…แต่เขามาบอกเลิกกับผม”

มธุรินนิ่งงัน ไม่คาดคิดกับคำตอบนั้น ศศินทนไม่ได้ที่จะอยู่ใกล้มารดาอีกต่อไป เขาลุกเดินจากไปโดยไม่หันมามองมธุรินอีกเลย

 

 

 



Don`t copy text!