ชมา 5 ชีวิต บทที่ 10.2 : คู่แข่งที่ไม่รู้ว่ามีอยู่

ชมา 5 ชีวิต บทที่ 10.2 : คู่แข่งที่ไม่รู้ว่ามีอยู่

โดย : คีตาญชลี แสงสังข์

Loading

ชมา 5 ชีวิต เรื่องราวของลูกแมวขาวดำทักซิโด้ที่ได้ไปเจอเจ้าของในชาติที่แล้วและชาติที่สอง รวมถึงชาติที่หนึ่ง แถมยังพบว่าแขกที่มาเที่ยวฟาร์มเสตย์ก็ดันเป็นเจ้าของตัวมันในชาติที่สาม! ชมารู้ทันที่ว่าเรื่องไม่ธรรมดากำลังจะเกิดขึ้น! พบกับนวนิยายเรื่อง ชมา 5 ชีวิต โดย คีตาญชลี แสงสังข์ ที่อ่านเอานำมาให้ทุกคนได้อ่านใน anowl.co

แฟนต้าและโอกลับเข้าบ้านมาตอนหัวค่ำ ราวกับพวกเขามาพร้อมปีศาจน้ำแข็งเพราะอุณหภูมิร้อนแล้งเมื่อตอนกลางวัน เปลี่ยนเป็นเย็นเฉียบขึ้นมาทันทีทันใดเมื่อดวงอาทิตย์ลาโลกไปแล้ว

ตอนนั้นโตและเป้อาบน้ำจนหอมฟุ้ง พวกเขานั่งอยู่บนโต๊ะอาหารด้านในสุดของอาคารส่วนกลาง ด้านหลังเป็นเคาน์เตอร์ชงกาแฟที่ใช้ทั้งรับลูกค้าห้องพักและรับออร์เดอร์เครื่องดื่ม ส่วนฟ้าใสกำลังเหลาก้านมะพร้าวเพื่อใช้ร้อยดอกมะลิ โอมักจะร้อยดอกมะลิเป็นแส้ยาวเพื่อใช้ปักลงแจกันสำหรับวางในห้องพัก สีขาวที่พุ่งออกมาจากปากแจกันนับสิบเส้นดูคล้ายกับสายน้ำพุ ทั้งสวยทั้งหอม ผมชอบไปเขี่ยเล่น โอไม่เหมือนต้นกล้า นอกจากจะไม่ว่าผมแล้วยังยกบางเส้นให้ผมแต่โดยดี

โตและเป้เงยหน้าขึ้นมาทักโอและแฟนต้านิดหนึ่ง ก่อนจะหันกลับไปสนใจหน้าจอโน้ตบุ๊กต่อ พวกเขากำลังช่วยกันวาดแปลนโคกหนองนาในพื้นแคบยาวขนาด 5 ไร่ แปลงหนึ่งอยู่

งานอดิเรกของโตคือการให้คำปรึกษาทางไกลกับพวกนักขุดดิน พวกนั้นจะส่งข้อความเข้าเพจโอโตซังฟาร์มสเตย์ เพื่อขอให้โตช่วยดูแบบแปลนที่ดินตามระบบ โคก-หนอง-นา ที่พวกเขาออกแบบมา โตจะใช้โปรแกรมสเกตช์อัปขึ้นแบบแล้วส่งกลับไป พร้อมคำแนะนำเท่าที่เขาสามารถทำได้

ผมมองเขา ภาพของลูกเสือสำรองตัวน้อยลอยวนเข้ามา โตนั้นมีพี่ชายอายุห่างกัน 3 ปีซึ่งก็คือพ่อของแฟนต้า ขณะที่โตต้องสวมชุดลูกเสือสำรองตอนอยู่ชั้น ป.2 นั้น พี่ชายของเขาซึ่งอยู่ชั้น ป.5 ได้สวมชุดลูกเสือสามัญแล้ว

โตมองชุดลูกเสือของพี่ด้วยประกายตาวิบวับ ชุดสีกากีเหมือนเครื่องแบบคุณครู บนบ่ามีอินทรธนู รอบคอคล้องผ้าสีเหลือง หมวกปีกที่พับขึ้นด้านขวาติดหน้าเสือโลหะแยกเขี้ยว ดูเท่อย่าบอกใคร และคราวที่พี่ชายของเขาเก็บกระเป๋าสตางค์ส่งคืนเจ้าของ จนได้ออกไปรับประกาศนียบัตรหน้าเสาธง พี่ชายของโตก็ดู ‘ยืด’ และผึ่งผายในชุดเครื่องแบบลูกเสือมากขึ้นไปอีก

ผมเคยเห็นโตลอบเอาหมวกลูกเสือที่พี่เขาหวงหนักหนามาสวม เมื่อใส่หมวกโตจะยืดตัวขึ้นให้สง่าสมท่าลูกเสือ เขาจะทำท่าวันทยหัตถ์ แล้วท่องคำปฏิญาณของลูกเสือสามัญตามอย่างพี่ชายด้วยเสียงดังกังวาน

‘จงทำดี’ คำของลูกเสืออาจจะฝังที่ละนิดละน้อยอยู่ในหัวใจของเด็กชายเล็กๆ และงอกงามอยู่ในตัวของโตโดยที่เขาไม่รู้เนื้อรู้ตัว และตอนนี้เขาก็กำลังถ่ายวิญญาณอันสมสง่าของลูกเสือในตัวเขาไปให้กับเป้ด้วย

 

เมื่อขนของมาวางบนบนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว แฟนต้าก็ขอตัวกลับห้องตัวเอง ซึ่งเป็นทางเลือกที่แสนฉลาดในคืนที่หนาวมากอย่างคืนนี้ ส่วนฟ้าใสช่วยโอเอาของออกจากถุง หยุดชื่นชมข้าวของเหล่านั้นตามประสาผู้หญิงบ้าง ก่อนจะหันกลับไปเหลาก้านมะพร้าวต่อ

สิ่งที่โอซื้อกลับมาด้วยครั้งนี้คือชุดผ้าคลุมเตียงลายฟรุ้งฟริ้งสำหรับเตียง 5 ฟุต ซึ่งเป็นขนาดของเตียงในห้องนอนแขก เมื่อเป้หันมาเห็นเข้าเขาก็หน้าตึง และเมื่อเห็นโอเดินลับเข้าครัว เป้ก็จ้ำอ้าวเข้ามาหยิบกล่องผ้าปูที่นอนขึ้นดู

เขาจ้องเหมือนว่าไอ้ผ้าปูนั่นมันคือของบาป ฟ้าใสมองเป้ตาไม่กะพริบ เมื่อเขาวางกล่องผ้าปูที่นอนลงแล้วสาวเท้าเดินออกไปด้านนอก ฟ้าใสก็เดินตาม

ผมผละออกจากการนอนแหมะสีข้างโต ตามพวกเขาออกไปข้างนอก

ในเมื่อเจ้าของผมได้กลับมาเจอกันพร้อมหน้าอย่างนี้ ผมจึงถือเป็นภาระหน้าที่ ที่จะต้องรู้ทุกเรื่อง

บนเฉลียงด้านนอก ฟ้าใสเปิดฉากขึ้น

“เรารู้ว่าเป้คิดอะไรอยู่ แค่จะบอกว่าอย่าเพิ่งคิดมาก แค่ผ้าปูที่นอนเอง”

เป้พยักหน้าเหมือนจะรับฟัง แต่สีหน้าไม่ยอมรับ

“แต่เธอก็รู้ว่ามันเป็นสัญญาณบางอย่าง เธอคงจะไม่จู่ๆ ซื้อผ้าปูที่นอนราคาแพง มาปูห้องนอนแขกอย่างนี้ใช่ไหมล่ะ”

ฟ้าใสนิ่ง คงพยายามหาคำตอบ แต่เป้ชิงพูดขึ้นมาเสียก่อน

“ในฐานะหลานอาเบญ…ฉันรู้สึกไม่สบายใจเลย”

“เรารู้…แต่อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้เลยนะ” ฟ้าใสลูบแขนของเป้เหมือนอยากจะปลอบ แต่ไม่ช่วยให้เป้ใจเย็นลง เขาเดินงุ่นง่าน แม้ลมหนาวจะพัดพรูแต่เหมือนผิวของเขาจะด้านชาจนไม่รู้สึก

ห้าทุ่มครึ่ง โตและเป้ทำแบบจำลอง 3 ดี ของโคกหนองนาในพื้นที่แคบจนเสร็จ พวกเขามีโครงการจะทำแบบจำลองขนาด 5 ไร่ในพื้นที่รูปร่างต่างๆ ทั้งสี่เหลี่ยมจัตุรัส สี่เหลี่ยมผืนผ้า สี่เหลี่ยมคางหมู และพื้นที่แคบยาว ให้ออกมาเป็นโมเดลเพื่อจัดแสดงในอาคารนิทรรศการถาวร และเผยแพร่ลงในเพจ

กว่าพวกเขาจะแยกย้ายกันแมลงกลางคืนก็ส่งเสียงจนคอแห้ง โตเดินไปทางเดียวกับโอ ส่วนฟ้าใสเดินไปทางเดียวกับเป้ ผมไม่ต้องตัดสินใจ เพราะเป้หนีบผมเข้ารักแร้ไม่ให้หนีไปนอนที่อื่นอีก

บรรยากาศระหว่างทางเดินอึมครึม ไร้บทสนทนา เมื่อไปถึงบ้านหลังที่ 5 ฟ้าใสซึ่งเดินเงียบมาตลอดทางก็เอ่ยขอโทษเป้ออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เป้ถามว่าขอโทษทำไม เธอก็มองเขาตาแดง พูดตะกุกตะกักว่า

“เป้เชื่อว่าพี่โตจะทำสำเร็จไหม”

เป้นิ่งไม่ตอบ พักหนึ่งเขาก็ถามกลับ

“เธอว่าอาเบญเป็นยังไงล่ะ”

“สมาร์ต” ฟ้าใสตอบ

“แค่นั้นเหรอ”

ฟ้าใสส่ายหน้า แล้วยอมรับซื่อๆ ว่า “เป็นผู้ชายที่น่าค้นหา ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็เป็นคู่แข่งที่น่ากลัวมากๆ”

“แต่ตบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอกฟ้าใส เธอไม่ต้องกังวลไปล่วงหน้าหรอก ไม่ต้องรีบขอโทษ” เป้ปลอบ ทั้งๆ ที่เขาก็กังวลล่วงหน้าไม่ต่างไปจากเธอ

ฟ้าใสส่ายหัว “ไม่ใช่เรื่องนั้น ที่เราขอโทษเพราะเราจะบอกว่า ไม่ว่ายังไงเราจะไม่เอาเรื่องนี้มาขัดขวางโอกาสของแฟนต้าอย่างเด็ดขาด ไม่ใช่ว่าเราไม่เข้าใจเป้นะ แต่โอกาสของแฟนต้าไม่ได้มีมาง่ายๆ เราก็แค่อยากขอโทษเอาไว้ก่อน ว่าเราจะยอมถอยจากเรื่องนี้ให้เป้ไม่ได้จริงๆ”

ผมรู้สึกถึงบรรยากาศเย็นเยือก ชวนสยอง เป้เม้มปาก ยกผมขึ้นมาแนบอก

เมื่อเรื่องมันเป็นอย่างนี้ ฟ้าใสไม่ยอมร่วมมือด้วย ถ้าเบญจมินทร์คิดจะเดินต่อไปข้างหน้ากับโอจริงๆ ไม่ว่ามองมุมไหน ผมก็ไม่เห็นหนทางที่โตจะเอาชนะศัตรูที่เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีอยู่ได้เลย

ผมคิดแล้วก็เครียด อยากจะก้มเลียตัวก็ไม่ได้ เพราะเป้รัดตัวผมเอาไว้เสียแน่น…



Don`t copy text!