พลิกรักทำนายใจ บทที่ 18.2 : ไพ่ความรักของมนชิดา

พลิกรักทำนายใจ บทที่ 18.2 : ไพ่ความรักของมนชิดา

โดย : แสนแก้ว

Loading

พลิกรักทำนายใจ โดย แสนแก้ว เรื่องราวของสายมูตัวแม่ที่ช่วยเหลือคนอื่นมากมาย แต่ความรักของตัวเองกลับไม่รอดราวกับดวงความรักอาภัพซะเหลือเกิน คงจะมีแค่ ‘พี่ภู’ เท่านั้นที่ดีต่อเธอเอ…เธอผู้รู้ใจลูกค้าดั่งมีตาทิพย์กลับไม่เคยมองเห็นหัวใจเขาเลยสักทีได้อย่างไร นวนิยายอ่านฟรีสนุกๆ ที่อ่านเอามีให้คุณได้อ่านที่ anowl.co

มนชิดาเริ่มจากชวนเขาไปเลือกสีทาภายในกับของตกแต่งเพิ่มเติม ได้ของครบก็ลงมือปูผ้าใบ ตั้งบันได แล้วช่วยกันทาสี มนชิดาเตรียมอุปกรณ์ช่างมาด้วยครบครันแต่ดันลืมสวมใส่ชุดมอมๆ ที่เปื้อนได้ ภูริสจึงนำเสื้อผ้าของเขามาให้เปลี่ยน

หญิงสาวดูน่ารักดีเมื่ออยู่ในชุดโคร่งๆ ของเขา ภูริสมองแล้วมองอีกพลางยิ้มขำ เสื้อยืดกับกางเกงวอร์มขายาวช่วยให้ชุดสวยของเธอไม่เปรอะเปื้อน แต่ก็ทำให้หญิงสาวเงียบลงกว่าเดิมและแก้มขึ้นสีชมพูเรื่อด้วย

ผนังสีฟ้า น้ำเงิน ครามในห้องทำงานถูกทาทับเป็นสีขาวครีม มนชิดาแนะว่าการใช้สีอ่อนสีเดียวทาทั่วทั้งห้องจะช่วยให้ห้องที่เล็กดูกว้างขึ้น

ในห้องนี้มีหน้าต่างอยู่สองบานทางด้านขวามือของโต๊ะทำงาน เวลานี้ได้ติดตั้งราวม่านเพิ่มและแขวนผ้าม่านโปร่งชายยาวแค่คลุมกรอบหน้าต่างมิด รูดเปิดไว้สองด้าน การมีผ้าม่านที่ไม่ยาวจนเกินไปช่วยให้รู้สึกว่าเพดานห้องสูงขึ้น

นอกจากนี้ยังติดตั้งกระจกเงาไว้ที่ผนังด้านตรงข้ามกับหน้าต่าง เป็นทริคง่ายๆ ที่มนชิดาบอกว่าห้องในคอนโดมิเนียมนิยมทำกันเพื่อให้ห้องดูกว้างขึ้น กระจกเงาช่วยสะท้อนแสงธรรมชาติไปมาช่วยให้ห้องมีมิติและสว่างขึ้นด้วย

ภูริสนั่งลงที่โต๊ะทำงานตัวเดิมแต่ความรู้สึกไม่เหมือนเดิม ห้องทำงานที่โปร่งและสว่างขึ้นช่วยสร้างความสบายใจอย่างประหลาด ราวกับแสงแดดอบอุ่นได้สาดส่องขับไล่เมฆฝนดำทะมึนออกไป

ส่วนห้องนั่งเล่นซึ่งใช้รับแขกรับลูกค้าด้วยนั้น เพดานลายสายน้ำพลิ้วไหวถูกทาทับด้วยสีฟ้าอ่อน ตัดกับผนังสีขาวและพื้นห้องลายไม้เช่นเดิม ภูริสต้องการคงสีโทนฟ้าไว้เพื่อให้ดูสนุกและมีสีสัน หากขาวโพลนไปหมดเดี๋ยวจะดูธรรมดาเกินไปในสายตาพวกลูกค้าศิลปิน

มนชิดาเสริมเพิ่ม ‘ความไม่ธรรมดา’ ด้วยไฟสปอตไลต์ดวงเล็กติดเหนือกีตาร์ที่แขวนประดับบนผนัง ให้อารมณ์คล้ายภาพวาดที่จัดแสดงในหอศิลป์ ติดกระจกเงารูปวงกลมไว้ที่ผนังด้านตรงข้ามกับชั้นโชว์เอฟเฟกต์กีตาร์ มองเผินๆ เหมือนมีสินค้าเยอะและเพิ่มมิติวัตถุเรขาคณิตภายในห้อง

ของตกแต่งเดิมที่เป็นงานไม้แฮนด์เมดกับของเล่นโบราณ หญิงสาวแทนที่ด้วยของโปร่งเบารูปร่างแปลกตาสีเงินเมทัลลิก

ห้องรับแขกที่เคยดูเคร่งขรึม น่าเกรงขาม นิ่งเงียบดุจกาลเวลาถูกหน่วง เปลี่ยนเป็นห้องที่สว่างสดใส ทันสมัย และน่าสนุกสนาน

“เป็นไงคะพี่ภู แบบนี้ชอบกว่าไหม”

“ดูสบายตาขึ้นเยอะเลย ของก็เข้าที่เข้าทางด้วย” เขามองดูรอบๆ แล้วมาหยุดที่หญิงสาวข้างกาย “ขอบคุณนะครับ”

มนชิดาหลบสายตา แต่ไม่อาจหยุดยิ้ม

“ยินดีค่ะพี่ภู เรื่องพวกนี้งานถนัดของมายด์อยู่แล้ว ถ้าพี่ภูมีอะไรให้ช่วยก็บอกได้เลยนะ”

“เอ้อ จะว่าไป” เขานึกได้ก็ตอนที่หญิงสาวเสนอตัวนี้เอง “ขอโทษทีนะ พี่มีเรื่องต้องรบกวนมายด์อีกแล้วละ”

 

เรื่องสำคัญที่ภูริสจะขอให้มนชิดาช่วยนั้น สืบเนื่องมาจากว่า มีคอนเสิร์ตออร์เคสตราใหญ่ ชื่อว่า ‘ร็อกอินเดอะวันเดอร์แลนด์’ นำเพลงร็อกมันๆ คุ้นหูชวนกระโดดมาเรียบเรียงใหม่ในรูปแบบซิมโฟนีที่ฟังง่าย รื่นหู บรรเลงโดยวงออร์เคสตราเต็มวง

เรื่องน่าตื่นเต้นมีอยู่ว่า ในบรรดาวงร็อกชั้นแนวหน้าของเมืองไทยที่มาร่วมเล่นคอนเสิร์ตนั้น วงอินดี้มีชื่อในหมู่แฟนเพลงเฉพาะกลุ่มอย่างวงแหวนดาวเสาร์ก็ได้รับเชิญกับเขาด้วย

คอนดักเตอร์แจ้งมาว่า ต้องการมือกีตาร์หนึ่งคนที่สามารถช่วยประสานและเล่นเสริมในวงออร์เคสตราได้ หนุ่มๆ วงแหวนดาวเสาร์ไม่ลังเลเลยที่จะเสนอชื่อภูริสไป

และนั่นจึงเป็นที่มาที่ชายหนุ่มผู้อยู่กับเอฟเฟกต์กีตาร์และงานซ่อมมาตลอดจะได้ขึ้นเวทีในฐานะนักดนตรี เป็นหนึ่งในสมาชิกวงออเคสตร้าใหญ่กว่าร้อยชีวิต

ภูริสไปซ้อมดนตรีตามนัดมาหลายครั้ง ตื่นเต้นกับประสบการณ์ใหม่ทั้งแนวดนตรีที่ไม่คุ้นเคยและพบปะผู้คนใหม่ๆ เขาค่อยๆ ปรับตัวและสนุกกับโปรเจกต์นี้มาก แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่เป็นปัญหาใหญ่สำหรับเขา หนักใจจนหญิงสาวตรงหน้ารอฟังใจจดใจจ่อ

เกริ่นที่มาที่ไปเสียนาน เขาสรุปว่า

“มายด์ว่างวันไหนช่วยไปเลือกสูทกับพี่หน่อยสิ”

มนชิดาหลุดหัวเราะ ยิ้มกว้าง

“โธ่ พี่ภู เรื่องแค่นี้เองค่ะ”

“เรื่องแค่นี้ซะที่ไหนล่ะ”

เขาแย้งอุบอิบ เหนื่อยหน่ายใจ ก่อนหน้านี้เขาชวนดวงศิริแล้ว แต่รุ่นน้องสาวเบี้ยวนัดเพราะเทพทัตจองร้านอาหารไว้ ขอยกเลิกอีกหนหนึ่งเพราะเทพทัตจะพาไปเที่ยวทะเล จะนัดกันใหม่วันไหนก็ยังคุยไม่ลงตัวสักที จนเขาต้องมาขอความช่วยเหลือจากลูกศิษย์คนนี้แทน

มนชิดาเคลียร์งานในบริษัทเพื่อให้ว่างในวันหยุด ไปเลือกสูทกับภูริสที่ห้างสรรพสินค้ากลางเมืองแห่งหนึ่ง เลือกแบรนด์ที่ราคาไม่สูงเกินจำเป็นแต่ยังคงความประณีต คัตติ้งเนี้ยบกริบ และสไตล์ร่วมสมัย

นักกีตาร์หนุ่มเดินเข้าเดินออกห้องลองชุดอยู่หลายรอบ ในที่สุดก็ได้ตัวที่ถูกใจทั้งคนสวมใส่และคนรอดู เสื้อสูททรงเข้ารูปพอดีตัว ปกใหญ่กว่าปกติเล็กน้อยเพื่อให้ดูเป็นแฟชั่น ไม่เป็นทางการจนเกินไป ปลายแขนแต่งกระดุมสี่เม็ด สีดำเข้มสนิท เนื้อผ้าค่อนข้างมีน้ำหนักแต่ยังสวมใส่สบาย

หญิงสาวถามถึงเสื้อเชิ้ตขาว ภูริสบอกว่ามีอยู่ในตู้ เธอจึงเลือกโบว์ไทสีขาวงาช้างมาอีกชิ้น

กางเกงสแล็กส์สีดำชายหนุ่มก็บอกว่ามีอยู่ เป็นกางเกงสมัยทำงานประจำ ตั้งแต่ลาออกมาเป็นฟรีแลนซ์ไม่ได้เอาออกมาใส่อีกเลย คอสตูมสาวไม่อนุมัติ เลือกกางเกงดำให้ใหม่อีกตัวโดยเน้นที่เนื้อผ้าและเฉดสีดำเป็นแบบเดียวกับเสื้อสูท

รองเท้าหนังสีดำทรงทันสมัยตามมาติดๆ อย่างไม่ต้องสงสัย มนชิดารอบคอบถึงขนาดถามเขาว่ามีถุงเท้าดำแล้วหรือยัง ภูริสแอบยิ้ม เกาข้างขมับเขินๆ ต้องยอมรับเลยว่าถ้าเขามาเองคนเดียวคงไม่ได้ของดี ราคาคุ้มค่าขนาดนี้ เผลอๆ อาจได้ของไม่ครบเสียด้วยซ้ำ

เสร็จจากเรื่องเครื่องแต่งกายแล้ว มนชิดาพาภูริสไปตัดผม พอกลับมาที่บ้านก็สอนขัดผิวหน้า มาสก์หน้า และใช้เซรั่มบำรุงต่างๆ ชายหนุ่มอึ้งไปทีเดียวเมื่อเธอหยิบบรรดาขวดเล็กขวดน้อยออกจากถุงผ้ามาตั้งเรียงราย หญิงสาวบอกว่าไปเลือกซื้อมาระหว่างรอเขาตัดผม

ของชิ้นสุดท้ายจากถุงผ้าคือที่โกนหนวด ทำเอาชายหนุ่มอึ้งไปอีกหน

“พี่ภูอย่าลืมโกนหนวดด้วยนะคะ”

“พี่เป็นมือกีตาร์ ไม่ต้องเนี้ยบขนาดนั้นก็ได้มั้ง”

หญิงสาวส่ายหน้าจริงจัง

“ไม่ได้หรอกค่ะ มันไม่เข้ากับลุคโดยรวมและไม่เข้ากับงาน”

“แต่ว่า นักเชลโลฝรั่งหลายคนก็ไว้หนวดนะ”

เขาเถียงเสียงเบา หญิงสาวถอนใจยิ้มๆ แล้วชูที่โกนหนวดขึ้น

“มาค่ะ มายด์โกนให้เอง”

ภูริสร้องเดี๋ยวๆ ได้สองสามเดี๋ยวก็ถูกมือเล็กๆ ลากไปถึงห้องน้ำแล้ว เขามองหนวดยาวเหนือริมฝีปากอย่างไม่แน่ใจ

ไม่ใช่จะคงความเซอร์แบบชาวร็อก แต่เป็นเพราะคำสัญญาที่ใครคนหนึ่งเคยให้ไว้

ใครคนนั้นเคยบอกว่าจะมาโกนหนวดให้เขา แต่บ้านอยู่ตรงข้ามกันแค่นี้ก็ยังไม่มา

ข้างกายเขา มนชิดากำลังอ่านฉลากครีมโกนหนวดอย่างตั้งอกตั้งใจจนเขาอดยิ้มไม่ได้ ยอมแล้ว ยอมจะโกนหนวดออก เขาเอื้อมมือจะสะกิดบอกว่าเขาโกนเองก็ได้ แต่เห็นความตั้งใจของหญิงสาวแล้วก็เปลี่ยนใจ ยืนนิ่งคอตั้งให้หญิงสาวจัดการตัวเขาตามแต่ใจเธอ

มนชิดาค่อยๆ ชโลมครีมเนื้อเนียนนุ่มลงบนผิวเนื้ออ่อนเหนือริมฝีปาก ไล่เรื่อยไปตามคางและกรอบหน้า มือเล็กบอบบางค่อยๆ จดใบมีดของที่โกนหนวดลงและลากไปทางเดียวกันอย่างเบามือ ทุกการเคลื่อนไหวของเธอเต็มไปด้วยสมาธิและความระมัดระวัง

ริมฝีปากบางของหญิงสาวเม้มเข้าหากันนิดๆ เห็นเธอเกร็งภูริสก็พลอยไม่กล้ากระดิกกระเดี้ย มีเพียงดวงตาที่มองดูทุกอากัปกิริยาของเธออย่างนึกขันระคนเอ็นดู

กระทั่งปาดครีมครั้งสุดท้ายเสร็จสิ้น หญิงสาวก็ถอนใจเฮือก ยิ้มดีใจราวกับพิชิตภารกิจใหญ่สำเร็จ

ล้างครีมออกจนหมดจด มนชิดาใช้ผ้าขนหนูซับน้ำให้อย่างเบามือ ผละออกเล็กน้อยเพื่อสำรวจดูผลงานตัวเองในวันนี้ ภูริสกับทรงผมใหม่ ใบหน้าขาวได้รับการบำรุงและเกลี้ยงเกลาไร้หนวดเครา ดูอ่อนเยาว์ลงหลายปี ยิ่งเห็นดวงตาเป็นประกายอ่อนโยนอย่างอารมณ์ดีของเขาแล้ว ยิ่งรู้สึกว่าเขาเป็นชายหนุ่มน่ารักที่เธอยิ่งอยากรัก

หยดน้ำหยดหนึ่งเกาะปลายคาง เธอขยับเข้าไปซับให้เบาๆ ปลายนิ้วสัมผัสริมฝีปากสีชมพูเข้มของเขาผะแผ่ว

หญิงสาวช้อนสายตาขึ้นมอง แม้แก้มใสจะเป็นสีเข้มเปล่งปลั่งก็ยังไม่หลบสายตา

“พี่ภูคะ มายด์…” เธอเว้นไปอึดใจก่อนจะเอ่ยอย่างชัดคำ “มายด์รู้สึกดีกับพี่ภูนะ”

ชั่ววูบนั้น ดวงตาอบอุ่นที่ทอดมองสบตาเธออยู่เปลี่ยนเป็นนิ่งงันระคนไหวหวั่น

“คือพี่…”

มนชิดารีบส่ายหน้า เธอรู้ดีว่าคำตอบคืออะไร

“ไม่เอาน่า อย่าทำหน้าแบบนี้สิคะ ยิ้มก่อน”

หญิงสาวจับแก้มเขาสองข้างขยับยุกยิกให้เขายิ้ม เธอเองก็ยิ้มกว้างอย่างพยายามสดใสที่สุด

“ไม่เป็นไรนะคะ ยังไม่ต้องตอบก็ได้ มายด์แค่อยากบอกให้พี่ภูรู้เท่านั้นเอง”

 

 

 



Don`t copy text!