พลิกรักทำนายใจ บทที่ 20.2 : เพราะชีวิตยังต้องไปต่อ

พลิกรักทำนายใจ บทที่ 20.2 : เพราะชีวิตยังต้องไปต่อ

โดย : แสนแก้ว

Loading

พลิกรักทำนายใจ โดย แสนแก้ว เรื่องราวของสายมูตัวแม่ที่ช่วยเหลือคนอื่นมากมาย แต่ความรักของตัวเองกลับไม่รอดราวกับดวงความรักอาภัพซะเหลือเกิน คงจะมีแค่ ‘พี่ภู’ เท่านั้นที่ดีต่อเธอเอ…เธอผู้รู้ใจลูกค้าดั่งมีตาทิพย์กลับไม่เคยมองเห็นหัวใจเขาเลยสักทีได้อย่างไร นวนิยายอ่านฟรีสนุกๆ ที่อ่านเอามีให้คุณได้อ่านที่ anowl.co

“ทำไมล่ะ พี่ภูบอกตลอดว่าไม่มีใคร ทำไมอยู่ๆ ถึงมีแฟนขึ้นมาล่ะ”

ดวงศิริพูดเสียงไม่เบานัก เรียกว่าโวยวายก็ไม่ผิด บ้านศิลปินเงียบสงบในยามบ่าย เสียงแหวของหญิงสาวจึงยิ่งฟังเหมือนดังกว่าปกติ

ภูริสไม่ตอบโต้สักคำ และความเงียบของเขายิ่งยั่วยุให้คนคอยคำตอบร้อนรน

“คบกันมานานเท่าไร คุยกันนานแค่ไหน ทำไมหวานไม่รู้”

พอเขาไม่ตอบ ดวงศิริก็เข้ามาเขย่าแขนชายหนุ่มแรงๆ

“ทำไมต้องเป็นมายด์ด้วยล่ะพี่ภู ไม่เอาคนนี้ไม่ได้เหรอ”

ภูริสรวบจับมือสองข้างของรุ่นน้องสาว

“พี่ไม่รู้นี่ว่าหวานกับมายด์ไม่ถูกกัน”

“ไม่จริงอ้ะ หวานเคยบอกพี่แล้ว”

“หวานไม่เคยบอก พี่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสองคนรู้จักกันด้วย”

ดวงศิริชะงักงัน ทบทวนว่าเธอพลาดเรื่องสำคัญขนาดนี้จริงหรือ ตั้งแต่ตอนที่มนชิดาปรากฏตัวขึ้นในบริษัทในฐานะพนักงานใหม่ แล้วมาแข่งออกแบบงานจนชิงตำแหน่งโปรเจกต์เมเนเจอร์ไป ขึ้นเป็นหัวหน้าคุมเธออีกที เรื่องใหญ่ขนาดนี้เธอไม่ได้เล่าให้ภูริสฟังจริงหรือ

จำได้ว่าตั้งใจจะเล่าหลายหน ก็ไม่แน่ว่าเธอคงพลาด หลงลืมไปจริงๆ

“พี่ภู หวานขอเตือนด้วยความหวังดี มายด์มันนิสัยไม่ดีนะ ที่มาจีบพี่ภู มาคบกับพี่ภูก็แค่จะเอาชนะหวานเท่านั้นแหละ พี่ภูอย่าหลงในความสวยหน่อยเลย ตัวจริงยัยนั่นมันแม่มด”

“หยุดนะหวาน” เขาเสียงดังอย่างที่เธอไม่เคยได้ยิน “อย่าพูดแบบนี้อีก ให้เกียรติแฟนพี่ด้วย”

ดวงศิริแทบสะอึก หน้าซีดขาวแล้วเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ น้ำตาใสๆ เริ่มรินไหลอย่างไม่ทันตั้งตัว

“พอมีมายด์เข้ามา พี่ภูก็ขึ้นเสียงใส่หวานเลยเหรอ พอมียัยนั่น หวานก็ไม่สำคัญแล้วเหรอ”

“ไม่ใช่อย่างนั้น” เขาโคลงศีรษะ พยายามใจเย็น “หวานตั้งสติก่อน บอกพี่ซิว่าเป็นอะไร”

หญิงสาวกัดปากกลั้นสะอื้น แต่ไม่อาจหยุดน้ำตาได้ ภูริสละล้าละลังทำอะไรไม่ถูก หลายปีที่ผ่านมาเขาเคยปลอบเวลาดวงศิริร้องไห้หลายครั้ง แต่ไม่เคยมีเลยสักครั้งเดียวที่น้ำตาของเธอไหลลงมาเพราะเขาเป็นต้นเหตุ

เขาเอื้อมแตะบ่าบอบบาง เมื่อเธอนิ่งให้จับเขาก็รั้งเข้าใกล้ พยายามจ้องเข้าไปในดวงตากลมโตฉ่ำน้ำตา

“หวานอยากให้พี่มีแฟนมาตลอดไม่ใช่เหรอ แล้วเป็นอะไรไป ไหนบอกพี่ซิ”

“มายด์มันมาแย่งพี่ภูของหวานไป พี่ภูจะรักใครก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่ยัยนั่น”

“ไม่มีใครแย่งพี่ไปจากหวานได้ทั้งนั้น พี่จะรักใครหรือไม่รักใคร พี่ก็…หวานก็เป็นน้องรักของพี่เหมือนเดิม”

“แต่ต้องเป็นใครก็ได้ที่ไม่ใช่มายด์สิพี่ภู ยัยนั่นมันร้ายจะตาย”

“แต่เขาดีกับพี่มากนะ” ชายหนุ่มแย้งตามจริง “ถ้าหวานเป็นห่วงพี่เรื่องนี้ กลัวว่าพี่จะเสียรู้ผู้หญิง หรือกลัวว่าพี่จะลำบากละก็ ไม่ต้องกังวลเลย พี่ดูแลตัวเองได้”

ดวงศิริปัดแขนเขาพ้นจากตัว ปิดหน้าร้องไห้หนักขึ้นอีก ไม่รู้ทำไมคำตอบพาซื่อของเขาถึงทำให้เจ็บปวดนัก เธออยากจะกรีดร้อง กระทืบเท้าเร่าๆ แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะเวลานี้ร้องไห้จนจะหายใจไม่ทัน

ส่วนภูริสชะงักงันทำตัวไม่ถูก ยิ่งดวงศิริทรุดลงนั่งปิดหน้าร้องไห้ เขาก็ล่กไปหมด ชายหนุ่มนั่งลงแล้วคว้าร่างที่สั่นด้วยแรงสะอื้นเข้ามาในอ้อมอก ไม่สนใจมือน้อยๆ ที่ทุบตีแถวบ่าและไหล่ของเขา

จนเมื่อจอมอาละวาดเริ่มหมดฤทธิ์ เขาก็เอ่ยเสียงทุ้มนุ่มที่สุดว่า

“ไหน เป็นอะไรอีก บอกพี่ซิครับ”

“หวานไม่แน่ใจ บางทีหวานก็รู้สึกว่าไม่อยากให้พี่ภูมีแฟน”

เขาผละออกเล็กน้อย เขม้นมองงุนงง

“หือ ทำไมล่ะ”

“หวานหวงพี่ภู”

ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจ ลูบศีรษะแผ่วเบา

“เด็กน้อย”

“จริงๆ นะ”

“อื้ม พี่รู้ครับ”

เขาใช้ปลายนิ้วซับน้ำตาให้อย่างเบามือ ค่อยๆ ปัดเส้นผมที่ยุ่งเหยิงปรกหน้าผาก บางปอยเลอะน้ำตาเปียกลู่แนบแก้ม เขาค่อยๆ จับทัดหลังใบหูอย่างใจเย็น พลางเอ่ย

“แต่หวานก็มีคนที่หวานรักเหมือนกันไม่ใช่เหรอ เลือกเขาแล้วก็รักให้มากๆ นะ เห็นคุณค่าของเขาให้มาก ดูแลความรักให้ดี เพราะถ้าหวานไม่มีความสุข พี่ก็ไม่มีความสุขเหมือนกัน”

“ไม่จริงอ้ะ” หญิงสาวสวนเสียงดัง “ต่อจากนี้ไปความสุขของพี่ภูคือคนอื่น ไม่มีหวานแต่มีเขา พี่ภูก็มีความสุขไม่ใช่เหรอ”

เขาดึงคนตัวเล็กเข้ามาในอ้อมกอดอีกครั้ง หญิงสาวยิ่งสะอื้นไห้หนักขึ้น กอดรัดเขาแน่นราวกลับกลัวว่าจะไม่ได้พบกันอีกแล้ว ชายหนุ่มลูบผมลูบหลังเธอแผ่วเบา หลับตาลึก กล้ำกลืนความรู้สึกบางอย่างลงในใจ ใช่ว่าเขาไม่อยากมีเธอเป็นความสุข แต่เขามีไม่ได้ไม่ใช่หรือ

แต่สิ่งที่พูดไปมีเพียง…

“ไม่เอาน่า อย่าคิดมากนะคนดีของพี่”

เขาผละออก เช็ดน้ำตาที่หลั่งรินเลอะแก้มเปื้อนขอบตาโตๆ นั้นอย่างเบามือ

“พี่ไม่ได้ไปไหนซะหน่อย ไม่ว่าพี่จะมีใคร ระหว่างเราสองคนก็ยังเหมือนเดิมนะครับ”

ดวงศิริเอนศีรษะพิงซบบ่าของชายหนุ่ม วาดแขนโอบกอดเขาไว้ทั้งตัวอย่างหวงแขน ภูริสลูบหลังลูบไหล่ปลอบโยนจนยัยตัวแสบของเขาค่อยๆ นิ่งไป

โดยไม่มีใครรู้ มนชิดายืนกำหมัดแน่นจนสั่นอยู่หน้าบ้าน จ้องมองผ่านหน้าต่างเข้ามาด้วยดวงตาวาวโรจน์ราวมีดวงไฟลุกโชน

เธอมีนัดกับภูริสในวันนี้ ตั้งใจว่าจะไปเดินเล่นในห้างสรรพสินค้า กินข้าว ดูหนังตามประสาคู่รักที่ใช้เวลาด้วยกันในวันหยุด เธอมีของขวัญจะเซอร์ไพรส์เขาด้วย ฉลองในโอกาสที่การแสดงคอนเสิร์ตร็อกอินเดอะวันเดอร์แลนด์ผ่านไปได้ด้วยดีและมือกีตาร์หนุ่มก็เล่นได้น่าประทับใจมาก

จากที่นัดเจอกันที่ห้าง เธอจึงมาเซอร์ไพรส์ที่บ้านก่อน แต่ดูท่าแล้วจะเป็นเธอเองที่เจอเซอร์ไพร้ส์

มนชิดาอยากจะกรีดร้อง กระชากเปิดประตูบ้านแล้วเข้าไปอาละวาดตบตีแยกทั้งคู่ออกจากกัน อยากจะดึงตัวดวงศิริขึ้นมาแล้วตบหน้าสักฉาด ให้สมกับความคั่งแค้นที่สะสมมานานปี ไม่ใช่แค่ดวงศิริหรอกที่โกรธแค้นว่าทำไมผู้หญิงที่ภูริสคบเป็นแฟนถึงต้องเป็นเธอ เธอเองก็อยากจะหวีดร้องแทบบ้าเหมือนกันว่าทำไมผู้หญิงที่ภูริสแอบรักมาตลอดถึงต้องเป็นดวงศิริ

หญิงสาวปาดน้ำตาทิ้งอย่างเด็ดเดี่ยว เก็บกักความคิดชั่วร้ายทั้งหมดไว้แค่ในสมอง เธอจะทำตัวเป็นนางร้ายแบบนั้นไม่ได้ เพราะมันไม่สมควร ถ้าหากพลั้งทำอะไรตามอารมณ์แบบที่ดวงศิริเป็น ภูริสจะมองเธออย่างไร

เธอสูดลมหายใจลึก พยายามเรียกสติ แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร.หาชายหนุ่ม

ภาพที่มองเห็นผ่านหน้าต่าง ภูริสซึ่งกอดปลอบดวงศิริอยู่ค่อยๆ ล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกง เขามีท่าทีลังเลมากทีเดียวว่าจะทำอย่างไร แต่สุดท้ายก็กดรับสาย

“ฮัลโหลครับ ถึงแล้วเหรอ”

มนชิดารู้ เขาจงใจเลี่ยงไม่พูดชื่อเธอ ถึงอย่างนั้นหญิงสาวก็ปั้นเสียงสดใสตอบไป

“ใกล้แล้วค่ะ พี่ภูออกมาหรือยังคะ”

“พี่…พอดีติดธุระนิดหน่อยน่ะ ขอโทษที แต่จะรีบตามไปครับ”

รีบตามไปงั้นเหรอ มนชิดากัดฟันแน่น เธอแทบจะกระโจนทะลุหน้าต่างเข้าไปถล่มทั้งคู่อยู่แล้ว ใครจะทนดูชายคนรักกอดผู้หญิงอื่นอยู่ได้ หญิงสาวอดทนสงบใจที่สุด กรอกเสียงอ่อนหวานออดอ้อนไปว่า

“พี่ภูออกมาเลยได้ไหม เราจะได้ใช้เวลาด้วยกันนานๆ นะ มายด์คิดถึงแล้ว”

ภูริสเงียบไป มนชิดากลั้นใจ กลัวเหลือเกินว่าความอ่อนแอขี้แพ้ขี้อ้อนอันน่ารังเกียจของหญิงสาวคู่ปรับจะทำให้เขาใจอ่อน ยิ่งดวงศิริกอดรัดภูริสแน่นขึ้น มนชิดาก็แทบจะบีบโทรศัพท์มือถือให้แหลกคามือ

และแล้ว ชายหนุ่มตอบเธอว่า

“ได้ครับ เดี๋ยวพี่ออกเลย”

วางสายไปแล้ว มนชิดาได้เห็นว่าภูริสประคองดวงศิริให้ลุกขึ้นนั่งที่เก้าอี้ใกล้ๆ เขาพูดอะไรสองสามประโยคแล้วผละไปข้างในบ้าน เดาได้ว่าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวออกข้างนอก

คนที่ทนเห็นภาพบาดตาก็ค่อยๆ หลับตาลง หมดแรงเหมือนไปสู้รบกับข้าศึกที่ไหนมา แต่เธอรู้ดีและรู้สึกขอบคุณตัวเองมาก เพราะข้าศึกที่กำราบสำเร็จนั้นคือความชั่วร้ายในใจตัวเอง

เธอเชื่อว่าเมื่อเป็นคนรักที่เพียบพร้อม ปฏิบัติตัวถูกต้อง ต้นกล้าความรักในใจของชายหนุ่มจะค่อยๆ เติบโต หยั่งรากลึก แผ่ขยายกิ่งก้านสาขา กลายเป็นต้นไม้ใหญ่ที่ยิ่งใหญ่และสมบูรณ์กว่าต้นเจ็ดปีของเขากับดวงศิริอีก

เธอจะไม่ลงไปเกลือกกลั้วทำตัวไร้สาระ แต่จะวางตัวให้น่ารัก สง่างาม เป็นนางฟ้าที่เขาไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้พบ แล้วคนไร้สติงอแงงี่เง่าเจ้าอารมณ์อย่างดวงศิริ จะเอาอะไรมาเทียบเธอได้



Don`t copy text!