พลิกรักทำนายใจ บทที่ 25.1 : ชีวิตใหม่ในแดนไกล

พลิกรักทำนายใจ บทที่ 25.1 : ชีวิตใหม่ในแดนไกล

โดย : แสนแก้ว

Loading

พลิกรักทำนายใจ โดย แสนแก้ว เรื่องราวของสายมูตัวแม่ที่ช่วยเหลือคนอื่นมากมาย แต่ความรักของตัวเองกลับไม่รอดราวกับดวงความรักอาภัพซะเหลือเกิน คงจะมีแค่ ‘พี่ภู’ เท่านั้นที่ดีต่อเธอเอ…เธอผู้รู้ใจลูกค้าดั่งมีตาทิพย์กลับไม่เคยมองเห็นหัวใจเขาเลยสักทีได้อย่างไร นวนิยายอ่านฟรีสนุกๆ ที่อ่านเอามีให้คุณได้อ่านที่ anowl.co

เดิมทีดวงศิริคิดว่าการย้ายมาอยู่ในบ้านของภูริสจะช่วยบรรเทาความคิดถึงลงได้บ้าง แต่เปล่าเลย บ้านของพี่ภูที่ไม่มีพี่ภูอยู่ช่างเหมือนถ้ำน้ำแข็งที่เย็นเยือกและเหน็บหนาว บางครั้งหูแว่วได้ยินเสียงทุ้มอบอุ่นเรียกกินข้าว นั่งดูโทรทัศน์ก็เผลอคิดไปว่ามีร่างสูงนั่งขัดสมาธิกอดกีตาร์อยู่ข้างๆ แต่พอรู้ตัวอีกทีก็มีแค่เธออยู่ตัวคนเดียว

ปล่อยไว้แบบนี้ชักกลัวตัวเองจะกลายเป็นโรคประสาทหลอน จึงตัดสินใจลางานกลับบ้านที่ชุมพรสักพัก พอเล่าเรื่องที่ภูริสย้ายไปทำงานเป็นเชฟที่ออสเตรเลีย พ่อก็ยินดีด้วยอย่างยิ่ง ส่วนแม่ลูบบ่าเธออย่างเห็นใจ ท่านคงสัมผัสได้ถึงความเหงาหงอยทั้งที่เธอพยายามปั้นเสียงให้ร่าเริงที่สุดแล้ว

เช่นเคย กลับบ้านชุมพรเมื่อไร แม่ก็จะชวนไปกราบท่านพ่อร่างทรงองค์เทพ

 

ใครคลางแคลงใจว่าท่านพ่อศักดิ์สิทธิ์จริงหรือไม่ ดวงศิริขอเชิญทางนี้ เพราะแค่เธอย่างก้าวขึ้นมาบนตำหนัก ยังไม่ทันคุกเข่าดี ท่านพ่อในเครื่องแต่งกายชุดขาวซึ่งประทับอยู่บนเก้าอี้ที่ประจำก็สำแดงเดช

“มานี่ มาใกล้ๆ พ่อ”

มือซ้ายกวักยิกๆ มือขวากำไม้พรมน้ำมนต์ในท่าเตรียมฟาด

ดวงศิริคลานเข่าเข้าไปใกล้ในระยะพอเหมาะแก่การพรมน้ำมนต์ ท่านพ่อก็กวักแรง

“มาอีก ใกล้อีก”

หญิงสาวย่นคอ ชักรู้ชะตากรรม พอนั่งคุกเข่าเกือบถึงเท้าท่านพ่อเท้านั้น การพรมน้ำมนต์ก็เริ่มขึ้นแบบมาทั้งน้ำทั้งไม้

เธอโดนตีปั้ก ปั้ก หลายปั้กทีเดียว ยิ่งร้องโอ๊ยๆ คนก็ยิ่งมองให้อายไปใหญ่ หญิงสาวแอบเอี้ยวหน้ามองหาแม่เพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ภาพที่เห็นคือแม่ของเธอหัวเราะชอบใจ ปรบมือรัว

ท่านพ่อเอาไม้พุ่มๆ นั้นจุ่มลงขันทองเหลืองอีกที ฟาดกลางศีรษะดังปั้ก คราวนี้ไม่เจ็บมาก แต่อายมาก เพราะน้ำมนต์ชุ่มฉ่ำเปียกผมจนไหลนองพื้นกระดานเลยทีเดียว

“ผีเข้าหรือไงยัยหวานเอ๊ย น้ำมนต์กูเพิ่งปลุกเสกเมื่อเช้านี้ สงสัยจะได้รดอาบเอ็งคนเดียวหมดทั้งตุ่มให้ผีบ้ามันออก โอ๊ย ทำไมมันถึงไร้สติได้ขนาดนี้”

“แหม ท่านพ่อเจ้าขา ก็ตอนนั้นนายเทพทัตเขาดูดีจริงๆ นี่คะ ไม่เห็นเหมือนมิจฉาชีพสักกะหน่อย ใครจะไปรู้”

“นั่นก็อีกเรื่องหนึ่งที่เดี๋ยวพ่อจะชำระ แต่ที่พ่อว่าไร้สติน่ะก็ตอนที่เอ็งโอนเงินให้เขาแบบไม่ดูตาม้าตาเรือต่างหากเล่า ยัยหวานเอ๊ย ส่วนเรื่องผู้ชายนี่ก็ไร้สติไม่แพ้กัน ใจคอหนูจะเลือกผัวโดยการจับสลากโควตาบ้านใกล้เหรอลูก ไพ่ออกใครก็เลือกคนนั้น หัวใจตัวเองแท้ๆ รักใครยังต้องถามไพ่เลยเหรอลูก”

หญิงสาวปาดเช็ดน้ำมนต์ที่ไหลเข้าตา สะบัดหน้าเบาๆ

“ก็ตอนนั้นหนูไม่แน่ใจทั้งคู่นี่คะ”

“ไม่แน่ใจ ก็ไปเดตจนกว่าจะแน่ใจสิวะ ไม่ใช่มาลัดขั้นตอนแบบนี้ อยากมีไพ่ยิปซีเป็นที่ปรึกษาน่ะมันก็มีได้ แต่เราต้องรู้ว่าตัวเองกำลังจะทำอะไรด้วยสิลูก เช่นว่าหนูรักคนนี้ สนใจคนนี้ แล้วเปิดไพ่ขอคำแนะนำว่าต้องปรับตัวยังไง ระวังอะไรบ้าง แค่นั้น ถ้าให้ไพ่เลือกทางเดินชีวิตไปซะหมด แล้วใครกันที่ได้ใช้ชีวิตล่ะลูก เฮ้อ เกิดเป็นมนุษย์ดีๆ ไม่ชอบ ชอบเป็นหุ่นเชิด”

ดวงศิริพนมมือแต้ ก้มหน้าจนคางแทบชิดอก ถ้ามีกระดองอย่างน้องเต่าก็คงหดหัวไปซ่อนแล้ว ท่านพ่อวางไม้พรมน้ำมนต์ลงบนปากขันใบเขื่อง ดวงศิริจึงค่อยหายใจโล่งสะดวก ชายร่างทรงกล่าวต่อว่า

“นายเทพอะไรนั่นน่ะ เขาไม่ได้จะมาหลอกหนูแต่แรกหรอก เขาก็คนดีๆ นี่แหละ เข้าหาหนูด้วยความจริงใจ แต่พอคนเรามันเข้าตาจนก็เลยต้องเอาตัวรอดไปแบบนั้น สำคัญที่เรานี่แหละที่ต้องมีสติมันทุกตอน ไม่ใช่ตอนแรกเขาดีก็หลง พอตอนหลังเขาไม่ดีก็ยังหลงต่อ เปย์ต่อ มันก็กลายเป็นเหยื่อเขาง่ายๆ สิลูก”

หญิงสาวก้มมองพื้นกระดาน รับคำแค่ว่า ค่ะท่านพ่อ ชายผู้ทรงเทพก็ถอนใจยาวแล้วกล่าวต่อ

“จากนี้ใช้ชีวิตอย่างมีสติและรอบคอบก็แล้วกัน พ่อฝากไว้แค่นี้แหละ เอ้า แล้วที่มานี่น่ะจะปรึกษาเรื่องอะไร”

ตอนแรกดวงศิริตั้งใจจะปรึกษาเรื่องความรัก แต่ยังไม่ทันถาม คำตอบก็มาซะหลายป้าบจนเจ็บหัวเจ็บบ่าไปหมดแล้ว จึงเปลี่ยนไปถามอีกเรื่องแทน

“ท่านพ่อขา หนูอยากเล่นเกม หนูจะทำได้ไหมคะ”

“เกมอะไร”

“เกมออนไลน์ พวกแข่งอีสปอร์ตน่ะค่ะ”

ท่านพ่อยังไม่ทันตอบ แม่ก็จกเข้าสีข้างแล้วบิดแรงจนเธอเอี้ยวตัวตามแทบตีลังกาเกลียว ร้องโอดโอย หน้าเหยเกไปหมด

“ไปถามท่านพ่อแบบนั้นได้ยังไง หา! จะหมดตัวอยู่แล้วยังจะมัวเล่นเกมอยู่อีก งานการไม่ทำแล้วจะเอาเงินที่ไหนกิน หา”

ไม้พรมน้ำมนต์ยังนิ่งอยู่บนขันทองเหลือง ดวงศิริโล่งอก อย่างน้อยก็ไม่โดนตีซ้ำ ท่านพ่อหัวเราะร่วนแล้วหันไปพูดกับแม่

“อย่าเอ็ดไป เด็กสมัยนี้เขามีทางทำมาหากินของเขาน่า ลองเชื่อในตัวลูกสาวสักครั้งสิ นี่เผลอๆ ที่อีลูกมันไม่มั่นใจในตัวเอง ก็เพราะอีแม่มันนั่นแหละที่ไม่มั่นใจในตัวลูกของมันนะเนี่ย”

แม่เงียบและยอมชักมือกลับแต่โดยดี ดวงศิริคลำสีข้างป้อยๆ

“หนูจะทำได้จริงๆ ใช่ไหมคะท่านพ่อ”

“อยู่ที่ตัวหนูนั่นแหละ ถ้าตั้งใจ มุ่งมั่น ขยันซ้อม หนูจะทำได้ดีมากๆ จำคำพ่อไว้นะ” ชายชุดขาวชูนิ้วชี้ขึ้นมา “ถ้าชอบและอินกับงานที่รัก ต่อให้คนทั้งโลกบอกว่าไม่ควรทำก็อย่าไปฟัง ฟังหัวใจตัวเองแล้วทำให้ดีที่สุดเถอะ”

เหมือนแม่กุญแจตัวใหญ่สนิมเกรอะกรังได้พบกับลูกกุญแจที่หายสาบสูญ สลักลงกลอนแน่นหนาได้ถูกปลดออก ดวงศิริน้อมรับเอาคำสอนของท่านพ่อเข้ามาประทับไว้ในใจ ใบหน้าอิ่มเอิบของท่านยังติดจะหมั่นไส้เธออยู่นิดๆ รำคาญหน่อยๆ แต่หญิงสาวก็สัมผัสได้ถึงความเมตตาปรานีและปรารถนาดี เธอจ้องมองท่านแล้วเผลอยิ้ม หยาดน้ำตาแห่งความปีติกลิ้งไหลลงจากหางตา



Don`t copy text!