“ไข่มุก” ความเชื่อ โชคลาง และความรัก

“ไข่มุก” ความเชื่อ โชคลาง และความรัก

โดย : Hoot-Hoot

Loading

เรื่องราวรอบตัวน่ารู้น่าอ่านกับหลากหลายสิ่งที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน ในคอลัมน์ Lifestyle โดย Hoot-Hoot ที่อ่านออนไลน์แล้วรับรองมีประโยชน์ต่อการใช้ชีวิตอย่างแน่นอน เพราะเรื่องราวดีๆ ที่รายล้อมรอบตัว #มีให้อ่านที่อ่านเอา

…………………………………………..

 

ใครว่าผู้หญิงต้องคู่กับเพชรเท่านั้น เพราะ ไข่มุก ก็สวยงามและมีคุณค่าไม่แพ้กัน ไม่อย่างนั้นจะมีการใช้ไข่มุกเป็นเครื่องประดับมานานเป็นร้อยๆ ปีได้อย่างไร

มีหลักฐานทางโบราณคดีว่ามีการค้นพบและนำไข่มุกมาใช้กว่า 4,000 ปีมาแล้ว โดยเครื่องประดับมุกที่เก่าแก่ที่สุดถูกค้นพบในสุสานเจ้าหญิงแห่งเปอร์เซียที่สวรรคตเมื่อ 520 ปีก่อนคริสตกาล ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ ประเทศฝรั่งเศส นอกจากนี้ในหลายราชวงศ์ในโลกยังได้ใช้ไข่มุกเป็นเครื่องประดับชั้นสูง บ้างก็ใช้เป็นบรรณาการ เป็นของกำนัล อย่างในประเทศจีน ไข่มุกถือว่าเป็นของกำนัลชั้นดีที่มอบให้แก่กษัตริย์ หรือในยุคของจูเลียส ซีซาร์ ก็ยกย่องให้เครื่องประดับมุกเป็นเครื่องประดับชั้นสูงที่ชนชั้นปกครองเท่านั้นที่จะนำมาประดับได้

 

กำเนิด ‘ไข่มุก’

ก็อย่างที่รู้ๆ กันนะคะว่าไข่มุกแท้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติ อาศัยระยะเวลายาวนานกว่าจะได้เป็นไข่มุกสักเม็ด โดยไข่มุกจะเกิดจากการที่หอยมุกเกิดการระคายเคืองเพราะมีวัตถุแปลกปลอมอย่างกรวดทราย เศษหิน ฯลฯ พลัดหลงเข้าไป ซึ่งเจ้าหอยมุกก็จะสร้างสารประเภทแคลเซียมคาร์บอเนตมาหุ้มเพื่อลดความระคายเคือง จนเกิดเป็นชั้นๆ ขึ้นเรียกว่าเนเคอร์ (nacre) ที่อาจเรียกได้ว่าเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ไข่มุกมีความวาว หากว่าชั้นเนเคอร์หนามากเท่าไหร่ ไข่มุกก็จะยิ่งสวยงามมากขึ้น

ส่วนว่าทำไมมุกบางเม็ดใหญ่บางเม็ดเล็กก็อยู่ที่หอยมุกนั้นจะเจอสิ่งแปลกปลอมมากน้อยแค่ไหน เพราะถ้ามันเจอ มันก็เกิดอาการระคายเคือง พอระคายเคืองก็จะสร้างสารนี้เรื่อยๆ จนมันรู้สึกดีแล้วก็หยุดสร้าง แต่ทีนี้มันยังใช้ชีวิตต่อไปเรื่อยๆ พอเจออีกก็สร้างอีก เมื่อเวลาผ่านไปหลายปี ชั้นเนเคอร์จะเคลือบทับซ้อนกันจนเม็ดมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และเกิดเป็นไข่มุกเม็ดโตในที่สุดนั่นเอง

ทั้งนี้ สีของไข่มุกแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มคือสีโทนอ่อน อย่างสีขาว สีเนื้อ สีเหลือง สีชมพู และสีโทนดำอย่างสีเทา สีเทามืด สีดำ โดยในปัจจุบัน ไข่มุกที่มาจากธรรมชาติหายากมากขึ้น แถมยังราคาแพง จึงมีการทำไข่มุกขึ้นเป็น ‘ไข่มุกเลี้ยง’ และ ‘ไข่มุกเทียม’ โดยไข่มุกเลี้ยงยังคงเป็นไข่มุกแท้ เพียงแต่ไม่ได้รอเวลาให้เกิดขึ้นเอง แต่มนุษย์เป็นคนทำให้เกิด นั่นคือช่วยใส่สิ่งแปลกปลอมเข้าไปในตัวหอยมุก เพื่อให้หอยมุกสร้างไข่มุกขึ้นมา

สำหรับไข่มุกเทียม คือไข่มุกที่ทำจากวัสดุอื่นที่มีลักษณะมันวาวมาหล่อขึ้นรูปเป็นทรงกลมและใส่สีเลียนแบบไข่มุกธรรมชาติ อาจทำจากพลาสติกหรือโพลีเมอร์ และนำเปลือกหอยมาเคลือบบนผิวอีกทีเพื่อให้มีลักษณะคล้ายไข่มุกแท้มากขึ้น

นี่มุกแท้หรือมุกเทียม?

มุกแท้มาพร้อมร่องรอยการเจริญเติบโต อาจมีพื้นผิวไม่เรียบเนียนเท่ากันทุกเม็ด ถ้ากลมเกลี้ยงเป๊ะๆ อาจสันนิษฐานได้ว่านี่มุกเทียมหรือเปล่า จากนั้นเช็กให้แน่ใจอีกนิด ด้วยการนำมุก 2 เม็ดมาขูดกันเอง หรือหากมีเม็ดเดียวให้ลองนำมาขูดกับฟันหรือกระจก หากเป็นมุกแท้ จะสัมผัสถึงความสากไม่เรียบลื่น

ความเชื่อ โชคลาง และความรัก

มีความเชื่อว่า ไข่มุกคือสัญลักษณ์ของเพศหญิง เป็นตัวแทนของความนุ่มนวล อ่อนหวานและสงบ ไข่มุกจึงมีพลังในการช่วยบำบัดภาวะอารมณ์ที่ไม่สมดุล โดยไข่มุกจะนำความรัก ความสุข และความสำเร็จมาสู่เจ้าของ นอกจากนี้ยังมีความเชื่อด้านสุขภาพว่า ช่วยรักษาอาการร้อนใน โรคไต หอบหืด บรรเทาอาการแผลพุพองและฝีหนอง และคนที่เป็นโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ

ในอีกทางหนึ่ง คนโบราณตามเกาะชายฝั่งทะเลต่างๆ มีความเชื่อว่า ไข่มุกเป็นอัญมณีแห่งโชคลางที่มีอาถรรพ์ซ่อนอยู่ นั่นคือถ้าไข่มุกไม่เปล่งแสงแวววาวหรือมีสีหมองลงจะมีเรื่องโชคร้ายเกิดขึ้นตามมา และในสมัยยุคมืด ไข่มุกถูกใช้เป็นเครื่องรางของเหล่าอัศวินภายใต้ความเชื่อที่ว่าไข่มุกสามารถปกป้องอันตรายในยามออกรบได้ ส่วนคนญี่ปุ่นโบราณเชื่อว่า ไข่มุกคือหยาดน้ำตาแห่งเทพีแสงจันทร์ ดังนั้น จึงไม่นิยมให้เป็นของขวัญกันหรือใส่สร้อยไข่มุกไปในงานแต่งงาน เว้นแต่ว่าจะมอบเป็นของขวัญเมื่อครบรอบแต่งงานปีแรก ปีที่ 12 และปีที่ 30 นอกนั้นคือใส่สร้อยไข่มุกเฉพาะตอนไปงานศพเท่านั้น

ซึ่งในเรื่องความเชื่อทั้งหลายนั้น Hoot-Hoot ไม่ขอฟันธงว่าอะไรถูกผิดนะคะ ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ไม่บังคับกันค่ะ

แถมท้ายให้อีกนิดคือ หากได้ครอบครองไข่มุกมาแล้ว ระวังอย่าให้ความร้อน เหงื่อ น้ำหอม สเปรย์ฉีดผม โลชั่นทาผิว ฯลฯ โดนเม็ดไข่มุกเด็ดขาด เพราะจะทำให้ผิวไข่มุกได้รับความเสียหาย ฉะนั้น ให้ประทินผิว ฉีดน้ำหอมให้เสร็จ แล้วจึงหยิบเครื่องประดับมุกมาใส่เป็นสิ่งสุดท้ายก่อนออกงาน และหากอยากทำความสะอาด แค่ใช้ผ้านุ่มชุบน้ำสะอาดบิดให้หมาดแล้วนำมาเช็ดไข่มุกเบาๆ ทุกครั้งหลังการสวมใส่เสมอ

 

ข้อมูล : http://mgronline.com, DoctorDiamond , The Gem and Jewelry Institute of Thailand (Public Organization)

Don`t copy text!