“เกี๊ยว” อาหารมงคลในเทศกาลตรุษจีน

“เกี๊ยว” อาหารมงคลในเทศกาลตรุษจีน

โดย : Hoot-Hoot

เรื่องราวรอบตัวน่ารู้น่าอ่านกับหลากหลายสิ่งที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน ในคอลัมน์ Lifestyle โดย Hoot-Hoot ที่อ่านออนไลน์แล้วรับรองมีประโยชน์ต่อการใช้ชีวิตอย่างแน่นอน เพราะเรื่องราวดีๆ ที่รายล้อมรอบตัว #มีให้อ่านที่อ่านเอา

…………………………………………..

วันนี้ Hoot-Hoot มีเรื่องอาหารมงคลมาฝากกันค่ะ ซึ่งข้อมูลที่จะเล่าให้ฟังในครั้งนี้ คือเรื่องของ ‘เกี๊ยว’ ที่ชาวจีนถือว่า นี่คือเมนูอาหารมงคลในเทศกาลตรุษจีน ซึ่งแรงบันดาลใจของเรื่องนี้ไม่ใช่ใครอื่นค่ะ โม่เหลียนฮวา จาก ชื่นกลิ่นกุสุมา เพราะนางได้เลือกเมนูเกี๊ยวมาสู้กับแฟนเก่าของสามีนาง

ข้าเลือกที่จะทำเกี๊ยว เพราะข้าสามารถทำมันออกมาโดยที่คิดถึงความสุข”

เพียงแต่ว่า… ความเป็นเหลียนฮวาจะทำเกี๊ยวนี้ให้กลายเป็นเมนูอาหารอร่อยเริ่ดดดดได้ไหม จะเป็นไปได้งั้นหรือ อะๆ แต่เรื่องความพยายามของนางไม่แพ้ใคร ซึ่ง Hoot-Hoot ก็แอบจินตนาการเองว่า ถึงนางจะทำอาหารไม่อร่อย ห่อเกี๊ยวก็อาจจะไปสวยเป๊ะ แต่เชื่อว่านางน่าจะรู้ที่มาที่ไปของเมนูนี้อยู่นะ

‘เกี๊ยว’ เมนูนี้เป็นมายังไง

ถ้าพูดเรื่องอาหารปีใหม่ของจีนและอาหารที่ชาวเอเชียตะวันออกฮิตกันมาตั้งแต่สมัยโบราณไม่พ้นเมนู ‘เกี๊ยว’ ที่ทุกบ้านต้องมีเกี๊ยวฉลองในวันปีใหม่ค่ะ โดยชาวจีนทุกบ้านต้องทำอาหารดีๆ และเป็นมงคลร่วมฉลองในเทศกาลปีใหม่ที่ได้อยู่พร้อมหน้ากับครอบครัว แต่ตามข้อมูล Hoot-Hoot ได้มาจากนาคเหรา เจ้าของผลงาน ชื่นกลิ่นกุสุมา ได้สืบค้นไว้เป็นวัตถุดิบในการเขียนนิยายเรื่องนี้บอกไว้ว่า

ประวัติความเป็นมาของเกี๊ยว ไม่ได้ถูกบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรเอาไว้ว่าเกิดขึ้นตั้งแต่ในสมัยไหน แต่มีข้อมูลว่า เกี๊ยวเป็นอาหารมงคลของชาวจีนที่กินกันตั้งแต่ชนชั้นสูงไปจนถึงประชาชนทั่วไป และโดยมากจะกินกันในเทศกาลตรุษจีนหรือช่วงขึ้นปีใหม่ เพื่อให้เป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ให้มีความเจริญรุ่งเรือง และมีอายุที่ยืนยาวค่ะ

ส่วนเหตุผลที่ชาวจีนถือว่าเกี๊ยวเป็นอาหารมงคลเพื่อส่งเสริมเรื่องสุขภาพและต่ออายุก็สืบเนื่องมาจาก สมัยก่อนมีตำนานเล่าว่าแพทย์จีนชื่อ ‘หมอจางเจี่ยวจือ’ ชาวเมืองหนานหยาง มณฑลเหอหนาน ซึ่งเป็นปรมาจารย์ทางการแพทย์ที่มีความสามารถในการรักษาอาการเจ็บป่วยได้ทุกชนิดได้คิดค้นอาหารชนิดนี้ขึ้นมาในระหว่างทางกลับบ้าน เพราะหมอชาวหนานหยางเห็นชาวบ้านเจ็บป่วย เป็นไข้และหูก็เปื่อยเพราะถูกหิมะกัด จึงคิดสูตรยาขึ้น

สูตรที่ว่าคือต้มเนื้อแพะ พริกและสมุนไพรที่ช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกายในหม้อใบใหญ่ จากนั้นก็ตักเนื้อแพะมาสับให้ละเอียด และใช้แป้งที่นวดไว้ห่อเนื้อแพะสับโดยจีบให้เหมือนรูปหูเพื่อแก้เคล็ดแล้วก็นำไปต้มจนสุก เสร็จแล้วก็ทำน้ำซุปไว้กินคู่กับยาที่ทำขึ้น เมื่อชาวบ้านได้กินยาของหมอจางเข้าไปก็รู้สึกอบอุ่นไปทั้งร่างกาย พอกินต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ตลอดจนถึงวันตรุษจีน ชาวบ้านที่ป่วยอยู่ก็หายป่วย พวกเขาจึงได้ฉลองวันขึ้นปีใหม่ไปพร้อมกัน

และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาชาวจีนก็เลยดัดแปลงทำแป้งจีบห่อไส้ให้คล้ายๆ กับตัวยาของหมอจาง เอาไว้สำหรับรับประทานกันในวันตรุษจีน

ความเชื่อกับเรื่อง ‘เกี๊ยว’

ว่ากันว่า อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ ‘เกี๊ยว’ เป็นอาหารที่นิยมกินกันอย่างแพร่หลายในวันตรุษจีนหรือวันปีใหม่ เพราะรูปร่างของเกี๊ยวมีหลายแบบหลายไส้แตกต่างกัน  ซึ่งรูปลักษณ์ของเกี๊ยวคล้ายกับก้อนเงินของจีนในสมัยโบราณค่ะ แถมยังมีตำนานเล่าว่าการกินเกี๊ยวในช่วงปีใหม่ว่า ทำเกี๊ยวให้เหลือเยอะกว่าที่จะกินจะช่วยให้มีเงินเหลือใช้มากมายในปีนั้น  ส่วนคนที่อยู่ตามชนบทจะทำเกี๊ยวที่มีลวดลายคล้ายรวงข้าวสาลีเพื่อเป็นสัญลักษณ์แสดงว่าในรอบปีใหม่นี้จะมีการเก็บเกี่ยวที่อุดมสมบูรณ์

นอกจากนี้ เวลาทำเกี๊ยว คนจีนเชื่อว่าควรจะมีจำนวนของจีบเป็นเลขมงคล และต้องจีบเกี๊ยวให้มีลักษณะป่องกำลังดี ถ้าทำแบนๆ จะหมายถึงความยากจน และบางคนก็จะใส่ด้ายสีขาวภายในไส้เกี๊ยว ซึ่งคนที่รับประทานเกี๊ยวนั้นจะมีชีวิตยืนยาว เอ… แต่ Hoot-Hoot ก็สงสัยนะว่า ต้องแหวะเอาด้ายออกก่อนค่อยกินสินะ โอ๊ยยยย ยุ่งยากไปอีกกว่าจะได้กินเนอะ

ทีนี้มาดูเรื่องเกี๊ยวกันอีกหน่อย อย่างที่เราพอจะนึกๆ กันได้ว่า ไส้เกี๊ยวต้องผสมทั้งเนื้อสัตว์และผักด้วยกัน แต่ไม่ใช่แค่สับๆ เท่านั้นนะคะ คนจีนเชื่อว่า เสียงสับไส้ยิ่งนานยิ่งดังจะยิ่งทำให้มีทรัพย์สินเหลือมากและยาวนาน เพราะเสียงของคำว่า เนื้อและผักรวมกันจะคล้ายกับเสียงคำว่า มีทรัพย์ และถ้าใช้เวลานานในการสับไส้เกี๊ยว ยังเป็นการแสดงว่าบ้านนี้มีชีวิตที่มั่งคั่งอีกด้วย

ที่มาข้อมูล : http://thai.china.com และนาคเหรา

 

Don`t copy text!