ศรีนาง ตอนที่ 11 : ผัวเมียแก้มช้ำ

ศรีนาง ตอนที่ 11 : ผัวเมียแก้มช้ำ

โดย : เมษาริน

Loading

ศรีนาง โดย เมษาริน นวนิยายที่อ่านเอานำมาให้ทุกคนได้อ่านออนไลน์ทาง anowl.co กับชะตาชีวิตของ ศรีนาง สาวชาวบ้านผู้อาภัพเพราะบิดามารดาจากไปด้วยโรคร้าย และนั่นเป็นแรงผลักดันให้เธออยากเป็นหมอ แต่เธอขาดก็คือโอกาสดีๆ นั้น กระทั่งโชคชะตาชักนำให้เธอช่วยชีวิตนายทหารหนุ่มชาวกรุง ผู้ทำให้ชีวิตของเธอไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

ภาพบ้านสีขาวสองชั้นหลังใหญ่ปรากฏตรงหน้าศรีนาง แม้ตัวบ้านซ่อนตัวอยู่หลังรั้วปิดทึบมิดชิด แต่ความมั่งคั่งร่ำรวยกลับเห็นได้ชัด สาวน้อยจากชนบทห่างไกลตื่นตะลึงกับความใหญ่โตโอ่อ่าตั้งแต่ประตูทางเข้า

เพราะมาถึงพร้อมแสงแรกของวัน สารินจึงไม่ได้กดกริ่งเรียกแม่บ้านมาเปิดรั้ว ชายหนุ่มไขกุญแจเข้าทางประตูเล็ก ก่อนเดินเข้าบ้านด้วยความเคยชิน ทว่าศรีนางยังยืนนิ่งที่ริมรั้ว สารินสบตากลมโตด้วยความเข้าอกเข้าใจ ถือวิสาสะเอื้อมมือมาจับข้อมือเล็ก แล้วบังคับจับจูงเดินเคียงไปด้วยกัน

“มาเถอะ ไม่ต้องกังวล”

สาวน้อยเพียงพยักหน้า สายตามองไปรอบๆ ด้วยท่าทีสงสัยใคร่รู้ บ้านสวยหลังใหญ่รายล้อมด้วยสนามหญ้าสีเขียวสดมีไม้ดอกไม้ประดับตกแต่งอย่างลงตัว ริมรั้วด้านหนึ่งเป็นโรงจอดรถสำหรับเก๋งโก้หรูสองคัน เมื่อเงยหน้ามองขึ้นไปชั้นสองของตัวบ้านก็พบแนวระเบียงกว้างกับโต๊ะเก้าอี้สำหรับพักผ่อน เธอเคยเห็นอะไรแบบนี้ในหนังกลางแปลง เมื่อได้เห็นของจริงจึงตื่นเต้นไม่น้อย

ศรีนางเดินตามสารินต้อยๆ สังเกตว่าเขาไม่ได้พาเธอเข้าทางประตูหน้า แต่อ้อมไปทางด้านหลังแทน ตรงนั้นมีอาคารเตี้ยๆ ต่อเติมเป็นครัวไทยเล็กๆ เชื่อมกับประตูหลังบ้านที่เปิดกว้าง

เสียงเพลงลูกทุ่งจากเครื่องทรานซิสเตอร์ผสานกับเสียงกุกๆ กักๆ ของแม่บ้านสาวใหญ่ ซึ่งกำลังผ่าหลังกุ้งอยู่ที่โต๊ะหินอ่อน นางฮัมเพลงอย่างสบายใจ

“ป้าแอ๊ด” สารินเอ่ยเรียกแม่บ้านในจังหวะที่ทรานซิสเตอร์เกิดเสียงซ่าๆ คลอไปกับเสียงเรียกเบาๆ ของชายหนุ่ม

“ว้าย คุณพระช่วย” แม่บ้านทิ้งกุ้งทิ้งมีด มองซ้ายมองขวาหาที่มาของเสียง พลางวางสองมือทาบอก “คุณริน…หรือคะ”

สารินยืนอยู่ใต้เงาต้นมะม่วงซึ่งแสงเช้ายังส่องไม่ถึง แม่บ้านเห็นเพียงเงาตะคุ่มๆ กับข่าวคราวที่ว่าลูกชายคนโตของเจ้าบ้านขาดการติดต่อ หายตัวไปอย่างลึกลับหลังทำภารกิจลับ จากวันนั้นถึงวันนี้นับได้หลายสิบวัน คุณนายลออเปรยให้ได้ยินบ่อยๆ ว่า…

‘คุณเดี่ยวฝันร้าย ยังติดต่อรินไม่ได้เลย ฉันว่าบางทีนะแอ๊ด…บางทีรินอาจจะตายระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ตรงนั้นเคยเป็นพื้นที่สีแดงด้วยสิ หายไปนานอย่างนี้…ฉันว่าไม่รอดหรอก’

คิดได้ดังนั้นแม่บ้านหน้าซีด ลมแทบจับ นางพนมมือไหว้ปลกๆ พึมพำสวดมนต์ผิดๆ ถูกๆ “นะโม ไปที่ชอบๆ นะคุณริน สัพเพสัตตา กลัวแล้ว สาธุ”

“เขาคิดว่าพี่รินเป็นผีเหรอ” ศรีนางกระซิบกระซาบเสียงเบา ไม่เข้าใจท่าทีประหลาดๆ พวกนั้น

“ฮือออ เพิ่งหาบ้านเจอเหรอคะ ป้าจะทำบุญไปให้ อย่ามาหลอกมาหลอนคนแก่เล้ยยยยย”

“ป้าแอ๊ด!” เสียงเล็กแหลมเป็นของหญิงสาววัยรุ่น แต่งกายด้วยชุดนักศึกษา แต่งหน้าทำผมตามสมัยนิยม จะน่ามองกว่านี้ ถ้าเจ้าตัวเลิกทำหน้าบึ้งตึงเอาแต่ใจ คนมาใหม่ยืนเท้าสะเอว ถลึงตา แล้วแผดเสียงแหลมแสบแก้วหู “อะไรกัน ข้าวต้มกุ้งยังไม่เสร็จอีกเหรอ ดาบอกตั้งแต่เมื่อคืนว่าวันนี้มีเรียนเช้า คอยดูเถอะ ดาจะฟ้องคุณแม่”

“คุณดา” แม่บ้านไม่กล้าหันไปมองใต้ต้นมะม่วง หลับหูหลับตาวิ่งไปแอบด้านหลังลูกสาวคนโตของคุณนายลออ “ผะ…ผี”

“อี๋…ป้าแอ๊ดเอามือออกไป๊ อย่ามาจับตัวดา มือสกปรกเหม็นคาวจะตาย” ลัดดาเต้นเร่าๆ เสียงดังลั่นบ้าน ไม่พอใจที่แม่บ้านเอามือที่แกะกุ้งมาจับเนื้อตัวหล่อน อารมณ์เสียจนแว้ดใส่ไม่ยั้ง ไม่ได้ฟังว่าแม่บ้านพูดอะไร

“ผีค่ะคุณดา” ป้าแอ๊ดแอบหลังลัดดาตัวสั่น

“เหลวไหล”

“ผี…ผีอยู่ตรงนั้น” แม่บ้านหลับตาไม่กล้ามองใต้ต้นมะม่วง

“อะไรกันยายดา เสียงดังไปถึงชั้นสอง เดี๋ยวคุณพ่อก็ดุเอาหรอก โตแล้วยังหาเรื่องให้โดนต่อว่าได้ทุกวัน” ลออฉอดใส่ลูกสาวคนโต ก่อนจะเห็นว่าแม่บ้านยืนหน้าซีดตัวสั่นเหมือนเป็นไข้ “แล้วหล่อนเป็นอะไรแม่แอ๊ด ข้าวต้มน่ะเสร็จหรือยัง คุณดายิ่งรีบๆ อยู่ ไป๊ ไปทำงานทำการ ฉันไม่ได้จ้างหล่อนมาฟังวิทยุทั้งวันนะ”

“คุณแม่ขา ดูป้าแอ๊ดสิคะ เป็นบ้าอะไรไม่รู้ จู่ๆ ก็พูดเรื่องผี”

“คะ…คุณรินค่ะ ผะ…ผีคุณริน”

คุณนายลออกับลูกสาวหุบปากฉับ แดดเช้าอุ่นๆ ในฤดูร้อนพลันเย็นวาบจนขนอ่อนหลังต้นคอลุกชัน

“เขาว่าคนตายโหงบางทีก็ไม่รู้ตัวว่าตาย ต้องรอสามวันเจ็ดวัน คุณรินอาจจะเพิ่งรู้ตัว” ป้าแอ๊ดพูดเสียงเบาราวกระซิบ

“อย่าพูดพล่อยๆ นะนังแอ๊ด” ลออดุหญิงรับใช้เสียงเขียว “ที่นี่ไม่ใช่บ้านรินสักหน่อย บ้านของฉันย่ะ ถ้าตายแล้วกลายเป็นผีแล้วจริงๆ โน่น ไปเร่ร่อนขอส่วนบุญที่บ้านปรียาธรโน่น”

สารินที่ยืนอยู่ใต้เงาไม้ทำเสียงบางอย่างในคอ สถานการณ์ตอนนี้ช่างน่าขำ แต่กลับหัวเราะไม่ออก เขาขาดการติดต่อกับทางบ้าน ไม่รู้ว่ามีใครพยายามตามหาหรือเปล่า ส่วนแม่เลี้ยงก็คิดว่าเขาตายไปแล้ว และต่อให้กลายเป็นวิญญาณก็ห้ามเรียกที่นี่ว่าบ้าน

“สวัสดีครับคุณน้า” สารินขยับออกจากร่มเงามืดครึ้ม พนมมือไหว้ภรรยาใหม่ของพ่อ ตอนที่เงยหน้ารับแสงอรุณใบหน้าขาวสะอาดสะอ้านปรากฏแก่สายตาคุณนายลออ มีเพียงหนวดเคราเขียวๆ กับผมที่ยาวขึ้นทำให้ดูแปลกตา นอกนั้นชายหนุ่มที่มีสายเลือดราชนิกุลก็เหมือนเดิมทุกประการ “สวัสดีดา สวัสดีป้าแอ๊ด ผมไม่ใช่ผี ผมยังไม่ตายนะฮะ”

“โอยยยย คุณรินตัวเป็นๆ แหม…มายืนเงียบๆ มืดๆ อยู่ตรงนั้น ป้าตกใจแทบตาย” ป้าแอ๊ดนึกขึ้นได้ รีบสาวเท้าพาร่างอวบอ้วนขึ้นชั้นสอง “ป้าจะไปตามเสธ.ค่ะ คุณพ่อเป็นห่วงคุณรินมากนะคะ”

“แล้วนั่นใคร” ตอนนี้รอบกายเริ่มสว่าง ลัดดาไม่เคยใส่ใจพี่ชายต่างแม่ว่าจะอยู่หรือไป จะเป็นหรือตาย แต่เมื่อเห็นร่างเล็กๆ ที่แอบอยู่หลังสาริน ดวงตายาวรีคมกริบเหมือนแม่ก็จ้องเขม็ง

“เอ๊ะ นั่นรินพาใครมาด้วย” ลออหรี่ตามองคนที่ยังยืนนิ่งใต้ต้นมะม่วง แสงสลัวทำให้เห็นใบหน้าไม่ชัด แต่เดาว่าเป็นผู้หญิง “น้าถามว่าใคร”

สารินยังนิ่ง ไม่ตอบคำถามแม่เลี้ยง

“ริน น้าถามว่าพาใครมาด้วย” ลออเพิ่มระดับเสียง สีหน้าแสดงความไม่พอใจ

“ริน…รินกลับมาแล้วจริงๆ หรือแอ๊ด” เสียงกังวานทรงอำนาจดังมาก่อนตัว เสธ.เดี่ยวเดินเร็วๆ ทั้งที่สวมเครื่องแบบไม่เรียบร้อย ไม่เคยมีใครเห็นคนเจ้าระเบียบอย่างพันเอกดนูแบบนี้บ่อยนัก “ริน ลูกพ่อ อ่า…เป็นรินจริงๆ”

คนเป็นพ่อถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อเห็นลูกชายคนโตกลับมาอย่างปลอดภัยครบสามสิบสอง พ่อลูกไม่ได้สวมกอดกัน เป็นสารินที่พนมมือทำความเคารพผู้ให้กำเนิด ส่วนดนูเพียงวางมือบนบ่าแล้วบีบไหล่ลูกชาย ทว่าวินาทีถัดมาท่านเสนาธิการนิ่วหน้าเมื่อพบว่าลูกชายผอมลง แต่ที่ขัดหูขัดตาคือหนวดเคราข้างแก้มและความยาวของเส้นผมบนศีรษะ

“สวัสดีครับคุณพ่อ”

“หายไปไหนมาริน ติดต่อไม่ได้ จ่าด้วงก็หายไปเหมือนกัน”

“คือว่าผม…” สารินยังไม่ทันตอบ บิดาก็ถามขึ้นมาก่อน

“นี่ใคร” คิ้วเข้มของพันเอกดนูย่นเข้าหากัน เพิ่งสังเกตเห็นหญิงสาวรูปร่างเล็กบาง ยืนตัวลีบด้านหลังลูกชาย

“พ่อครับ…นี่น้องนุ้ย ศรีนางครับ น้องมากับผม”

ศรีนางเดินออกจากเงาสลัวช้าๆ พนมมือไหว้บิดาของสาริน คุณนายลออ ป้าแอ๊ด และลัดดา ทุกสายตาที่จับจ้องทำสาวน้อยประหม่า

“มากับริน? มาทำไม” ดนูถามด้วยสังหรณ์บางอย่าง ได้แต่ภาวนาให้ตัวเองเข้าใจผิด ลูกชายคนโตไม่เคยทำอะไรผิดแผกแหกกฎและไม่เคยไม่เชื่อฟังคำสั่ง

สารินคว้าข้อมือเล็กบางมากุมแล้วดึงเข้าหาตัว ก่อนประกาศให้ทุกคนรับทราบพร้อมๆ กัน

“น้องนุ้ยเป็น…เป็นเมียผมครับ”

สิ้นคำ ร่างสูงโปร่งของสารินเซถลาไปปะทะชุดเก้าอี้หินอ่อน มุมปากมีเลือดซึม ลัดดาเผลอกรี๊ดเสียงดัง ส่วนลออคิดไม่ถึงว่าสามีจะตบหน้าลูกชายที่หายร่วมเดือนในหนึ่งนาทีที่พบหน้า

“พะ…พี่ริน” ศรีนางทำอะไรไม่ถูก เธอรุดไปประคองชายหนุ่ม เขาแค่พยักหน้า ใช้สายตาสื่อสารว่าไม่เป็นไร

สารินยันกายขึ้นยืนตรง เงยหน้าเล็กน้อย สองมือวางข้างลำตัว เหมือนกำลังปฏิบัติหน้าที่ต่อหน้าผู้บังคับบัญชา โดยไม่มีใครคาดคิด หลังมือหนากระแทกแก้มตอบของสารินเป็นครั้งที่สอง ใบหน้าชายหนุ่มสะบัดตามแรงมือ แต่ไม่ล้มเหมือนครั้งแรก

ดนูมองลูกชายแล้วปรายตามองหญิงสาวที่สารินบอกว่าเป็นเมียเพียงแวบเดียว ทว่าทันเห็นแหวนทองคำขาวของอดีตภรรยาบนนิ้วศรีนาง

“จัดการตัวเองให้เรียบร้อย แล้วไปรายงานตัวที่กอง รู้ใช่ไหมว่าทำผิดวินัย”

ถ้าเป็นเมื่อก่อนสารินคงตอบสั้นๆ ว่าครับ แต่ตอนนี้เขารู้ว่าชีวิตนั้นแสนสั้น เมื่อเกิดข้อกังขาจึงเอ่ยถาม “คุณพ่อจะไม่ถามสักคำหรือครับว่าเกิดอะไรกับผม”

“ไม่จำเป็น”

 

ห้องพักสารินในเคหสถานที่เรียกว่าบ้าน ตั้งอยู่ชั้นล่างใกล้ครัวฝรั่งและประตูหลัง ส่วนสมาชิกที่เหลือยกเว้นแม่บ้านมีห้องพักบนชั้นสอง หลังได้รับคำสั่งจากบิดา ชายหนุ่มจูงมือศรีนางเข้าห้องส่วนตัว ไม่มีเวลาอธิบาย สารินรีบเข้าห้องน้ำเพราะเกรงจะสายไปกว่านี้ ส่วนสาวน้อยเดินไปเดินมาอย่างกระวนกระวาย เป็นห่วงสารินจนไม่อาจนั่งรอเฉยๆ

ระยะเวลาในช่วงสองสามวันนี้ เกิดเหตุการณ์สร้างเสริมประสบการณ์ชีวิตให้หญิงสาววัยสิบแปดมากมาย แต่สิ่งหนึ่งที่ศรีนางเรียนรู้คือไม่ว่าไพร่หรือผู้ดีเวลาโมโหก็เผยสันดานดิบ ทุบตีใช้กำลังเหมือนกันทั้งนั้น คิดแล้วก็น่าขัน เธอกับสารินเป็นผัวเมียแก้มแดงช้ำ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยนิ้วมือ

“พี่ริน” ศรีนางปรี่เข้าหาสารินทันทีที่ชายหนุ่มออกจากห้องน้ำ ใบหน้าสะอาดสะอ้านเกลี้ยงเกลาไร้หนวดเครา บนผิวขาวจัดปรากฏรอยช้ำที่มุมปาก ซีกหนึ่งเป็นรอยแดงตั้งแต่กกหูยาวถึงปลายคาง “เจ็บไหม”

“ขอโทษนะ วันแรกก็มีเรื่องเลย” สีหน้าชายหนุ่มเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด “พี่ไม่คิดว่าคุณพ่อจะโกรธขนาดนี้”

“ตบแรงมาก แรงกว่าแม่เฒ่าหลายเท่า” ศรีนางเพิ่งตระหนักว่าเรี่ยวแรงของชายหญิงต่างกันสิ้นเชิง “นุ้ยมียา พี่รินทายาก่อนนะ เจ็บมากแน่ๆ พี่ไม่ต้องพูดก็ได้ นุ้ยเข้าใจ” ศรีนางเข้าใจความเจ็บปวดของชายหนุ่ม เธอที่อยู่ในเหตุการณ์อยากตะโกนบอกประมุขของบ้านว่า…

ลูกชายเกือบตาย หายไปเป็นสิบวัน จะไม่ถามสักคำเลยหรือ เป็นพ่อแบบไหนกัน

“พี่เป็นห่วงนุ้ย” สารินไม่สนใจกับรอยแตกเล็กๆ ที่มุมปาก แต่เป็นกังวลและไม่สบายใจกับคำพูดก่อนหน้านี้ของบิดาต่างหาก…

รายงานตัว

ผิดวินัย

“ตอนเย็นพี่รินก็กลับมาแล้ว นุ้ยจะอยู่แต่ในนี้ ไม่ออกไปวุ่นวายข้างนอก” แม้เพิ่งเจอครอบครัวชายหนุ่ม แต่ศรีนางเป็นคนหัวไว แวบเดียวก็ดูออกว่าเขาอยู่ท่ามกลางผู้คนแบบไหน

สารินไม่ตอบ ชายหนุ่มวิตกกังวล ห่วงหน้าพะวงหลัง เขารู้จักรู้ใจพ่อตัวเองดี “พี่ไม่มีเวลาอธิบาย แต่ถ้าวันนี้พี่ไม่กลับมา…”

“พี่รินจะไปไหนคะ คงไม่ทิ้งนุ้ยตั้งแต่วันแรกใช่ไหม”

คำถามของศรีนางทำสารินเครียดและกังวลกว่าเดิมหลายเท่า ชายหนุ่มครุ่นคิด คนเดียวที่พึ่งพาได้ในสถานการณ์เช่นนี้คือน้องชายแม่ “พี่หายไปหลายวัน ต้องโดนสอบสวนครับ กระบวนการนี้มันใช้เวลา”

“แต่พี่รินโดนงูกัดเกือบตายนะ รอยเขี้ยวยังอยู่ด้วยซ้ำ”

“ครับ ตอนโดนสอบพี่ต้องรายงานทุกอย่าง” หัวคิ้วสารินขมวดแน่น ในหัวคิดอ่านเร็วจี๋ ครู่เดียวสีหน้าชายหนุ่มก็ผ่อนคลาย “คุณน้าของพี่เป็นเพื่อนคุณเบน…เบนจามิน ไว้ใจได้ พี่จะวานให้คุณน้ามาหาน้อง ขาดเหลืออะไรก็บอกคุณชาย”

ศรีนางพยักหน้าส่งๆ ตอนนี้เธอเป็นห่วงสารินมากกว่าตัวเองเสียอีก “ขอโทษค่ะ พี่รินเดือดร้อนเพราะนุ้ยอีกแล้ว”

“หิวไหม” สารินไม่ห่วงตัวเอง เพียงวันแรกก็วุ่นวายจนหัวหมุน

ศรีนางส่ายหน้า ตัวเองลำบากอยู่แท้ๆ ยังเป็นห่วงเรื่องปากท้องคนอื่น เธอตั้งใจขังตัวเองอยู่ในห้อง ทนหิวแค่นี้…ศรีนางทำได้

“พี่จะบอกให้คุณน้ารีบมา”

“พี่ริน…พี่ก็ต้องกลับมาเหมือนกัน นุ้ยจะรอพี่ค่ะ”

สารินไม่ตอบ เขาไม่อยากโกหก ผลของการขัดคำสั่งคนที่เป็นทั้งผู้บังคับบัญชาและเป็นผู้ให้กำเนิด บทลงโทษไม่ได้มีเพียงผิดวินัยอย่างเดียวแน่ๆ

 

บนโต๊ะไม้สักทองมีเทิร์นเทเบิลหรือเครื่องเล่นแผ่นเสียงขนาดกระทัดรัดรุ่น TX-1000 ซึ่งผลิตโดยบริษัทนากามิชิประเทศญี่ปุ่นและวางจำหน่ายในประเทศสหรัฐอเมริกาด้วยราคาเกือบๆ หนึ่งหมื่นดอลลาร์สหรัฐ เมื่อแปลงเป็นค่าเงินบาทแล้ว เจ้าเครื่องเล่นแผ่นเสียงสีดำก้านสีทองจึงมีราคาสูงถึงหกหลัก รสนิยมจึงไม่ใช่สิ่งที่ใครจะเลียนแบบได้ง่ายๆ

ชายหนุ่มเจ้าของเทิร์นเทเบิลราคาแพงยังอยู่ในชุดนอน ร่างสูงใหญ่สง่างามเลือกแผ่นเสียงที่วางเรียงรายครู่หนึ่ง หลังได้เพลงที่อยากฟังในเช้าวันนี้ พิธีกรรม ‘เสพดนตรี’ ก็เริ่มขึ้น

I know just how to whisper,

And I know just how to cry

I know just where to find the answers

And I know just how to lie. (1)

“คุณชายคะ ขออนุญาตค่ะ” สอางค์ ลูกนางสะอิ้ง หลานยายเอี่ยมคนเก่าคนแก่ของปรียาธรยอบกายหน้าธรณีประตูเพื่อรายงานคนเป็นนาย “มีโทรศัพท์ค่ะ”

ฉัตรชลธรยังหลับตาพริ้มอยู่บนอาร์มแชร์นุ่มสบาย ปลายนิ้วเรียวยาวขยับเป็นจังหวะเดียวกับเสียงดนตรี

“คุณรินโทรมาค่ะ”

“ฮะ?” ฉัตรชลธรทะลึ่งตัวขึ้นมาในนาทีนั้น ชายหนุ่มเดินแกมวิ่งข้ามห้อง รีบร้อนไปรับโทรศัพท์ เขารู้จากเบนจามินว่าหลานชายต้องไปทำภารกิจบางอย่างให้ใครบางคน ซึ่งหนีไม่พ้นดนูพ่อสาริน เขาพยายามถามข่าวหลานชาย แต่อดีตพี่เขยบอกเพียงว่าสารินปฏิบัติหน้าที่อยู่ทางใต้ “รินกลับมาแล้วหรืออางค์”

“ค่ะคุณชาย” สาวใช้รายงานตอนวิ่งตามเจ้าของบ้าน สอางค์เป็นหญิงสาววัยเดียวกับฉัตรชลธร ตอนเด็กๆ เคยเล่นด้วยกัน เจ้านายบ้านนี้ไม่ได้ถือยศถืออย่าง

ทันทีที่ได้ยินเสียงสาริน ฉัตรชลธรก็พ่นหลายคำถาม รวมถึงต่อว่าหลานชาย ค่าที่ทำให้เป็นห่วง “โทรมาสักกริ๊งไม่ได้หรือริน จดหมายสักฉบับก็ไม่มี เบนบอกว่านายจะตามมาในสามวัน นี่อะไรวะ หายหัวไปเกือบเดือน พ่อนายก็อีกคน ถามอะไรก็ไม่ตอบ”

“คุณชายครับ” สารินเพิ่งหาจังหวะพูดแทรกได้ “ผมมีเรื่องจะรบกวน”

“มีอะไร เสียงนายฟังดูเครียดๆ”

“ตอนนี้ผมไม่มีเวลาอธิบาย แต่ผมหายไปหลายวัน ไม่ได้รายงานตัว ผิดวินัย…”

“นั่นสิ แล้วนายหายไปไหนมา นี่ไม่ใช่นิสัยนายเลยนะริน ปกติทำตัวเหมือนไม้บรรทัด”

“เกิดเรื่องกับผมครับ เอ่อ…เกือบเอาชีวิตไม่รอด” สารินไม่ได้อธิบายอะไรมากไปกว่านี้ “ที่สำคัญกว่านั้นคือผมเจอใครบางคนที่นั่นครับ ผมพาเธอมาด้วยครับ ผมรักเธอ น้องชื่อนุ้ย…เป็นภรรยาผม”

มีไม่กี่ครั้งในชีวิตที่ฉัตรชลธรพูดไม่ออก คนอายุมากกว่านิ่งอึ้ง สมองไม่ประมวลผลชั่วขณะ

“คุณชายครับ วันแรกก็เจอเรื่องยุ่งยากเสียแล้ว ผมอาจโดนคุณพ่อสั่งขัง ผมทิ้งน้องไว้ที่บ้านคนเดียวไม่ได้ ผมเป็นห่วง”

“อ่า หลานสะใภ้ชื่อนุ้ย” ฉัตรชลธรทวนชื่อซ้ำ ตอนนี้ไม่ได้สนใจว่าสารินจะโดนลงโทษอย่างไร ผู้หญิงแบบไหนกันนะที่ทำให้หลานชายกล้าขัดใจพ่อ กล้าปฏิเสธลูกสาวนายพล

ฝ่ายสารินเอ่ยขอความช่วยเหลืออีกสองสามประโยคก็วางสาย ทิ้งให้น้าชายตั้งสติอยู่หน้าโทรศัพท์อีกหลายนาที

“กูดมอร์นิ่ง ชาร์ลส์” เบนจามินสางผมสีแดงยุ่งเหยิงสองสามที รินกาแฟดำใส่แก้วมัค

“เบน รินกลับมาแล้ว หลานฉันหายไปเกือบเดือน นายต้องไม่เชื่อแน่ๆ ว่าริน…”

“ริน ทำไม” เบนจามินเลิกคิ้วถามพลางดื่มกาแฟราวน้ำเปล่า แต่วินาทีต่อมาชายชาวอังกฤษอ้าปากหวอ กาแฟดำไหลผ่านมุมปากเกิดภาพน่าขำ

“รินมีเมียแล้วว่ะ”

 

เชิงอรรถ : 

(1) เพลง Making Love Out Of Nothing At All ศิลปิน Air Supply

 



Don`t copy text!