อ่านออนไลน์ก็ดี แต่จะให้คอมพลีตต้องซื้อเก็บ

เรื่องราวรอบตัวน่ารู้น่าอ่านกับหลากหลายสิ่งที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน ในคอลัมน์ Lifestyle โดย Hoot-Hoot ที่อ่านออนไลน์แล้วรับรองมีประโยชน์ต่อการใช้ชีวิตอย่างแน่นอน เพราะเรื่องราวดีๆ ที่รายล้อมรอบตัว #มีให้อ่านที่อ่านเอา

…………………………………………..

“ไหนใครยังอ่านหนังสือบนกระดาษกันอยู่บ้างคะ?” ที่ถามขึ้นมาแบบนี้เพราะ Hoot-Hoot ได้นั่งคุยกับเพื่อนๆ ถึงเรื่องการอ่านนิยายออนไลน์ค่ะ ประเด็นก็แค่ ใครอ่านเรื่องไหนอยู่บ้าง อ่านจากเว็บไหน (anowl.co หรือเปล่า คริๆ) สนุกไหม ใครเป็นคนเขียน ฯลฯ

ปรากฏว่าเพื่อนคนหนึ่งพูดบางอย่างขึ้นมาจนกลายเป็นประเด็นวันนี้ คือ “อ่านจบหลายเรื่องมากแก แต่เรื่อง…สนุกมาก นี่ก็รอรวมเล่มอยู่” เท่านั้นแหละ คำถามก็มาทันทีว่า “ซื้อรวมเล่มทำไม (วะ) ในเมื่อมีในออนไลน์และอ่านแบบทันใจ ไม่ต้องออกไปซื้อหาที่ไหนด้วย”

นั่นสิ… ทำไมบางคนยังซื้อนิยายเล่ม หรือหนังสืออะไรก็ตามที่ผลิตขึ้นจากกระดาษอ่านกันอยู่ สารพัดคำตอบที่สรุปมาได้ในวันนั้นกำลังจะถ่ายทอดให้เพื่อนๆ รู้ด้วยกันตอนนี้แล้วค่ะ

“กระดาษไม่มีแสงสะท้อนออกมาให้ปวดตา” เพราะมีทางเลือกในเรื่องกระดาษถนอมสายตาเข้ามาเป็นตัวช่วยสำคัญ ซึ่งเจ้ากระดาษถนอมสายตาสีน้ำตาลนวลๆ ช่วดลดแสงที่จะสะท้อนเข้าสู่ดวงตาได้ขณะที่อ่านหนังสือ

“ชอบกลิ่นของกระดาษ ยิ่งเก็บไว้นานยิ่งมีกลิ่นเฉพาะตัว” ยิ่งเก่าเก็บยิ่งมีกลิ่นเฉพาะตัว ซึ่งเจ้ากลิ่นเหล่านี้คือสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่ายที่หนังสือปล่อยออกมา โดยเราจะได้กลิ่นต่างกันไป บางเล่มก็เป็นกลิ่นไม้ กลิ่นควันไฟ กลิ่นดิน รวมถึงกลิ่นหมึกที่เพิ่งถูกพิมพ์ และโดยเฉพาะในหนังสือเก่าที่บางเล่มให้ความรู้สึกไปถึงกลิ่นอัลมอนด์ บางเล่มเป็นกลิ่นวานิลลา ซึ่งกลิ่นทั้งหลายเกิดจากวัตถุดิบที่ใช้ทำกระดาษนั่นคือไม้ ผสานกับสารเคมีของหมึกพิมพ์นั่นเอง

“ถือหนังสืออ่านไม่ร้อนมือ เพราะมือถือหรือแท็บเล็ตบางรุ่นเปิดนานๆ แล้วเครื่องร้อน” เหตุผลง่ายๆ ที่บางคนเถียงขึ้นมากลางวงว่า เลือกรุ่นที่มันไม่ร้อนสิ แต่จะเลือกได้ทุกคนไหม งบประมาณการซื้อแต่ละคนเท่ากันที่ไหน นอกจากนี้อายุการใช้งานของตัวเครื่องและแบตเตอรี่ก็มานั่งกะเกณฑ์กันยาก นี่จึงเป็นอีกเหตุผลที่เพื่อนๆ ให้กับฮูกมา

“หนังสือมาพร้อมที่คั่น ของสะสมในดวงใจ” ดุเหมือนไม่ใช่เหตุผลที่น่าสนใจเท่าไหร่ แต่นี่คือเหตุผลที่นางบอกจริงๆ เพราะนอกจากได้หนังสือที่ชอบมาครอบครองแล้ว หากซื้อเป็นนิยาย นิทาน หรือบางทีใบแทรกอะไรก็ตามมันมีความพิเศษและเฉพาะตัวที่กลายมาเป็นของสะสมได้

 “ขี้เกียจรอโหลด” ถึงใครจะบอกว่าอินเทอร์เน็ตเขาไปไกลถึง 5G กันแล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่า สัญญาณจะดีทุกพื้นที่ที่เปิดอ่าน บางบ้านฝนตกแรงๆ เน็ตก็ปลิวไปตามลมเช่นกัน แต่ถ้าอ่านหนังสือเนี่ย แค่ออกแรงหยิบ พลิกหน้ากระดาษก็ได้อ่านไม่ต้องรอแล้ว

“เก็บไว้ได้นานชั่วลูกชั่วหลาน” ถ้าเก็บหนังสือดีๆ หนังสือเล่มนั้นสามารถอยู่กับเจ้าของได้กว่า 50 ปีแน่นอน (บางคนเชื่อว่าเกิน 100 ปีก็ยังไหว!!) เพราะอย่างหนังสือที่ฮูกมีอยู่ในบ้านคือพิมพ์ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2512 ซึ่ง ณ ตอนนี้ ทุกหน้ายังอยู่ครบ สามารถอ่านพร้อมดมกลิ่นเก่าๆ ได้แบบสบายๆ

แล้วเพื่อนๆ ล่ะคะ เห็นด้วยกับเหตุผลที่ฮูกเมาท์กับเพื่อนๆ ไหม แต่ไม่ว่าจะเป็นการอ่านในรูปแบบไหน ความสำคัญคือ ได้อ่านอย่างที่อยากอ่าน ได้ซึมซับความสนุกและสิ่งที่นักเขียนต้องการถ่ายทอด ใครใคร่อ่านทางโลกออนไลน์ก็อ่านกันไป ใครใคร่ซื้อมาเก็บไว้ก็ทำได้ ตราบใดที่ยังมีผู้ผลิตหนังสือเป็นเล่มให้เราได้อ่าน จริงไหมคะ