ฤทัยยักษ์ บทที่ 15.2 : รักที่กลับคืน

ฤทัยยักษ์ บทที่ 15.2 : รักที่กลับคืน

โดย : เวฬุวลี

Loading

ฤทัยยักษ์ โดย เวฬุวลี นวนิยายที่อ่านเอานำมาให้อ่านออนไลน์ที่ anowl.co กับเรื่องราวของ ‘ฤทัยมาศ’ ตำรวจสาวที่ต้องเข้าไปสืบคดีที่เชื่อมโยงกับอดีตของเธอที่มีร่วมกับยักษ์หนุ่มจากวัดโพธิ์นามว่า ‘แสงอาทิตย์’ และยังไปเกี่ยวพันกับเบื้องลึกเบื้องหลังของศึกยักษ์วัดโพธิ์กับยักษ์วัดแจ้งที่เล่าขานกันมาเนิ่นนาน

 

ในคืนนั้น แสงอาทิตย์ไปหาทศกัณฐ์อีกครั้ง แต่คราวนี้เขาไปพร้อมกับฤทัยมาศ รวมทั้งนำฤๅษีดัดตนที่เป็นไส้ศึกไปด้วย เพื่อชี้แจงว่าเหตุการวิวาทมีผู้อยู่เบื้องหลัง

“เจ้าว่าไงนะ” ทศกัณฐ์ถามย้ำเมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากฤทัยมาศ และได้ยินคำสารภาพจากฤๅษีดัดตน “เจ้าว่าพวกเราทั้งหมดถูกหลอกงั้นหรือ”

“คุณ เอ่อ…” ฤทัยมาศพยายามจะถามทศกัณฐ์ซึ่งบัดนี้ย่อตัวมาอยู่ในขนาดของคนปกติ แต่หญิงสาวก็ยังไม่รู้ว่าควรเรียกขานเขาว่าอย่างไรดี “คุณทศกัณฐ์ช่วยเล่าให้ฟังเรื่องเมื่อร้อยกว่าปีก่อนได้มั้ยคะ ตอนที่คุณบอกว่าแสงอาทิตย์โกงเงินของคุณ มันเกิดอะไรขึ้น…”

ทศกัณฐ์ครุ่นคิดไปถึงเรื่องราวในอดีต ก่อนเริ่มเล่าให้เหตุการณ์ทั้งหมดให้ยักษ์และคนฟัง

“วันนั้น ข้าจำได้ว่าข้าอยู่เฝ้าหน้าประตูเหมือนทุกวัน แล้วแสงอาทิตย์เข้ามา…บอกว่าที่วัดโพธิ์กำลังต้องบูรณะครั้งใหญ่แล้วก็ขอเงินข้าเพื่อไปช่วย โดยบอกว่าจะคืนให้ทีหลัง”

“ไม่จริงเลย” แสงอาทิตย์พูดขึ้นทันที “ข้าไม่เคยยืมเงินท่านไปบูรณะวัดโพธิ์”

ฤทัยมาศเอื้อมมือแตะไหล่แสงอาทิตย์ให้เขาใจเย็นลง ก่อนจะเริ่มถามข้อมูลต่อ

“คุณพอจะจำรูปร่างหน้าตาของคนที่มาได้มั้ยคะ”

“ก็หน้าตาเหมือนกับแสงอาทิตย์นี่แหละ” ทศกัณฐ์ชักหงุดหงิด “เจ้าคิดว่าข้าจำยักษ์ผิดตัวงั้นหรือ”

สงสัยนิสัยขี้หงุดหงิดนี่จะเป็นกรรมพันธุ์ ฤทัยมาศคิดในใจ เมื่อเห็นทั้งลุงทั้งหลาน ‘พร้อมบวก’ กันทั้งคู่

หญิงสาวเลยหันไปหาสหัสเดชะซึ่งเป็นพยานปากเอกในคดีนี้

“หลังจากที่แสงอาทิตย์หรือคนที่อาจจะแปลงกายเป็นแสงอาทิตย์ไปยืมเงินของทศกัณฐ์ คุณสหัสเดชะเองก็ไปได้ข่าวใช่มั้ยคะว่าแสงอาทิตย์เอาเงินไปเพื่อพาผู้หญิงหนี”

สหัสเดชะพยักหน้า ฤทัยมาศถามต่อไปอีก

“คุณไปได้ข่าวนี้มาจากใคร เล่าให้ฟังหน่อยได้มั้ยคะ”

พญายักษ์นึกย้อนไปเมื่อร้อยกว่าปีก่อน คืนนั้น เขาออกไปเที่ยวเล่นนอกวัด พญายักษ์แวะเข้าไปในโรงรับชำเราบุรุษแห่งหนึ่ง ระหว่างที่กำลังเพลิดเพลินกับการเอาอกเอาใจจากหญิงสาวในสถานที่นั้น ชายที่นั่งอยู่โต๊ะใกล้กันก็มาชวนเขาดื่มเหล้า

สหัสเดชะปฏิเสธ เป็นที่รู้กันว่าตั้งแต่พวกยักษ์เคยเสียท่าให้กับพวกเทพเพราะเมาเหล้า ยักษ์ก็ไม่เคยแตะต้องเหล้าอีกเลย

ชายคนนั้นประหลาดใจที่เขาไม่แตะต้องน้ำเมรัย ถามขึ้นมาอย่างขบขัน ‘มาในโรงรับชำเราบุรุษ แต่กลับไม่แตะเหล้า หรือเอ็งเป็นพวก ‘อสุรา’ ที่ไม่กินเหล้ากันล่ะ’

สหัสเดชะประหลาดใจที่มนุษย์ผู้นั้นพูดขึ้นราวกับรู้สถานะจริงของเขา แต่ดูชายคนนั้นก็ยังไม่มีท่าหวั่นเกรงเขาซ้ำยังลากเก้าอี้มานั่งสนทนาด้วย

‘นี่…รู้มั้ย กูนะได้ยินเรื่องของยักษ์มาเยอะเชียว เห็นเป็นตาแก่ขี้เมาแบบนี้ แต่กูมีวิชาอาคม จะเป็นเรื่องราวของคน หรือยักษ์ กูก็รู้ทั้งนั้น’

ชายชราคนนั้นเข้ามากระซิบกระซาบใกล้ๆ พลางลดเสียงลง ‘กูรู้มาว่า…ตอนนี้มียักษ์หนุ่มที่กำลังหลงหญิงญวนผู้หนึ่ง ถึงขนาดนัดแนะที่จะหนีตามกัน…แล้วก็ไปหลอกเอาเงินจากทศกัณฐ์ที่วัดแจ้ง ยักษ์วัดแจ้งก็โง่ หลงเชื่อ ให้เงินมันไป’

จบคำ ชายคนนั้นก็หัวเราะลั่น สหัสเดชะถามต่อในทันที

‘ใครกัน ยักษ์ตนนั้นที่เอ็งว่า’

‘ก็ไอ้ยักษ์แสงอาทิตย์ที่วัดโพธิ์ไงล่ะ อย่าไปบอกให้ยักษ์วัดแจ้งรู้เชียวนะ!’

ถ้อยคำสุดท้ายของชายชรายิ่งกระตุ้นให้สหัสเดชะรีบนำข่าวสารไปบอกกับทศกัณฐ์ และก็เกิดเป็นเรื่องวิวาทตามมาในที่สุด

“นี่มันบทละครชัดๆ” ฤทัยมาศที่ฟังเรื่องราวทั้งหมดฟันธง “ไม่เห็นเหรอ อยู่ๆ ก็มีคนชงให้คุณไปบอกเรื่องนี้กับทศกัณฐ์ ไม่เนียนเลย! โป๊ะแล้วแบบนี้!”

ยักษ์วัดโพธิ์และยักษ์วัดแจ้งดูจะงงงันกับศัพท์แสงที่เธอใช้ จนฤทัยมาศต้องอธิบายต่อ “ฉันหมายถึงว่ามันดูไม่ปกตินะ เอ่อ แล้วคุณพอจะจำหน้าคนที่มาบอกคุณเรื่องแสงอาทิตย์ได้มั้ยคะ”

สหัสเดชะส่ายหน้า “เรื่องมันผ่านพ้นไปเป็นร้อยปีแล้ว ต่อให้เขามายืนต่อหน้าข้าตอนนี้ ข้าก็คงจำไม่ได้”

“ถ้าหากว่าคนที่แปลงมาเป็นแสงอาทิตย์มายืมเงินทศกัณฐ์…และแปลงมาเป็นชายแก่ที่บอกข่าวกับสหัสเดชะเป็นคนเดียวละก็” ฤทัยมาศหันมาหาแสงอาทิตย์ “เขาก็อาจจะเป็นคนเดียวกับที่แปลงมาเป็นทศกัณฐ์และมาฆ่าเรมี่”

ตำรวจสาวตื่นเต้น เมื่อเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวต่างๆ ได้ “คุณช่วยเล่าได้มั้ยคะ วันนั้นที่คุณต่อสู้กับคนที่หน้าเหมือนทศกัณฐ์ มีอะไรที่คุณสังเกตเห็นจากตัวเขาบ้าง”

พญายักษ์หนุ่มครุ่นคิด พยายามนึกย้อนถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งมาไม่ถึงอาทิตย์

“ผมจำได้แค่…เขาใส่ชุดดำ แล้วก็สวมหมวก… ”

แสงอาทิตย์ชะงัก เหมือนนึกอะไรบางอย่างออก “ผมจำได้ว่าที่หมวกเขามีสัญลักษณ์บางอย่าง เหมือนเป็นตัวอักษรที่ผมเคยเห็นมาก่อน แต่ผมจำไม่ได้ว่าเป็นอักษรอะไร”

ฤทัยมาศคิดว่าเรื่องนี้เป็นกุญแจสำคัญที่จะไขปริศนาได้ทั้งหมด สุดท้ายหล่อนจึงตัดสินใจติดต่อไปหาตัวช่วยอย่างจ่ากุศล

จ่ากุศลตกใจเมื่อได้ยินเสียงของฤทัยมาศผ่านทางโทรศัพท์ เธอใช้เบอร์โทรแบบเติมเงินที่จะทำให้ไม่สามารถมีใครสามารถแกะรอยได้

“หมวด! ผมเป็นห่วงหมวดแทบแย่ นี่หมวดหายไปไหน ตกสะพานจมน้ำไปจริงๆ เหรอครับ”

“ใช่ แต่ตอนนี้ฉันรอดมาได้แล้ว…”

“โล่งอกไป รู้มั้ยว่าตอนนี้ผู้การสั่งให้คนตามหาตัวหมวดกันจ้าละหวั่นเลยครับ”

ฤทัยมาศชะงัก ชักไม่แน่ใจว่าจ่ากุศลยังเป็นฝั่งเดียวกับเธอหรือไม่

“พวกคนที่อยู่กับฉันไม่ใช่คนร้ายที่ฆ่าเรมี่นะจ่า พวกเขาเป็นแค่แพะเท่านั้น แล้วพ่อของฉันก็ไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจผิดกฎหมายด้วย”

“ผมเชื่อครับหมวด” จ่ากุศลพูดด้วยเสียงหนักแน่น ไร้น้ำเสียงขี้เล่นเหมือนปกติ “ผมทำงานกับคุณพ่อของหมวดตั้งแต่ท่านยังสารวัตร…ผมเชื่อว่าท่านไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้แน่ๆ”

“งั้นจ่าช่วยฉันหน่อย ฉันอยากได้คลิปที่มาจากที่เกิดเหตุ นอกจากพวกฉันแล้วยังมีผู้ชายชุดดำอีกคน ช่วยหาภาพของเขามาให้ฉันหน่อยนะคะ”

จ่ากุศลรับปาก ก่อนที่จะวางสายจากเธอไป ฤทัยมาศเริ่มมีความหวังอีกครั้งว่าจะสามารถไขปริศนาทุกอย่างและล้างมลทินให้กับพ่อของเธอได้

 

เมื่อฤทัยมาศกับแสงอาทิตย์ออกมาจากวัดอรุณฯ ก็เป็นเวลาดึกแล้ว หญิงสาวตัดสินใจที่จะกลับไปหาบรรดายักษ์วัดโพธิ์ที่รออยู่ที่บ้านของลินิน

“รถฉันก็จอดอยู่บนสะพานนั่นแล้ว…งั้นเราคงต้องไปแท็กซี่กัน แต่เราต้องพยายามหลบหน้าหลบตาหน่อยนะคะ เดี๋ยวใครที่ดูข่าว จะไปแจ้งตำรวจเข้า”

“ถ้าเราจะกลับไปที่บ้าน ก็ไม่เห็นจะต้องนั่งรถไปเลย”

“แล้วจะไปยังไงล่ะคะ อุ้ย…”

ตำรวจสาวตกใจเมื่อยักษ์หนุ่มอุ้มเธอไว้ในอ้อมกอดก่อนที่จะยิ้มแล้วบอกว่า “เดี๋ยวผมบริการไปส่งให้เอง”

แสงอาทิตย์เหาะขึ้นไปเหนือท้องฟ้า ทีแรกฤทัยมาศก็กลัวจนกอดแสงอาทิตย์ไว้แน่น แต่เมื่อยักษ์หนุ่มชี้ชวนให้หล่อนดูเบื้องล่าง หล่อนก็ลืมตามองเห็นแสงไฟจากตึกของกรุงเทพมหานครที่ระยิบระยับขับกับท้องฟ้าสีดำสนิท เป็นกรุงเทพฯ ที่หล่อนไม่เคยเห็นมาก่อนเลย

ยักษ์หนุ่มปล่อยตัวหล่อนลงเมื่อถึงบ้าน ฤทัยมาศเพิ่งรู้สึกตัวว่าเธอยังกอดเขาอยู่ เลยปล่อยมือเสีย แต่แสงอาทิตย์นั่นเองที่เป็นฝ่ายฉวยมือของหล่อนเอาไว้ ก่อนจะดึงไปในอ้อมกอดและจุมพิตอย่างเนิ่นนาน

 

ฤทัยมาศคิดว่าความรักของหล่อนกับแสงอาทิตย์เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมากเกินกว่าที่ใครจะได้เจอ แต่หญิงสาวก็คิดผิด เมื่อกลับมาที่บ้านของลินินแล้ว หล่อนเห็นว่ามาร์โคโปโลเดินออกมาจากห้องนอนของลินิน พอหนุ่มตุ๊กตาหินเห็นหล่อนเข้าก็มีท่าทางเขินอายก่อนขอตัวกลับไปที่วัดโพธิ์

หญิงสาวรีบเข้าไปถามเพื่อนในทันที “แก! นี่มันเกิดอะไรขึ้น นายมาร์โคโปโลนั่นเข้ามาในห้องแกได้ไง”

“ฉันก็…เปิดให้เขาเข้ามาเองแหละ” ลินินสารภาพ “ก็แหม แกบอกฉันว่าเขาเพิ่งเสียคนที่เขารักไปไม่ใช่เหรอ ฉันก็เลยปลอบใจเขา ชวนเขาดื่มเหล้า…แล้วมันก็เป็นแบบนี้แหละ”

“แก นายนั่นนะเป็นตุ๊กตาหินนะ ไม่ใช่มนุษย์”

“รู้แล้ว ตอนเขาเปิดเสื้อให้ฉันเห็น ซิกซ์แพ็กเขาแข็งแน่นมากเลยแก แถมตอนอยู่บนเตียงเขาก็…”

“พอๆๆ” ฤทัยมาศยกมือห้ามเพื่อนทันที “ไม่ต้องลงดีเทล ฉันไม่ได้อยากรู้รายละเอียดขนาดนั้น”

เสียงโทรศัพท์มือถือของลินินดังขึ้น หญิงสาวรีบรับสายเมื่อเห็นชื่อของคนที่โทร.เข้ามา ส่งเสียงออดอ้อนแบบที่ฤทัยมาศค่อนแคะว่าเป็นเสียงสองของเจ้าหล่อน “ว่าไงคะ คิดถึงสิคะ ไอ้ต้าวตุ๊กตาหินของเค้า แค่ไม่เจอกันแค่แป๊บเดียวก็คิดถึงแล้วอะ…”

ฤทัยมาศรีบถอยตัวออกมาจากห้องเพื่อน กลัวสำลักความหวานกับบทสนทนาปานน้ำผึ้งเดือนห้าระหว่างเพื่อนกับหนุ่มตุ๊กตาหิน

จะมีเรื่องอะไรให้ประหลาดใจอีกมั้ยนะ หล่อนคิดในใจ

วันรุ่งขึ้น เสียงโทรศัพท์มือถือของหญิงสาวก็ดังขึ้น จ่ากุศลนั่นเองที่เป็นคนโทร.มา เขาทำหน้าที่ที่หล่อนมอบหมายได้สำเร็จ “หมวดครับ…ผมเจอรูปผู้ชายชุดดำแล้ว เดี๋ยวผมส่งไปให้หมวดดูนะครับ”

 

 



Don`t copy text!