ฤทัยยักษ์ บทที่ 4.1 : คดีที่มียักษ์เป็นผู้ต้องสงสัย

ฤทัยยักษ์ บทที่ 4.1 : คดีที่มียักษ์เป็นผู้ต้องสงสัย

โดย : เวฬุวลี

Loading

ฤทัยยักษ์ โดย เวฬุวลี นวนิยายที่อ่านเอานำมาให้อ่านออนไลน์ที่ anowl.co กับเรื่องราวของ ‘ฤทัยมาศ’ ตำรวจสาวที่ต้องเข้าไปสืบคดีที่เชื่อมโยงกับอดีตของเธอที่มีร่วมกับยักษ์หนุ่มจากวัดโพธิ์นามว่า ‘แสงอาทิตย์’ และยังไปเกี่ยวพันกับเบื้องลึกเบื้องหลังของศึกยักษ์วัดโพธิ์กับยักษ์วัดแจ้งที่เล่าขานกันมาเนิ่นนาน

“แล้วพ่อเชื่อจริงๆ เหรอคะว่าฆาตกรของคดีนี้คือยักษ์” ฤทัยมาศถามอย่างข้องใจ

มนัสพ่อของหล่อนมีสีหน้าเรียบเฉยก่อนเอ่ยว่า “เชื่อสิ”

ทุกคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารชะงักกันไปหมด ก่อนมนัสจะพูดต่อว่า “นี่พ่อว่าจะต้องไปขออาวุธจากพระรามหรือไม่ก็จากหนุมานมาแล้วละ”

พูดจบมนัสก็หัวเราะดังลั่น จนฤดีผู้เป็นภรรยาอดหัวเราะตามไม่ได้

“คุณนี่ก็…ชอบพูดเล่นอยู่เรื่อย”

“อ้าวคุณ…ก็ตามในวรรณคดีที่คุณสอน พวกยักษ์ก็ต้องเจอพวกพระรามปราบไม่ใช่เหรอ” มนัสเย้าแหย่ภรรยาผู้มีอาชีพเป็นครูสอนภาษาไทย “จะมียักษ์ที่ไหนมาไล่ฆ่าคน…จากคดีที่ผมเคยเจอมาทั้งชีวิต ผมว่ามีแต่คนนี่แหละ ที่ใจดำอำมหิตยิ่งกว่าเผ่าพันธุ์ไหนๆ”

แต่เมื่อครุ่นคิดไปถึงรายละเอียดของคดีที่เพิ่งเกิด มนัสก็อดจะเปรยขึ้นมาไม่ได้ “เรื่องที่น่าประหลาดที่สุดของคดีนี้…ไม่ใช่เรื่องที่พยานบอกว่าคนร้ายเป็นยักษ์หรอกนะ แต่เป็นเรื่องของสภาพศพ”

“สภาพศพเป็นยังไงเหรอคะ” ฤทัยมาศถามต่อทันที

“โอ๊ย ขอร้องเถอะค่ะคุณ” ฤดีประท้วง “อย่ามาพูดเรื่องศพตอนกินข้าวได้ไหม ฉันไม่อยากนึกถึงภาพสยดสยอง”

“ไม่มีอะไรสยดสยองเลยคุณ” มนัสกล่าวต่อ “เราไม่เจอศพ เจอแค่กองเถ้าถ่านกองหนึ่ง…ศพโดนไฟไหม้จนหมด ไฟที่มีความร้อนสูงมากๆ จนขนาดกระดูกยังเหลือแค่เถ้าอัฐิ”

นายตำรวจใหญ่สีหน้าเคร่งขรึมลงเมื่อเอ่ยถึงสิ่งที่รบกวนจิตใจของเขาในประโยคต่อมา “คำถามที่พ่อคิดเท่าไหร่ก็ยังคิดไม่ออกก็คือ…อาวุธอะไรกันที่จะทำให้เกิดไฟร้อนสูงขนาดนั้นได้”

ฤทัยมาศนิ่งอึ้ง คดีนี้ดูเป็นปริศนายิ่งกว่าพวกซีรีส์ฆาตกรรมที่หล่อนชอบติดตามดูเสียอีก คำพูดของพ่อยิ่งจุดประกายทำให้หญิงสาวยิ่งสนใจคดีนี้จนอยากที่จะสืบเสาะหาเบาะแสมากขึ้น

 

ฤทัยมาศใช้เวลาหลังจากที่หล่อนทำงานเอกสารเสร็จ ค้นเรื่องราวที่เกี่ยวกับคดีนี้มากขึ้น หล่อนถึงรู้ว่านักธุรกิจที่ตายอย่างปริศนาตามที่พ่อของหล่อนเล่านั้นชื่อว่า สัญชัย

จากข้อมูลในอินเทอร์เน็ต ไม่ปรากฏแน่ชัดว่าเขาทำธุรกิจอะไร รู้แต่ว่าเขาเป็นคนหนุ่มที่ร่ำรวยในขณะที่อายุยังไม่ถึงสามสิบ อาจเป็นหนึ่งในคนที่ประสบความสำเร็จกับธุรกิจสตาร์ตอัปตามสมัยนิยม แต่สิ่งที่ทำให้เขาโด่งดังขึ้นมาได้เพราะไปเป็นแฟนกับอินฟลูเอนเซอร์สาวคนหนึ่งที่มีผู้ติดตามนับล้าน และมีรายการอยู่ตามช่องทางต่างๆทางโซเชียล พอเป็นแฟนคนดัง สัญชัยเลยได้สัมภาษณ์ตามสื่อบ่อยๆ

ฤทัยมาศเปิดไปดูรูปคู่ของสัญชัยกับแฟนสาวที่ชื่อ รมณ หรือ เรมี่ แฟนของเขา ถ้าเธอเป็นตำรวจสืบสวน เธอก็คงเริ่มต้นหาเบาะแสจากแฟนสาวของเขาเป็นคนแรก

แต่น่าเสียดายที่เธอไม่ได้อยู่ฝ่ายสืบสวน หญิงสาวถอนหายใจก่อนหยุดการค้นหาทางอินเทอร์เน็ต หวังแค่ว่าในวันต่อๆ มา เธอคงได้คุยรายละเอียดคดีนี้กับพ่อมากขึ้น

เช้าวันเสาร์ หญิงสาวมีนัดกับแฟนหนุ่ม ศศินมีเวลาว่างแค่เฉพาะช่วงเช้า ฤทัยมาศจึงเป็นฝ่ายที่ขับรถไปหาเขาที่บ้านเพื่อได้มีเวลาอยู่ด้วยกันก่อนที่เขาจะออกไปทำงานที่คลินิกส่วนตัวที่เขาเพิ่งเปิดมาไม่นาน ฤทัยมาศอดเล่าให้แฟนหนุ่มฟังไม่ได้ถึงสิ่งที่อยู่ในใจหล่อน

“ฤทัยว่าแฟนของสัญชัยที่ชี่อ เรมี่ นี่น่าสงสัยนะคะ ตามข่าวบอกว่าในวันนั้น เขาก็มาหาแฟนที่บริษัท เขาบอกกับตำรวจว่าเขากลับบ้านไปก่อน แต่ก็ไม่มีพยานยืนยัน…”

ศศินเป็นแฟนที่ดีเช่นเคย เขานั่งฟังแฟนสาวเล่าสมมติฐานของตนเอง แต่ก็ยังไม่เชื่อเต็มร้อย

“แต่ว่าเรมี่เขาไลฟ์สดในช่วงเวลานั้นไม่ใช่เหรอ พี่ยังเห็นเขาเอาคลิปของเขามายืนยันกับตำรวจเลย”

“ก็ใช่แหละค่ะ แต่เขาก็อาจจะใช้เทคนิคบางอย่างให้ดูเหมือนไลฟ์สดก็ได้ไม่ใช่เหรอคะ ฤทัยไปค้นเจอว่ามันมีโปรแกรมที่ทำได้อยู่”

“คดีนี้จะซับซ้อนขนาดนั้นเลยเหรอ”

“ก็ขนาดพ่อของฤทัยก็ยังคิดไม่ออกเลยนะคะว่าผู้ร้ายใช้วิธีการไหนที่ทำลายศพกันแน่”

เสียงสนทนาของทั้งสองคนหยุดชะงักไป เมื่อมีอีกร่างหนึ่งลงมาจากชั้นบนของบ้าน

สตรีสูงวัยผู้นั้นชื่อมธุรินเป็นแม่ของศศิน แต่หากใครมองเพียงผิวพรรณและหน้าตาที่ยังดูอ่อนเยาว์ของหล่อน น่าจะเข้าใจว่ามธุรินน่าจะอายุสักสามสิบปลายหรือไม่เกินต้นสี่สิบ ฤทัยมาศเองก็ไม่รู้ว่ามธุรินอายุเท่าไร แต่เดาจากอายุของศศินที่มากกว่าหล่อนไม่กี่ปี มธุรินผู้เป็นแม่ก็น่าจะอายุห้าสิบกว่าแล้วในตอนนี้

ฤทัยมาศไหว้แม่ของแฟน มธุรินยิ้มรับและทักทาย ก่อนเดินมาที่โต๊ะอาหารที่หนุ่มสาวทั้งสองนั่งอยู่

“หนูฤทัย…ไม่ได้เจอกันนานเลย”

“พอดีงานยังไม่เข้าที่น่ะค่ะ ฤทัยเลยไม่ได้แวะมาหาคุณแม่ ขอโทษด้วยนะคะ”

“ขอโทษอะไรกันล่ะจ้ะ แม่ต้องโทษลูกชายแม่มากกว่า น่าจะหาเวลาดูแลแฟนให้มากกว่านี้ใช่มั้ยตาต้น” ประโยคหลัง หล่อนหันไปพูดกับลูกชาย ศศินก็เงียบขรึมลงทันใด แฟนหนุ่มของหล่อนมักจะมีท่าทางเกร็งเมื่อแม่ของเขาทักอะไรขึ้นมา ทั้งที่มธุรินเองก็ดูเป็นผู้ใหญ่ใจดีในสายตาของหล่อน

อาจจะเป็นเพราะศศินไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของมธุริน ฤทัยมาศเพิ่งรู้ความจริงข้อนี้ ในครั้งแรกที่ศศินพาเธอเข้ามาที่บ้าน และเธอเห็นรูปเก่าๆ ของครอบครัวศศิน

‘รูปนี้เป็นรูปใครเหรอคะ คุณย่าหรือคุณยายพี่ต้นหรือเปล่าคะ’ ฤทัยมาศถามเมื่อเห็นรูปสตรีผู้หนึ่งที่วางตั้งอยู่ สีเก่าซีดของรูปบ่งบอกว่าน่าจะเป็นรูปที่ถ่ายมาหลายสิบปีแล้ว

‘ไม่ใช่หรอก’ แฟนหนุ่มปฏิเสธ ก่อนบอกความจริง ‘จริงๆ พี่ไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของคุณแม่’

ฤทัยมาศชะงัก ศศินยิ้มให้กับหล่อน แต่หญิงสาวกลับรู้สึกว่ารอยยิ้มของเขามีความเจ็บปวดบางอย่างฝังลึกอยู่

‘แม่แท้ๆ ของพี่เป็นใครพี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน เขาทิ้งพี่ไปตั้งแต่พี่เพิ่งเกิดได้ไม่กี่วัน พี่อยู่ที่บ้านเด็กกำพร้าจนถึงเกือบสิบขวบ ถึงได้เจอคุณแม่ที่มารับอุปการะ’

ฤทัยมาศเพิ่งสังเกตว่าศศินเรียกมธุรินว่า ‘คุณแม่’ ทุกคำ แสดงความเคารพ แต่ก็มีความห่างเหินอยู่ในที

หญิงสาวพยายามทำให้บรรยากาศดีขึ้นโดยการเปลี่ยนไปพูดถึงความสำเร็จของมารดาของแฟนหนุ่ม

‘แต่คุณแม่ของพี่ต้นก็เก่งมากเลยนะคะ ฤทัยเห็นมีประกาศนียบัตรตั้งหลายใบ รูปที่ถ่ายกับคนดังก็เยอะ’

‘คุณแม่เป็นที่ปรึกษาด้านการเงินนะ ทำงานด้านแนะนำการลงทุน’

หญิงสาวรู้สึกทึ่งกับอาชีพของแม่แฟน ยิ่งเมื่อพบกับมธุรินตัวจริง หล่อนก็ยิ่งชื่นชมและนับถือหล่อนเป็นต้นแบบ

“ไหนๆ ก็มาแล้ว งั้นมากินข้าวด้วยกันก่อนมั้ย” มธุรินชวน

ฤทัยมาศไม่ปฏิเสธคำขอนั้น หลังมธุรินเรียกให้แม่บ้านมาเสิร์ฟสเต๊กเนื้อชั้นดีให้ในจานของหล่อน ฤทัยมาศเอร็ดอร่อยกับรสชาติอาหาร แต่พอมองไปที่จานของศศินก็เห็นแต่ผักสลัด

“ลูกคนนี้แปลก” มธุรินอดพูดขึ้นมาไม่ได้ “มีเนื้อดีๆ กลับเลือกกินแต่ผัก”

ข้อนี้ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ฤทัยมาศเพิ่งรู้เมื่อได้คบกับเขา แฟนหนุ่มของหล่อนกินแต่ผักและโปรตีนจากพืช หล่อนจำได้ว่าตอนสมัยมัธยม เขายังกินเนื้ออยู่ พอถามว่าทำไมถึงเปลี่ยนใจมาเป็นมังสวิรัติ ศศินบอกแค่ว่าพอเขาเข้าเรียนหมอและต้องเห็นเลือดเห็นเนื้อของคนจริงๆ เขาก็หมดอาการอยากกินเนื้อไปเลย

ศศินใช้เวลารับประทานอาหารไม่นานนักก็ขอตัวไปทำงาน ส่วนฤทัยมาศยังใช้เวลาอีกพักใหญ่กับแม่ของศศิน ก่อนที่จะขอตัวกลับในช่วงเย็น

เมื่อฤทัยมาศกลับไปที่บ้าน มนัสผู้เป็นพ่อของเธอก็ยังไม่กลับมา แม่ของเธอเดาว่าพ่อคงวุ่นวายกับการสืบสวนคดี หญิงสาวรอที่จะคุยกับพ่อจนผล็อยหลับไปในคืนนั้น



Don`t copy text!