ฤทัยยักษ์ บทที่ 10.1 : เจ้าชู้ยักษ์

ฤทัยยักษ์ บทที่ 10.1 : เจ้าชู้ยักษ์

โดย : เวฬุวลี

Loading

ฤทัยยักษ์ โดย เวฬุวลี นวนิยายที่อ่านเอานำมาให้อ่านออนไลน์ที่ anowl.co กับเรื่องราวของ ‘ฤทัยมาศ’ ตำรวจสาวที่ต้องเข้าไปสืบคดีที่เชื่อมโยงกับอดีตของเธอที่มีร่วมกับยักษ์หนุ่มจากวัดโพธิ์นามว่า ‘แสงอาทิตย์’ และยังไปเกี่ยวพันกับเบื้องลึกเบื้องหลังของศึกยักษ์วัดโพธิ์กับยักษ์วัดแจ้งที่เล่าขานกันมาเนิ่นนาน

เมื่อบรรดายักษ์ไปขอความช่วยเหลือจากมาร์โคโปโล เขาดูจะเต็มใจกว่าครั้งใด

ฤทัยมาศเพิ่งรู้ว่าตุ๊กตาหินหน้าฝรั่งเป็น ‘แฟนคลับ’ ของรมณมานาน รมณมีช่องทางออนไลน์ที่ไว้ติดต่อกับแฟนๆ ที่จ่ายเงินในการติดตามหล่อนโดยเฉพาะ หญิงสาวจะอัปเดตความเคลื่อนไหวของหล่อนให้บรรดาแฟนคลับรับรู้ทุกวัน

“เรมี่เพิ่งโพสต์​คลิปนี้เมื่อวาน”

มาร์โคโปโลส่งโทรศัพท์มือถือของเขาให้ฤทัยมาศดู หล่อนกดเล่นคลิปวิดีโอสั้นๆ ที่รมณเพิ่งโพสต์ ไม่มีเนื้อหาอะไรมากมายนอกจากภาพหล่อนใส่ชุดทูพีชเดินอยู่บนชายหาดก่อนจะบรรยายว่าหล่อนกำลังเพลิดเพลินกับการพักผ่อนริมทะเล

แต่สิ่งที่สะดุดตาตำรวจสาวขึ้นมาก็คือเงาสะท้อนของตึกโรงแรมที่อยู่บนแว่นกันแดดของยูทูบเบอร์สาว ฤทัยมาศลองกดซูมเข้าไปดูใกล้ๆ จนทำให้เห็นรายละเอียดที่ทำให้รู้ได้ว่ารมณน่าจะพักอยู่โรงแรมหรูที่เพิ่งเปิดใหม่ในเมืองพัทยา

“ฉันรู้แล้วว่าเรมี่อยู่ที่ไหน เรารีบไปกันเถอะ”

ตุ๊กตาหินหน้าฝรั่งขอไปด้วยทันที สุดท้ายสมาชิกที่มาร่วมในการสืบสวนครั้งนี้ จึงกลายเป็นคนหนึ่งคน ยักษ์สี่ตน และตุ๊กตาหินอีกหนึ่งตัว ที่แออัดกันอยู่ในรถของหล่อน

ฤทัยมาศขับรถมาถึงพัทยาในช่วงเย็นของวันรุ่งขึ้น ทั้งยักษ์ทั้งตุ๊กตาหินดูจะตื่นตาตื่นใจกับแสงสีของเมืองพัทยา สายตาจับจ้องไปยังบรรดาสาวๆ ที่เดินอยู่ตามท้องถนนของเมืองพัทยาจนตำรวจสาวอดจะหมั่นไส้ไม่ได้

“ที่กรุงลงกา หรือเมืองโรมคัล คงไม่มีแบบนี้สินะ” หญิงสาวแกล้งพูดออกมา

แต่แสงอาทิตย์ที่นั่งข้างหล่อนขัดขึ้น “หญิงงามในเมืองเราก็มีไม่น้อยกว่าที่นี่ และยังเก่งระบำรำฟ้อน ช่างเอาอกเอาใจ”

ฤทัยมาศอดรู้สึกขวางหูขวางตาไม่ได้ เมื่อครู่ ยักษ์หนุ่มยังพร่ำพรรณนาถึงความรักอย่างเหลือล้นที่มีให้กับผู้หญิงคนหนึ่ง ตอนนี้ก็มาพูดเสียแล้วว่าหญิงงามมีมากมาย

“แบบนี้คำว่า เจ้าชู้ยักษ์ นี่คงเป็นเรื่องจริงสินะ”

แสงอาทิตย์ชะงัก อสูรหนุ่มหันมามองฤทัยมาศ

“ยักษ์ไม่ได้เจ้าชู้…ยักษ์มีใจเดียว”

“ใจเดียวที่ไหน ที่ฉันเคยอ่านในรามเกียรติ์ ทศกัณฐ์มีเมียเป็นร้อย มีเมียทุกเผ่าพันธุ์ ตั้งแต่ยักษ์ด้วยกัน แล้วยังไปคว้าเอาปลามาเป็นเมีย จนเกิดเป็นนางสุพรรณมัจฉา ได้แม้กระทั่งกับช้าง ที่ออกลูกมาเป็นทศคีรีวัณ ทศคีรีธร”

แสงอาทิตย์หัวเราะ ก่อนตอบกลับหญิงสาว “ทศกัณฐ์เป็นแบบนั้น ก็ใช่ว่ายักษ์ตนอื่นจะเป็นแบบนั้นด้วยเสียเมื่อไหร่”

“จะบอกว่าคุณไม่เจ้าชู้งั้นเหรอ”

“เปล่า แค่จะบอกว่าผมไม่เคยได้ปลากับช้างเป็นเมีย แต่ถ้าเป็นมนุษย์…ก็ไม่แน่เหมือนกัน”

ฤทัยมาศหน้าแดง หันไปมองยักษ์หนุ่มที่มีแววตาระยิบระยับอย่างปิดไม่มิด ด้วยความพอใจที่เขาเย้าแหย่หล่อนได้สำเร็จ ตำรวจสาวหันขวับและไม่ต่อปากต่อคำกับเขาอีก

 

ฤทัยมาศจอดรถหน้าโรงแรมที่คาดว่ารมณจะพักอยู่ ตำรวจสาวเข้าไปจัดการจองโรงแรมที่พักหนึ่งห้องสำหรับหล่อนและอีกหนึ่งห้องสำหรับบรรดายักษ์และเพื่อนตุ๊กตาหิน

มาร์โคโปโลชวนมัยราพณ์และสัทธาสูรไปท่องราตรี ในห้องเลยเหลือแค่ขรและแสงอาทิตย์ แสงอาทิตย์ลงไปเดินเล่นที่ริมชายหาด ขณะที่ยักษ์ผู้เป็นพ่อพักผ่อนอยู่บนห้อง

ไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้มาทะเล แม่น้ำเจ้าพระยาที่กว้างใหญ่ก็ยังไม่กว้างเท่ากับท้องทะเลที่อยู่ตรงหน้าของเขา

ครั้งแรกและครั้งเดียวที่เขาเคยได้เห็นทะเล คือ เมื่อครั้งที่จิตรไพรี ผู้ที่เป็นเขานับถือเหมือนพี่ชาย พาเขาไปทะเลที่ลงกา แสงอาทิตย์จำได้ว่าเขาตื่นเต้นมาก วิ่งลงไปเล่นทะเลจนค่ำมืด เมื่อขึ้นมา เขาก็เห็นจิตรไพรี เก็บหินอยู่บนชายหาด อสูรเมืองโรมคัลมีธรรมเนียมที่หากไปท่องเที่ยวในที่ใด อสูรก็มักจะเก็บก้อนหินที่สวยงามไปให้กับผู้เป็นที่รัก

‘ข้าจะเก็บไปให้เมียข้า’ จิตรไพรีบอกกับแสงอาทิตย์

‘เจ้านี่รักเมียเจ้าเหลือเกินนะจิตรไพรี’

จิตรไพรียิ้มให้กับพญายักษ์ผู้เป็นนาย ‘ไว้สักวัน ถ้าพระองค์ได้เจอใครที่รักอย่างแท้จริง พระองค์ก็จะเข้าใจ…’

ความคิดของแสงอาทิตย์กลับมาสู่ปัจจุบัน เมื่อเห็นร่างของฤทัยมาศยืนอยู่บนชายหาด แสงตะวันในยามใกล้ลาลับขอบฟ้าทำให้ร่างของหญิงสาวงดงามชวนมอง ยักษ์หนุ่มได้แต่ยืนมองอยู่อย่างนั้น จนฤทัยมาศหันกลับมา หญิงสาวเอ่ยปากถามแสงอาทิตย์

“ที่เมืองของคุณมีมั้ยคะ”

แสงอาทิตย์ยังคงไม่เข้าใจคำถาม จนฤทัยมาศชี้ไปที่ทะเล

“มีสิ โรมคัลอยู่ไม่ไกลจากทะเล กรุงลงกาก็เป็นเกาะ ล้อมรอบด้วยทะเล”

“จริงสินะ เกือบลืมตอนพระรามจองถนน (1) ไปเลย”

“แต่ผมไม่ค่อยได้ไปทะเลหรอก เคยไปแค่ครั้งเดียวเท่านั้น”

แสงอาทิตย์มองทะเลที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา นัยน์ตาสีนิลที่สะท้อนภาพของดวงอาทิตย์ที่กำลังลาลับขอบฟ้าดูอ้างว้างและโดดเดี่ยว

“ชีวิตของผมวนเวียนอยู่กับสงครามมาตลอด ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเป็นสงครามเพื่อใคร หรือเพื่ออะไร รู้แค่พอยักษ์เกิดสงคราม ครอบครัวผมก็ต้องไปช่วย จนสุดท้ายก็ไม่มีใครเหลือรอดสักคน…”

ฤทัยมาศมองอสูรหนุ่มอย่างเห็นใจ “อย่างน้อยคุณก็กลับมามีชีวิตอีกครั้ง ฉันว่าคุณน่าจะใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์นะ”

แสงอาทิตย์หันสบตากับมองฤทัยมาศที่ตั้งใจจะช่วยเขาเป็นการตอบแทน

“ในเมื่อตอนนี้คุณก็ออกมาจากวัดโพธิ์แล้ว อะไรที่คุณไม่เคยทำก็ทำซะ อยากไปเที่ยวไหนก็ไป คุณอยากไปไหน บอกมา เดี๋ยวจบคดีนี้เมื่อไหร่ ฉันจะพาคุณไปเอง”

คำสัญญาของหญิงสาว ทำให้ยักษ์หนุ่มยิ้มกว้างออกมา ก่อนเอ่ยปากจากใจจริง “ไปที่ไหนก็ได้ ที่มีคุณไปด้วย”

ใบหน้าของฤทัยมาศแดงระเรื่อขึ้นมาอีกครั้ง ยังดีที่แสงสีแดงของดวงอาทิตย์ยามลาลับขอบฟ้าช่วยปกปิดสีหน้าที่บ่งบอกความเขินอายนั้น

หญิงสาวรอให้ร่างสูงของแสงอาทิตย์เดินห่างออกไป ถึงได้บ่นพึมพำขึ้นมากับตัวเอง

“ไหนใครบอกว่าไม่เจ้าชู้…เจ้าชู้ตัวพ่อเลยแบบนี้”

 

เชิงอรรถ : 

(1) จองถนน เป็นหนึ่งในตอนของวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์ ที่พระรามสั่งให้เหล่าบรรดาเสนาลิงนำก้อนหินถมลงในทะเล เพื่อข้ามไปยังกรุงลงกาซึ่งเป็นเกาะ

 



Don`t copy text!