ฤทัยยักษ์ บทที่ 15.1 : รักที่กลับคืน

ฤทัยยักษ์ บทที่ 15.1 : รักที่กลับคืน

โดย : เวฬุวลี

Loading

ฤทัยยักษ์ โดย เวฬุวลี นวนิยายที่อ่านเอานำมาให้อ่านออนไลน์ที่ anowl.co กับเรื่องราวของ ‘ฤทัยมาศ’ ตำรวจสาวที่ต้องเข้าไปสืบคดีที่เชื่อมโยงกับอดีตของเธอที่มีร่วมกับยักษ์หนุ่มจากวัดโพธิ์นามว่า ‘แสงอาทิตย์’ และยังไปเกี่ยวพันกับเบื้องลึกเบื้องหลังของศึกยักษ์วัดโพธิ์กับยักษ์วัดแจ้งที่เล่าขานกันมาเนิ่นนาน

เมื่อแสงอาทิตย์กับฤทัยมาศออกมาจากคลินิกของศศินแล้ว ฤทัยมาศเองก็ยังมีท่าทีไม่สบายใจที่บอกตัดความสัมพันธ์กับคนรักที่แสนดีอย่างศศิน แสงอาทิตย์เห็นหญิงสาวเงียบงันผิดปกติ จึงชวนเธอนั่งพักในสวนสาธารณะที่อยู่ไม่ไกลจากที่แห่งนั้น

“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าฤทัย”

“ฤทัยแค่…รู้สึกผิดนะคะ จริงๆ พี่ต้นก็ไม่ได้ผิดอะไรเลยเรื่องนี้” ฤทัยมาศบอกความรู้สึกของเธอกับอสูรหนุ่มตามตรง

“ความรัก มันไม่ใช่เรื่องถูกเรื่องผิดหรอกนะ” แสงอาทิตย์พูดปลอบหญิงสาว

ฤทัยมาศจ้องหน้าพญายักษ์ “แล้วคุณรู้สึกยังไงเหรอคะ”

“หมายถึงอะไร”

“คุณรู้สึกยังไงตอนที่ฉันจำคุณไม่ได้”

“ผมก็…รู้สึกแปลกๆ นะ บางเวลาผมก็อยากให้คุณจำผมได้… แต่บางครั้งผมก็ไม่อยาก”

“ทำไมล่ะคะ”

“ผมกลัวว่าผมจะทำให้คุณต้องเจ็บปวดอีก เหมือนอย่างวันนี้”

แสงอาทิตย์กุมมือของฤทัยมาศ มือที่ยังคงอุ่นอยู่ แสดงว่าหล่อนยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เขาปรารถนามากที่สุด “ฤทัย…วันนี้ตอนที่มองเห็นคุณจมน้ำไปต่อหน้าต่อตา ผมทนแทบไม่ได้ ผมไม่อยากคิดว่าจะเป็นยังไง ถ้าคุณไม่อยู่แล้วจริงๆ ผมอยากให้คุณเลิกยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้เถอะ คุณช่วยผมมามากพอแล้ว ต่อไปผมจะเป็นคนจัดการเรื่องทั้งหมดเอง”

“แสงอาทิตย์ ยังไงฉันก็ต้องช่วยคุณ เพราะเรื่องทั้งหมดนี้มันก็เกี่ยวกับอดีตของฉันด้วยใช่มั้ยคะ”

อสูรหนุ่มชะงัก ฤทัยมาศจึงพูดต่อ “ตอนที่ฉันจมน้ำไป…นอกจากฉันจะจำได้แล้วว่าฉันเคยเจอกับคุณมาก่อนหน้านี้ มันก็มีภาพบางภาพที่วูบขึ้นมา ไม่ใช่ภาพของยุคปัจจุบัน แต่เป็นภาพในอดีต”

ฤทัยมาศนึกถึงภาพที่ตนเห็น ภาพของผู้หญิงสาวคนหนึ่งที่ไปอยู่ในกลุ่มของผู้ชมการแสดงโขนที่กำลังเล่นเรื่องศึกแสงอาทิตย์

“ผู้หญิงคนนั้น…คนที่คุณเคยเล่าให้ฉันฟัง ก็คือตัวฉันในอดีตชาติใช่มั้ยคะ”

แสงอาทิตย์นิ่งงัน ก่อนจะพยักหน้ายอมรับในที่สุด “ใช่…คุณเข้าใจผมหรือยังฤทัย ชาติที่แล้ว ผมเคยปกป้องเฟืองมายไม่ได้ และทำให้เขาต้องตาย ชาตินี้ ผมไม่อยากให้เกิดเรื่องร้ายกับคุณอีก”

“ฉันไม่ใช่เฟืองมายนะคะ” ฤทัยมาศพูดขึ้นทันที “อาจจะเป็นวิญญาณเดียวกัน…แต่ฉันไม่ใช่เขา เรื่องที่เคยเกิดขึ้นกับเขา ไม่จำเป็นต้องเกิดกับฉัน”

หญิงสาวกุมมือของแสงอาทิตย์ “เชื่อสิคะ ชาตินี้ ฉันเข้มแข็ง ฉันเป็นตำรวจ แล้วฉันจะไม่ยอมตายง่ายๆ ฉันจะไม่ทิ้งให้คุณไปไหนอีกนะคะ”

แสงอาทิตย์ดึงฤทัยมาศเข้าไปในอ้อมกอด ขณะที่อยู่ในอ้อมกอดนั้น ฤทัยมาศคิดว่าหล่อนตอบคำถามที่ศศินถามหล่อนได้แล้วว่าหล่อนยังรักแสงอาทิตย์อยู่มั้ย

ยังรัก…และจะรักต่อไปด้วย…

 

ฤทัยมาศและแสงอาทิตย์กลับไปที่บ้านของลินิน ทั้งสองเจอกับบรรดายักษ์วัดโพธิ์ที่กำลังกระวนกระวายเมื่อได้ข่าวเรื่องที่มีคนเห็นร่างใหญ่โตเหมือนยักษ์ตีกันที่แม่น้ำเจ้าพระยา ทุกตนเดาได้ในทันทีว่านั่นคือแสงอาทิตย์กับทศกัณฐ์ ลินินเองก็รีบมาดูว่าเพื่อนอย่างฤทัยมาศยังอยู่ดีร่างกายครบสามสิบสอง

“แก โอ๊ย ตอนได้ข่าวว่าแกตกสะพานไป ฉันตกใจมากเลยรู้มั้ย กำลังจะออกเรือไปหาแกในเจ้าพระยาอยู่แล้ว”

เมื่อทั้งยักษ์และคนหายตกใจแล้ว ฤทัยมาศก็เล่าให้ทั้งหมดฟังเรื่องที่มารดาของเธอสงสัยว่าความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างยักษ์สองวัดนั้นจะมีเหตุมาจากใครบางคนที่ตั้งใจแปลงกายมาหลอกทั้งสองฝ่าย

“ใครกันที่จะทำแบบนั้น” ขรพ่อของแสงอาทิตย์ตกใจ

“หรือว่า…จะเป็นองคต” สัทธาสูรเดา

“ไม่มีทาง” แสงอาทิตย์ส่ายหน้า “หลังจากศึกของพระราม ทหารพระรามทั้งหลายก็กลายเป็นเทพกันหมด ข้าไม่เคยเจอใครที่ยังอยู่ในโลกมนุษย์”

“งั้นก็เป็น…ฝีมือของยักษ์งั้นเหรอคะ”

ฤทัยมาศพูดขึ้น นั่นเป็นคำตอบที่แสงอาทิตย์ก็คาดเดาไว้เหมือนกัน แต่ยังไม่อยากเชื่อว่ายักษ์เผ่าพันธุ์เดียวกันจะจงใจที่จะทำร้ายเขา

“มีเรื่องที่น่าสงสัยมากกว่านั้น” มัยราพณ์ผู้ที่เงียบขรึมที่สุดเอ่ยขึ้น “ไม่ว่ามันผู้นี้คือใคร แต่ที่แน่ๆ คือมันรู้ความเคลื่อนไหวของเราเป็นอย่างดี ไม่งั้นมันคงไม่ไปดักรอเราที่ที่เราไปทุกครั้ง”

ทั้งยักษ์ทั้งคนชะงักไปกันหมดกับคำพูดของมัยราพณ์

“แปลว่า…ในวัดโพธิ์มีสปายงั้นเหรอคะ” ฤทัยมาศพูดขึ้น แต่เมื่อเห็นว่ายักษ์ทุกตนทำท่างงงัน หล่อนก็เลยเปลี่ยนคำพูด “หมายถึง…มีไส้ศึกที่คอยให้ข่าวศัตรู แบบที่พิเภก (1)  ไปบอกข่าวกับพระราม”

ทุกตนร้องอ๋อขึ้นมาทันที ชื่อนั้นทำให้บรรดายักษ์เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธทุกครั้งเมื่อได้ยิน

“เป็นไปได้” มัยราพณ์พูดต่อ “หลายครั้งหลายหนที่ข้ารู้สึกว่ามีสายตาจับจ้องมองเวลาที่อยู่ในวัด”

“ตั้งแต่เมื่อไหร่” แสงอาทิตย์ถามทันที

“นานแล้ว” มัยราพณ์ตอบ “บางทีข้าก็เห็นตัวแวบๆ ถ้าข้ามองไม่ผิด…เหมือนจะเป็นลิง…”

“ลิงงั้นเหรอ”

ยักษ์ทุกตนเริ่มกลับมาคิดว่าน่าจะเป็นฝีมือของสมุนพระรามอีกหน เมื่อยังไม่ได้ข้อสรุป มัยราพณ์เลยหันไปหาผู้ที่น่าจะรู้เรื่องซุบซิบภายในวัดโพธิ์มากที่สุดอย่างมาร์โคโปโล

“มาร์โคโปโล เจ้าได้ยินข่าวอะไรแปลกๆ ในวัดโพธิ์บ้างมั้ย”

หนุ่มตุ๊กตาหินยังคงนั่งซึมจากความเศร้าที่เห็นสาวที่เขาชื่นชอบอย่างรมณตายจากไป จนพญายักษ์ต้องถามย้ำ เขาถึงจะตอบ

“ข้ารู้มาว่าตอนนี้ตุ๊กตานักรบจีนกำลังกิ๊กกับตุ๊กตาสาวจีน จนทำให้ตุ๊กตาขุนนางจีนหึงหวง”

“ไม่ใช่ข่าวซุบซิบแบบนั้นสิ ข่าวเกี่ยวกับใครที่น่าสงสัย เจ้าพอจะรู้มั้ย”

มาร์โคโปโลนิ่งคิดอยู่นาน “งั้นข้าก็นึกได้อีกเรื่อง…ข้ารู้มาว่ามีฤๅษีดัดตนผู้หนึ่ง อยู่ ๆก็ร่ำรวยอู้ฟู่มาจากไหนไม่รู้ เขาเคยบอกว่าข้าว่าเขารับงานในโลกมนุษย์แบบข้า แต่ตอนนี้มีเงินขนาดมาเปิดกิจการร้านนวดอยู่ในโลกมนุษย์อย่างเต็มตัวแล้ว”

บรรดายักษ์และมนุษย์ได้ยินเรื่องเล่านั้นก็สงสัยเช่นกัน และตามหาทันทีว่ากิจการของฤๅษีดัดตนนั้นอยู่ที่ไหน

 

ร้านนวดของฤๅษีดัดตนที่มาร์โคโปโลกล่าวถึงอยู่ในทำเลใจกลางเมืองซึ่งค่าเช่าแพงระยับ ยิ่งทำให้น่าสงสัยไปอีกว่าเขาเอาเงินจากที่ไหนมาลงทุน

ยักษ์และคนซุ่มดูอยู่หน้าร้าน จนเมื่อลูกค้าและพนักงานออกไปจากร้านจนหมด เหลือเพียงเจ้าของที่กำลังจะปิดร้าน ทั้งหมดจึงเปิดประตูเข้าไปในร้านทันที

ฤๅษีดัดตนซึ่งบัดนี้อยู่ในรูปลักษณ์ของชายหน้าตาดีที่แต่งตัวด้วยสินค้าแบรนด์เนมทั้งตัวถึงกับผงะเมื่อเห็นพลพรรคที่มาจากวัดโพธิ์

“พวกคุณเป็นใคร มาทำอะไร”

“เข้ามาอยู่ในโลกมนุษย์แป๊บเดียว ลืมพวกข้าแล้วหรือ” แสงอาทิตย์ถาม ก่อนย่างสามขุมเข้าไปหา “นี่คงทำให้เจ้าจำได้ว่าพวกข้าคือใคร”

พญายักษ์เสกลูกไฟขึ้นมา และจ่อไปที่หน้าฤๅษีดัดตนผู้นั้น เขาถึงทรุดเข่าลง และพยายามขอความเมตตา

“ข้าไม่รู้เรื่องอันใด…ปล่อยข้าไปเถิด”

“ใครเป็นคนให้เงินเจ้ามาตั้งร้านนี้ เขาเป็นคนให้เจ้ามาสืบข่าวของพวกข้าใช่มั้ย!”

พอเจอคำขู่จากพญายักษ์เข้าไป ฤๅษีก็เปิดปากพูดออกมาในที่สุด “ข้าขอโทษ แต่ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าคนที่จ้างข้าคือใคร แต่ละครั้งที่เขามาหาข้า เขาแปลงกายเป็นเด็กบ้าง ผู้ใหญ่บ้าง ผู้หญิงบ้าง ผู้ชายบ้าง ข้าไม่เคยรู้เลยจริงๆ ว่าเขาคือใคร”

แสงอาทิตย์นิ่งไป เมื่อรับฟังคำสารภาพของฤๅษีดัดตนที่ช่วยยืนยันว่าศัตรูของเขามีความสามารถในการแปลงกายเป็นผู้อื่นจริงๆ

“เจ้าไม่รู้เลยจริงๆ เหรอว่ามันผู้นั้นคือใคร”

“มีอย่างเดียวที่ข้ารู้” ฤๅษีดัดตนสารภาพเสียงอ่อย “คนที่จ้างข้าเป็นยักษ์”

“เจ้าแน่ใจเหรอ” มัยราพณ์ถามย้ำ ฤๅษีหนุ่มก็ยังพยักหน้า “ข้าเคยเห็นเขี้ยวของมัน…ข้ามั่นใจว่ามันเป็นยักษ์แน่ๆ”

ยักษ์ทุกตนที่อยู่ในร้านนั้นชะงักงันกันไปหมด เมื่อรู้ว่าศัตรูที่ตนกำลังตามหานั้นมาจากเผ่าพันธุ์เดียวกันกับพวกตน

 

เชิงอรรถ :

(1) พิเภก เป็นน้องชายของทศกัณฐ์ ที่โดนทศกัณฐ์ขับไล่เนื่องจากไปเตือนให้ทศกัณฐ์ยอมแพ้และคืนสีดาให้กับพระราม ภายหลังพิเภกไปสวามิภักดิ์กับพระรามและคอยบอกความลับของพวกยักษ์ให้พระรามรู้

 

 

 



Don`t copy text!