ฤทัยยักษ์ บทที่ 18.1 : ความเคียดแค้นของการสูญเสีย

ฤทัยยักษ์ บทที่ 18.1 : ความเคียดแค้นของการสูญเสีย

โดย : เวฬุวลี

Loading

ฤทัยยักษ์ โดย เวฬุวลี นวนิยายที่อ่านเอานำมาให้อ่านออนไลน์ที่ anowl.co กับเรื่องราวของ ‘ฤทัยมาศ’ ตำรวจสาวที่ต้องเข้าไปสืบคดีที่เชื่อมโยงกับอดีตของเธอที่มีร่วมกับยักษ์หนุ่มจากวัดโพธิ์นามว่า ‘แสงอาทิตย์’ และยังไปเกี่ยวพันกับเบื้องลึกเบื้องหลังของศึกยักษ์วัดโพธิ์กับยักษ์วัดแจ้งที่เล่าขานกันมาเนิ่นนาน

“หลังจากที่จิตรไพรีตายไม่นาน ข้าเองก็ตรอมใจตายตามผัวของข้าไปด้วย แต่เพราะเหตุใด ข้าก็หารู้ไม่ วิญญาณของข้าได้ที่พักพิงแห่งใหม่เป็นรูปสลักของตัวข้าที่จิตรไพรีเคยให้ไว้ และเมื่อมีมนุษย์ผู้หนึ่งนำรูปสลักนั้นมาบูชา…ข้าก็กลับฟื้นคืนชีวิตอีกครั้ง”

ฤทัยมาศฟังมธุรินแล้วก็เข้าใจในที่สุดว่าทำไมนางยักษ์ถึงมีชีวิตผ่านมาได้อีกหลายพันปี เพราะมีรูปสลักเป็นบ้านและมีคนมาบูชา ไม่ต่างอะไรจากยักษ์วัดโพธิ์และยักษ์วัดแจ้ง

“ข้าเที่ยวหาจิตรไพรีเสียทั่ว แต่ก็ไม่เคยพบ…จนข้ารู้ว่าเรื่องเล่ารามายณะได้มาถึงดินแดนแถบนี้ด้วย ข้าจึงดั้นด้นมา เพื่อหวังจะได้เจอผัวข้าอีกครั้ง”

คราวนี้มธุรินมองบรรดายักษ์ทุกตนที่อยู่ตรงหน้าอย่างเคียดแค้น “แต่ข้าก็ไม่พบจิตรไพรี ข้าพบแต่พวกเจ้าที่เสวยสุข ได้เป็นทวารบาลประจำวัดใหญ่โต มีคนยกย่องบูชา ไม่ยุติธรรม ไม่ยุติธรรมเลยจริงๆ!”

แสงอาทิตย์นิ่งไป เหตุการณ์ผ่านมาหลายพันปีจนเขาแทบจะลืมเลือนไปแล้ว ถ้านางยักษ์ตนนี้ไม่มายืนต่อหน้าเขา

ฤทัยมาศมองหน้าของแสงอาทิตย์ อยากถามเขาเสียเหลือเกินว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมแสงอาทิตย์ถึงยังให้จิตรไพรีออกไปรบ

“ข้าขอโทษ” แสงอาทิตย์พูดขึ้นหลังจากเงียบไปนาน “ที่ข้าไม่สามารถรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับเจ้า”

“ขอโทษงั้นเหรอ!” มธุรินเอ่ยด้วยน้ำเสียงขื่นขม “คำขอโทษของเจ้า มันทดแทนชีวิตของผัวข้า พ่อข้า พี่ชายข้า ได้หรือไม่!”

“ไม่ใช่เพียงแต่เจ้าที่สูญเสีย ข้าเองก็สูญเสีย พ่อข้า พี่ชายข้า และตัวข้าเองก็ตายในสงครามเหมือนกัน”

“พวกเจ้าตาย ก็ยังมีรูปปั้นที่คนทำเพื่อยกย่อง ยังมีบ้านให้ได้สิงสถิต เจ้าก็ยังได้อยู่กับพ่อเจ้าที่วัดโพธิ์ แล้วพวกข้าล่ะ ไม่มีเลย!”

อีกครั้งที่น้ำตาของนางยักษ์เปื้อนเต็มสองตาของนาง “นับตั้งแต่จิตรไพรีตายจากไปจนถึงวันนี้…ข้ายังไม่เคยได้พบเขาอีกเลย เจ้าคงเข้าใจใช่ไหมว่าความเจ็บปวดของการสูญเสียคนรักไปเป็นเช่นไร เจ้าเองก็เคยได้รับมันเหมือนกัน…”

มธุรินหันมาจ้องมองฤทัยมาศ “ข้าดีใจ…ที่อย่างน้อยข้าก็เคยทำให้เจ้าได้ลิ้มรสความรู้สึกของการเสียคนรัก”

แสงอาทิตย์ชะงัก ยักษ์ทุกตนในที่นั้นต่างชะงักกันไปหมดรวมถึงทศกัณฐ์ที่ตวาดลั่นออกมา

“นี่เจ้า…เจ้าคือคนที่เคยปลอมตัวมาเป็นแสงอาทิตย์แล้วเอาเงินข้าไปใช่มั้ย”

มธุรินยิ้มเยาะ “หลายร้อยปีเชียวนะกว่าที่พวกเจ้าจะคิดออก…ใช่แล้ว! เรื่องนั้นเป็นฝีมือของข้าเอง ข้ารู้ดี ลำพังยักษ์ที่ไม่มีอำนาจอะไรมากมายอย่างข้า คงไม่สามารถทำลายยักษ์ฤทธิ์มากอย่างพวกเจ้าได้…ข้าเลยวางแผน ที่จะทำให้พวกเจ้าทะเลาะกันเอง…แล้วก็บังเอิญจริงๆ ที่แสงอาทิตย์ไปหลงรักผู้หญิงคนนี้ เลยทำให้ทุกอย่างมันง่ายขึ้น”

แสงอาทิตย์นิ่งงัน สิ่งที่เขาสงสัยมากมายมาเป็นร้อยปีเริ่มคลี่คลายในที่สุด “เจ้าเอง…เจ้าเองที่โยนความผิดให้ข้า เจ้าหลอกให้ยักษ์วัดโพธิ์กับยักษ์วัดแจ้งต้องสู้กันเอง…”

“เสียดายที่ตอนนั้น…คนที่ตายก็มีแค่คนรักของเจ้าเท่านั้น ยักษ์อย่างพวกเจ้าก็ยังอยู่อย่างสุขสบาย…”

นางยักษ์ยิ้มอย่างเหี้ยมเกรียม “ยังดีที่ในไฟไหม้ท่าเตียนครั้งนั้น มีครอบครัวหนึ่งที่ตายยกครัว ข้าเลยสามารถปลอมตัวไปอยู่ในฐานะทายาท สิ่งที่ข้าเรียนรู้จากความผิดพลาดครั้งนั้นก็คือ…หากจะฆ่ายักษ์อย่างพวกเจ้า ข้าต้องยืมมือมนุษย์…และสิ่งที่จะทำให้มนุษย์มารับใช้ข้าได้ก็คือความมั่งคั่งร่ำรวย”

มธุรินมองไปที่ฤทัยมาศซึ่งเป็นมนุษย์เพียงคนเดียวในที่นั้น “สิ่งที่ข้าเรียนรู้ต่อมาก็คือ… มนุษย์นั้นต่างกับยักษ์ ยักษ์เป็นเผ่าพันธุ์ที่ยอมรับความเลวของตน แต่มนุษย์นั้นเป็นพวกชอบสร้างภาพ ถึงจะเลวทรามต่ำช้าแค่ไหน ก็ยังพยายามปิดบัง อ้างโน่นอ้างนี่เพื่อหาความชอบธรรมให้ตนเอง”

“เพราะแบบนี้ คุณก็เลยเปิดธุรกิจฟอกเงินขึ้นมา” ฤทัยมาศพูดต่อ

“ใช่ ถ้าเธอรู้ว่ามีใครมาใช้บริการของฉันบ้างในหลายสิบปีนี้ เธอจะตะลึงอย่างแน่นอน” มธุรินยิ้มเยาะ “ระหว่างที่ฉันสะสมเงินทองและพันธมิตรจากธุรกิจนี้… ฉันก็พบช่องทางที่จะทำลายพวกพญายักษ์ เมื่อฉันพบกับแว่นแก้วสุรกานต์…”

 



Don`t copy text!