ชมา 5 ชีวิต บทที่ 14.3 : ฟาร์มลับ

ชมา 5 ชีวิต บทที่ 14.3 : ฟาร์มลับ

โดย : คีตาญชลี แสงสังข์

Loading

ชมา 5 ชีวิต เรื่องราวของลูกแมวขาวดำทักซิโด้ที่ได้ไปเจอเจ้าของในชาติที่แล้วและชาติที่สอง รวมถึงชาติที่หนึ่ง แถมยังพบว่าแขกที่มาเที่ยวฟาร์มเสตย์ก็ดันเป็นเจ้าของตัวมันในชาติที่สาม! ชมารู้ทันที่ว่าเรื่องไม่ธรรมดากำลังจะเกิดขึ้น! พบกับนวนิยายเรื่อง ชมา 5 ชีวิต โดย คีตาญชลี แสงสังข์ ที่อ่านเอานำมาให้ทุกคนได้อ่านใน anowl.co

https://www.groovebooks.com/blog/นิยายใหม่จาก-groove-next-anowl-ลูกองุ่น-เปิดให้สั่งจอง-25-มี-ค-67/62

 

คืนเดือนดับ ลมหนาวกลางเดือนธันวาคมพัดใบไม้ดังแสกสาก ดวงตาของนกกลางคืนสะท้อนวาบอยู่บนคาคบไม้ ผมได้ยินเสียงหนูหริ่งวิ่งซุกซนใต้เศษใบไม้แห้ง แต่อาหารเม็ดก็ทำให้อิ่มแปล้จนผมไม่อยากขยับตัว

ไม่รู้ว่าเป็นเวลากี่โมง ระหว่างสรรพเสียงของกลางคืน เสียงเคาะถี่รัวก็ดังขึ้นที่ประตูบ้านหลังที่ 10

“พี่เป้ เปิดประตูหน่อยครับ”

ผมจำได้ว่านั่นคือเสียงต้นกล้า

ตั้งแต่หัวค่ำ ผมรู้สึกว่าต้นกล้าลุกลี้ลุกลนเป็นพิเศษ เขาพยายามหาโอกาสที่จะอยู่สองต่อสองกับเป้ แต่โอกาสที่ควรจะมีง่ายๆ นั้นโดนขัดขวางโดยแฟนต้าบ้าง บุญรอบ้าง หรือไม่ก็ตัวเป้เองที่ชอบชวนต้นกล้าคุยไปเรื่องอื่น

แล้วตอนนี้ เวลานี้ เขาก็อดรนทนไม่ได้ จนต้องตัดสินใจเดินฝ่าความมืดจากบ้านพักคนงานซึ่งอยู่อีกฝั่งมายังบ้านพักของเป้

“ผมนอนไม่หลับ” ต้นกล้าพูด มองหน้าเป้ด้วยความอึดอัดใจ

“ต้นกล้ามีเรื่องอะไร” เป้ถามแต่ต้นกล้าไม่ยอมตอบ เป้เหลือบมองนาฬิกา –เที่ยงคืน มันดึกมากสำหรับเกษตรกรที่ต้องตื่นแต่เช้าตรู่

“นั่งก่อน” เป้ตบไหล่ต้นกล้า ดันหลังให้เขานั่งลงบนชุดรับแขก แล้วเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบเบียร์ออกมายื่นให้เด็กหนุ่มกระป๋องหนึ่ง

“ผมกินไม่เป็น” ต้นกล้าว่า

“เอาน่า มันช่วยได้”

ต้นกล้าคว้าเบียร์กระป๋องนั้นมาดื่มอั้กๆ หลับตาปี๋ เมื่อหมดกระป๋องแล้วเขาก็ยกแขนขึ้นเช็ดปากแล้วยื่นกระป๋องเปล่าคืนเป้ไป

“พี่เป้ อาโอนัดเจอกับหมอเบญจมินทร์ ผม…ผม…ไม่ได้คิดอะไรไม่ดีนะ แต่ผมไม่บอกพี่เรื่องนี้ไม่ได้ ผมนอนไม่หลับมาตั้งหลายคืนแล้ว” เขาโพล่งออกมา ก่อนฤทธิ์เบียร์ที่ดื่มเข้าไปจะทำงานเสียอีก

“นัดพบ…เรื่องของแฟนต้าน่ะเหรอ”

ต้นกล้าส่ายหน้า

“เลี้ยงรุ่น อาโอบอกอาโตว่าจะไปงานเลี้ยงรุ่น แล้วจะไปค้างคืนหนึ่ง แต่วันที่ต้าไปโรงพยาบาลผมไปด้วยเพราะเป็นหลังเลิกเรียนพอดี ผมบังเอิญเห็นอาโอกับหมอเบญจมินทร์” พูดถึงตรงนี้เขาก็เงียบไป

“เห็นยังไง” เป้ถาม ความเครียดคืบคลานเข้าสู่บ้านหลังที่ 10 ทันที

ต้นกล้าอึกอัก เขาก้มหน้าพูด

“ไม่ได้เห็นยังไงหรอกครับ เขาสองคนแค่พูดคุยกัน”

“พูดคุย…แล้วคุยแบบไหน ต้นกล้าเห็นอะไร”

“ก็…ก็…ดูสนิทสนมกันดี ก็เขาเป็นเพื่อนกันนี่ครับ”

“แล้วมันให้ความรู้สึกยังไงอีก อะไรที่ทำให้ต้นกล้าไม่สบายใจกันล่ะ” เป้เค้น จ้องนิ่งไปที่ดวงตาของเด็กหนุ่ม เขามีอะไรจะพูดแน่ๆ เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่กล้าพอเท่านั้น

“พูดมาเถอะ พูด…ก่อนที่มันจะแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว”

ต้นกล้าสบตาเป้แน่วนิ่ง ในที่สุดเด็กหนุ่มก็พยักหน้า

“อาโอบอกอาโตว่าต้องไปค้างในเมืองเพราะงานเลี้ยงรุ่น แต่เมื่อสี่วันก่อนอาโอใช้ผมไปเอาโทรศัพท์ที่ลืมไว้ในเล้าไก่ ผม…ผมก็เลยแอบเข้าไปอ่านในไลน์ งานเลี้ยงรุ่นมีจริงๆ แต่พวกเขาไม่ได้ค้างคืนเพราะจัดงานที่โรงแรมในเชียงใหม่นี่เอง ผมไม่กล้าบอกใครเรื่องนี้ แม้แต่ต้าก็ไม่กล้าบอก”

“แล้วต้นกล้าเข้าใช้เครื่องอาโอได้ยังไง ไม่มีรหัสล็อก?” เป้ถาม

“มีครับ แค่ลองเข้ามั่วๆ ด้วยเลขที่บ้านของโอโตซัง คนส่วนใหญ่มักจะใช้ปีเกิดหรือตัวเลขใกล้ตัว ผมก็เลยเข้าไปดูได้”

“แล้วนึกยังไงถึงเปิดดู พี่ไม่เชื่อว่าต้นกล้าจะเป็นคนที่เที่ยวเปิดไลน์คนอื่นอ่านหรอกนะ มีอะไรมากกว่านี้ใช่ไหม”

“ผมก็…” เขาส่ายหน้า อึดอัดขึ้นอีกอย่างเห็นได้ชัด “ผมไม่รู้จะพูดยังไงดี” ต้นกล้ามองเป้อย่างคนหาตัวช่วย เป้พยักหน้าพูดเสียงหนัก

“มันไม่มีอะไรชัดเจน แต่มันทำให้ต้นกล้าระแวง เป็นแบบนั้นใช่ไหม”

“ใช่ครับ มันบอกไม่ถูกจริงๆ” เขาก้มหน้า ยอมรับ ปากก็พูดออกมาเรื่อยๆ “สายตาที่หมอเบญกับอาโอมองกัน มัน…” พูดถึงตรงนี้ต้นกล้าก็รีบโบกมือ “ไม่ได้จะว่าพวกเขากิ๊กกันนะครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะคิดอย่างนั้นจริงๆ”

“ไม่ต้องคิดมาก ดีแล้วที่มาบอกพี่ เรื่องนี้อย่าเพิ่งบอกใครนะ”

“แล้วพี่เป้จะทำยังไง”

“พี่…” เป้หันกลับไปมองปฏิทินตั้งโต๊ะ “งานเลี้ยงรุ่นจะจัดขึ้นวันไหนนะ”

“วันคริสต์มาสอีฟครับ ยี่สิบสี่ธันวา อีกสามวันข้างหน้า”

 

 

 



Don`t copy text!