กระบือสื่อรัก บทที่ 13 : ลูกชิ้นปั้นสดน้ำจิ้มแซ่บสูตรแม่สอางค์บุกตลาดน้ำ (1)

กระบือสื่อรัก บทที่ 13 : ลูกชิ้นปั้นสดน้ำจิ้มแซ่บสูตรแม่สอางค์บุกตลาดน้ำ (1)

โดย : พรรณสิริ

Loading

กระบือสื่อรัก นวนิยายรางวัลชนะเลิศจากโครงการช่องวันอ่านเอาปีที่ 4 โดย พรรณสิริ ที่อ่านได้ในเพจอ่านเอาและ anowl.co เรื่องราวของเอื้อมดาวที่ต้องกลายมาเป็นหัวหน้าครอบครัว เธอต้องทิ้งใบปริญญามาเป็นสาวโรงงาน ต้องขายควายเพื่อใช้หนี้ แล้วบททดสอบของชีวิตก็ทำให้รู้ว่าตัวเองแกร่งกว่าที่คิดและชีวิตไม่ต้องขึ้นอยู่กับใบปริญญาเสมอไป

ตลาดน้ำโบราณช่วงวันหยุดนักขัตฤกษ์คึกคักไปด้วยผู้คน เนื่องจากมีกิจกรรมหลากหลายจึงกลายเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของจังหวัด

งานประชันโฉมควายสวยงามคัดสรรถูกจัดขึ้นเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว มีฟาร์มดังๆ ทั่วทุกสารทิศเข้าร่วม นอกจากนี้เจ้าของตลาดยังจัดสรรพื้นที่ให้เกษตรกรนำโคและกระบือมาขายในโซนเปิดใหม่ฝั่งตรงข้ามไปพร้อมๆ กัน

ดินแดนตื่นเต้นเป็นพิเศษ นอกจากจะนำควายตัวเมียวัยใกล้เจริญพันธุ์จากคอกผู้ใหญ่เดชมาขายถึงสามตัว เขายังตื้อจนกระทั่งลุงติ๊กใจอ่อน ยอมพาพ่อช้างมาอวดโฉมด้วย

‘ไปเปิดหูเปิดตาด้วยกันนะลุง แค่หนเดียว ถ้าไม่ชอบฉันจะไม่ตื๊อลุงอีกเลย’

เนื่องจากเป็นตลาดน้ำไม่ใช่ตลาดควาย คนที่มาเดินในงานจึงเป็นนักท่องเที่ยวมากกว่าที่จะเป็นเกษตรกร ดินแดนไม่ได้หวังผลในแง่การขาย แค่อยากโปรโมตคอกควายน้องใหม่ของเขาให้คนรู้จักและอยากให้ลุงติ๊กได้คลายเหงา

ควายตัวใหญ่หนาขนสีดำมันปลาบสูงท่วมหัว ดึงดูดความสนใจนักท่องเที่ยวที่ผ่านไปมาให้ต้องหยุดถ่ายรูป บางคนถึงกับขอถ่ายรูปกับเจ้าของควายและถามไถ่ความเป็นมารวมถึงวิธีการเลี้ยงดู ลุงติ๊กจึงฝอยจนแทบไม่ได้หยุดปาก

“พักกินน้ำก่อนลุง เก็บแรงไว้วันพรุ่งนี้ด้วย” ผู้สูงวัยดูเหน็ดเหนื่อยจากอากาศที่ร้อนอบอ้าว แต่สีหน้ายังคงแช่มชื่นเพราะได้รับคำชื่นชมจากนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก

“เอ็งล่ะเหนื่อยไหม ไหนจะต้องดูแลควายของตัวเอง แล้วก็ต้องดูแลพ่อช้างด้วย”

ดินแดนส่ายหัว “สนุกดีออก ลุงดูนี่สิ” เจ้าตัวยื่นโทรศัพท์ส่งให้ “คนที่เขาถ่ายรูปกับพ่อช้างไป เขาแฮชแท็กพ่อช้างด้วย ดูตรงนี้เห็นไหมพ่อช้างอยุธยา”

“อะไรของเอ็งวะ เฮ็ดแท็ก ข้ารู้จักแต่ฮัดเช้ย” ลุงติ๊กขำความไม่เอาไหนของตัวเอง พลางเพ่งมองเส้นที่ขีดขวางกันเป็นรูปสี่เหลี่ยมในหน้าจอโทรศัพท์

“เครื่องหมายนี้ ทุกครั้งที่ใส่ไว้หน้าคำ ระบบจะจำไว้ สมมติเราใส่แฮชแท็กหน้าคำว่าพ่อช้างอยุธยาใต้รูปที่โพสต์ คนอื่นที่เขาพิมพ์คำว่าพ่อช้างอยุธยาลงไปในช่องค้นหารูปแว่นตา ทุกอย่างที่เกี่ยวกับพ่อช้างที่ใส่เครื่องหมายนี้กำกับไว้ก็จะโผล่ขึ้นมารวมถึงรูปที่ฉันลงด้วย ดูสิ เมื่อเช้ามีรูปพ่อช้างไม่กี่รูป ตอนนี้มีคนลงรูปร่วมร้อยแล้ว” เจ้าตัวหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง เมื่อผลตอบรับออกมาดีเกินคาด

“เอ็งทำเถอะ ไม่ต้องมาสอนข้า แค่ส่งสติกเกอร์สวัสดีตอนเช้า หัวก็จะปวดแล้ว”

สีหน้าเอือมระอาของผู้สูงวัยทำให้ดินแดนถึงกับระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “อย่าเพิ่งถอดใจสิลุง ตอนนี้ส่งข้อความคล่องแล้ว ต่อไปต้องหัดเล่นเฟซบุ๊กนะ”

“ใครจะไปนึก ควายที่เมียข้าไถ่จากโรงฆ่าสัตว์ จะโตมาดีขนาดนี้” ลุงติ๊กรำพึง หรี่ตามองควายตัวใหญ่หนาราวกับกำแพงด้วยความรู้สึกผูกพันลึกซึ้ง

“คนเลี้ยงไม่มีตาหรือไง ถึงได้ขายควายลักษณะดีขนาดนี้ให้โรงฆ่าสัตว์”

“เจ้าของร้อนเงิน ขายแม่แถมลูก ตอนที่ไถ่ออกมา พ่อช้างแค่สองเดือนเอง เขากำลังขนไปโรงฆ่าสัตว์ ยางดันมาระเบิด รถพลิกลงข้างทาง ทั้งแม่ทั้งลูกหนีกระเซอะกระเซิงมาเจอรถข้า เมียข้าเขาเป็นคนใจอ่อนกับหมูหมากาไก่อยู่แล้ว เลยขอให้ไถ่ไว้” ลุงติ๊กรำลึกความหลัง

“แล้วแม่ของพ่อช้างไปอยู่ไหนแล้วล่ะครับ”

“เลี้ยงมาได้อีกสามสี่ปีก็ล้ม มันโทรมเต็มที เมียข้าเสียใจถึงขั้นล้มหมอนนอนเสื่ออยู่เป็นปีแล้วก็ตาย ทิ้งข้ากับพ่อช้างไว้อย่างที่เห็นอยู่”

“ผมสงสัยมาตั้งนานแต่ไม่กล้าถาม กลัวลุงจะหาว่าละลาบละล้วง ลูกลุงไม่มีใครอยากสานต่อเลยเหรอ ผมละเสียดาย พ่อพันธุ์มีแล้ว หาแม่พันธุ์สักสองสามตัว เพาะลูกขายไปพร้อมๆ กับขายน้ำเชื้อด้วย ผมว่าไปได้สวยเลยแหละ”

“ลูกชายคนโตไปอยู่อเมริกาตั้งแต่หนุ่มๆ เห็นว่าได้กรีนการ์ดแล้ว ส่วนลูกสาวคนกลางที่เป็นพยาบาลก็มีครอบครัว ซื้อบ้านซื้อช่องอยู่แถวๆ นนท์ ไม่มีใครอยากกลับมาอยู่ที่ห่างไกลความเจริญ ผ่านมาไม่รู้กี่สิบปีถนนทางเข้าบ้านยังเป็นดินลูกรังอยู่เหมือนเดิม” ชายชราถอนหายใจยาว “ส่วนไอ้คนที่ข้าคิดจะฝากผีฝากไข้ก็ดันมาตายก่อน หวังจะพึ่งเมียให้อยู่เป็นเพื่อนกันก็ดันมาชิงตายไปอีกคน ข้าเองไม่อยากอยู่นักหรอก แต่ที่ยังตายไม่ได้ก็เพราะเป็นห่วงพ่อช้าง”

“ลุงจะรีบตายไปไหน สัญญาแล้วไงว่าจะอยู่ดูลูกพ่อช้างก่อน อีสามตัวนี้ที่ฉันเอามาโชว์ ถ้าขายไม่ออก ฉันจะยกให้เป็นเมียพ่อช้างหมดเลยดีไหม”

“เออๆ มึงอยากจะเอาควายข้าไปทำยังไงก็สุดแต่ใจเถอะ ข้าเชื่อว่าเอ็งเอาจริง แล้วก็รู้ด้วยว่าเอ็งฝันอยากมีฟาร์มใหญ่ๆ แบบฟาร์มของเสี่ยอั๋น”

“อันนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว สักวันคอกผู้ใหญ่เดชจะต้องเป็นฟาร์มควายสวยงามที่ใหญ่และทันสมัยที่สุดในอยุธยา”

“อย่ามัวแต่ฝันกลางวัน โน่น ด้อมๆ มองๆ อยู่ ดูท่าทางไม่เหมือนนักท่องเที่ยว ข้าว่าคนเลี้ยงควายเหมือนกันลองชวนคุยดู เผื่อขายได้สักตัว” ลุงติ๊กหรี่ตาประเมินชายวัยกลางคนที่แต่งเนื้อแต่งตัวเหมือนคนทำงานในไร่ในนา กำลังเดินวนเวียนอยู่รอบๆ คอก

“เพี้ยง ขอให้ขายออกสักตัวเถอะ” ดินแดนกระวีกระวาดลุกขึ้นไปทักทาย

ลุงติ๊กตะแคงหูฟังบทสนทนาระหว่างเจ้าของคอกกับคนที่คาดว่าจะเป็นลูกค้าอยู่เงียบๆ

แทนที่จะตั้งหน้าตั้งตายัดเยียดขายควาย ดินแดนกลับเพลิดเพลินกับการได้แลกเปลี่ยนสัพเพเหระกับคนคอเดียวกัน

แม้จะปิดการขายไม่ได้แต่ก็สร้างความประทับใจได้มากโข ทั้งที่เริ่มเลี้ยงควายสวยงามมาได้ไม่นาน แต่ชายหนุ่มสามารถให้คำแนะนำกับเกษตรกรที่เลี้ยงควายมาทั้งชีวิตได้

หากจะฝากฝังควายที่เป็นดังแก้วตาดวงใจให้ใครสักคนดูแลหลังหมดลมหายใจ ชายหนุ่มตรงหน้าคงช่วยให้ชายชรานอนตายตาหลับได้

 

ตกเย็นนักท่องเที่ยวแน่นตลาด ดินแดนทิ้งลุงติ๊กไว้กับบิดาที่แวะมาดูความเรียบร้อยและหิ้วปิ่นโตมาฝาก เนื่องจากคืนนี้จะต้องนอนเฝ้าควายอยู่ที่นี่ไม่ได้กลับบ้าน

เจ้าตัวเดินตามฝูงชนซึ่งไหลไปรวมตัวกันหน้าลานโชว์ควายสวยงาม ทำเอาร้านรวงที่เป็นทางผ่านขายดิบขายดีไปตามๆ กัน

ชายหนุ่มหยุดแวะที่แผงขายลูกชิ้นหมูปั้นสด แม่ค้าสองคนสวมผ้ากันเปื้อน หมวกคลุมผมและหน้ากากอนามัยมิดชิด เอื้อมดาวรับหน้าที่บีบลูกชิ้นใส่หม้อลวก ส่วนรุ่งอรุณไล่ช้อนลูกชิ้นที่สุกแล้วขึ้นจากหม้อต้มอีกทีหนึ่งก่อนใส่ลงในชามอ่าง มีโอบบุญคอยตักใส่ถ้วยกระดาษพร้อมราดน้ำจิ้มให้ลูกค้า ดูเป็นทีมที่ทำงานเข้าขากันเป็นอย่างดี

ดินแดนแหงนหน้าดูป้ายไวนิลที่ขึงไว้เหนือแผง ลูกค้าต่อแถวรออยู่ประมาณเกือบสิบคน คิวขยับไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเจ้าตัวขยับถึงหน้าแผง

“เอาชุดห้าสิบบาทสองชุด ชุดหนึ่งราดน้ำจิ้มซีฟูด อีกชุดราดน้ำจิ้มหวาน” ดินแดนสั่งเพื่อนรัวๆ แสร้งทำตัวประหนึ่งเป็นลูกค้า

โอบบุญซึ่งยืนตักลูกชิ้นมือเป็นระวิงแทบไม่ได้นั่งเงยหน้าขึ้นมาแสยะยิ้ม เหนื่อยเสียจนไม่รู้สึกสนุกตามเพื่อนไปด้วย

“ไม่ต้องเก็บเงินเพื่อนนะโอบ” เอื้อมดาวซึ่งกำลังบีบลูกชิ้นมือเป็นพัลวันตะโกนสั่ง

วันนี้เอื้อมดาวมาทดลองเปิดแผงขายลูกชิ้นปั้นสดที่ตลาดน้ำ คาดการณ์ไว้แล้วว่าคนคงเยอะ จึงเอ่ยปากขอแรงน้องชายให้มาช่วยเป็นลูกมือ

แปลกใจไม่น้อยที่โอบบุญยอมมาช่วยแต่โดยดี และก็ทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เห็นเงียบๆ ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจากับคนในบ้าน แต่กลับคุยกับลูกค้ารู้เรื่อง คิดเงินและทอนเงินแม่น

“ได้ยังไง ของซื้อของขายนะ” โอบบุญแย้ง

“แหม เพื่อนเราเขาอุตส่าห์ช่วยจองแผงให้ แค่ลูกชิ้นสองถ้วยทำเป็นงกไม่เข้าเรื่อง” รุ่งอรุณกระเซ้า

เนื่องจากเช่าพื้นที่คู่กันทั้งในโซนเกษตรและโซนตลาดน้ำถูกกว่าแยกเช่า ดินแดนจึงเลือกแบบแพ็กคู่แล้วส่งต่อแผงขายอาหารให้เอื้อมดาวมาประเดิมเปิดตลาดลูกชิ้นปั้นสดและน้ำจิ้มซีฟูดฝีมือนางสอางค์

“ลูกชิ้นอีกชุดของลุงติ๊ก ฝากไว้ที่ร้านก่อนได้ไหม เดี๋ยวกลับมาเอา”

“คนทยอยเข้าไปด้านในลานกันหมด งานน่าจะใกล้เริ่มแล้ว โอบไปกับเพื่อนเถอะ พี่อยู่กันสองคนได้”

เมื่อพี่สาวอนุญาต โอบบุญถอดผ้ากันเปื้อนพาดไว้กับเก้าอี้พลาสติก หยิบขวดชาเขียวจากกระติกน้ำแข็งยื่นส่งให้เพื่อนคนละขวด แล้วจึงพากันเดินออกจากร้านมุ่งหน้าสู่ลานโชว์ควาย

ด้านในลานล้อมรอบด้วยอัฒจันทร์เตี้ยๆ มีผู้คนจับจองเกือบเต็มจนล้นมากระจุกตัวอยู่ด้านล่างใกล้รั้วเหล็ก รอคอยที่จะยลโฉมควายงามระดับประเทศราคาเรือนล้าน

หลังปักหลักหาที่นั่งได้เรียบร้อย ดินแดนก็จิ้มลูกชิ้นเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ “พี่นายฝีมือไม่เบาเลย น้ำจิ้มจึ้งมาก” ไม่พูดเปล่าจิ้มลูกชิ้นยื่นไปที่ปากเพื่อน

โอบบุญส่ายหัวดิก “ไม่เอา กูกินจนจะอ้วกแล้ว” แน่นอนว่าคนในบ้านหนีไม่พ้นต้องชิมลูกชิ้นฝีมือพี่สาวที่ปรับสูตรมาเรื่อยๆ จนลงมติเป็นเอกฉันท์ว่าอร่อย จึงนำออกมาขายได้

“มึงเป็นอะไร หน้าตาไม่ดีเลย ท้องผูกหรือไง” ดินแดนเย้าเพื่อน

“เมื่อเช้ากูแวะไปดูหอมทอง เจอพี่ขวัญชัย เสี่ยอั๋นจะขายหอมเงินกับหอมทองให้โรงแรมทางเหนือ เขาทำศูนย์อนุรักษ์ควายไทยจะเอาไปโชว์นักท่องเที่ยว”

“เสี่ยอั๋นจะขายเท่าไหร่”

“เจ้าของโรงแรมเสนอมา หอมเงินเก้าหมื่นเก้า หอมทองแสนเก้าหมื่น”

“สองตัวก็สามแสน” ดินแดนถึงกับตื้อไปเช่นกัน กลืนลูกชิ้นไม่ลงเอาดื้อๆ ราคาควายสองตัวแม่ลูกไม่ต่างจากที่ประเมินไว้ในใจ แต่ก็ไม่คิดว่าจะมีคนสนใจซื้อเร็วขนาดนี้ เข้าใจแล้วว่าทำไมเพื่อนจึงหน้าตาห่อเหี่ยวราวกับแบกโลกไว้ทั้งใบ

ทั้งคู่นั่งเงียบๆ สายตาทอดมองไปยังควายที่เดินเข้าสู่ลานเบื้องล่าง โฆษกยื่นไมโครโฟนให้เจ้าของควายแนะนำตัวเองและควายที่พามา ถือเป็นโอกาสทองที่จะประกาศศักดาสายเลือดควายอันเอกอุ ย้อนกลับตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย อวดลักษณะดีเด่นนานัปการ รวมถึงสนามประกวดที่ผ่านมาอย่างช่ำชอง ก่อนตบท้ายด้วยราคาน้ำเชื้อแพงหูฉี่สมสถานะควายเงินล้าน

ถ้าลุงติ๊กมาได้ยินราคา เจ้าของฟาร์มคงได้ถูกค่อนขอดว่าหน้าเลือด ขูดเลือดขูดเนื้อเกษตรกรร่วมอาชีพ

“มึงเก็บเงินได้เท่าไหร่แล้ว” ดินแดนโพล่งถาม

“ประมาณห้าหมื่น”

“คุยกับพี่มึงหรือยัง เขาปั้นลูกชิ้นมือเป็นระวิงเพราะจะหาเงินให้มึงไปไถ่ควายคืน”

ดวงตาของโอบบุญเปล่งประกายขึ้นด้วยความหวัง “เขาบอกจริงๆ เหรอ”

“อยู่บ้านเดียวกันทำไมไม่คุยกันวะ ข้ารู้ว่าเอ็งโกรธที่เขาบุ่มบ่ามขายควายไป ไหนจะกะเกณฑ์ให้สอบเข้ามหาวิทยาลัยอีก แต่ก็เข้าใจได้ไหมวะ เขาก็แค่พยายามทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัวแทนพ่อ แต่อายุเขาแค่นี้ จะให้เหมือนพ่อก็คงเป็นไปไม่ได้”

“เอ็งไม่ต้องเทศนา ข้ารู้ว่าเขาหวังดี ข้าไม่ได้โกรธเขาแล้ว แต่ยังเคืองอยู่”

“แล้วจะเอายังไง จะซื้อคืนไหม ข้าจะได้ช่วยหาลู่ทางอีกแรง”

โอบบุญเงียบไปชั่วขณะอย่างใช้ความคิด “หุ้นกันได้ไหม ห้าสิบห้าสิบ ไถ่คืนมาแล้วเอาไปไว้ที่คอกเอ็ง”

“เลี้ยงที่ไหนไม่ใช่ปัญหา แต่จะหาเงินสามแสนภายในวันนี้พรุ่งนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ” ดินแดนนึกถึงเงินในบัญชีของตัวเอง ต่อให้รวมกับของเพื่อนแล้วก็ยังห่างไกลจากตัวเลขที่ต้องการอยู่อีกโข

ถ้าเขามีพ่อพันธุ์ชั้นยอดสักสองสามตัวแบบโชคเจริญสุขฟาร์ม เงินสามแสนบาทจะกลายเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยไปในทันที

“ไปคุยกับพี่เอ็งก่อน ลองดูว่าเขามีเท่าไหร่ ข้าน่าจะหาได้ประมาณแสนนึง” ดินแดนบอกตัวเลขกลมๆ ที่เขามีอยู่ในมือ

ร้านลูกชิ้นปั้นสดของเอื้อมดาวดูมีแนวโน้มขายดี หญิงสาวน่าจะพอมีเงินเก็บ ช่วยให้น้องชายซื้อควายสองตัวคืนมาได้

 



Don`t copy text!