กระบือสื่อรัก บทที่ 15 : ผมขายบุหรี่ไฟฟ้า ไม่ได้ขายยา (1)

กระบือสื่อรัก บทที่ 15 : ผมขายบุหรี่ไฟฟ้า ไม่ได้ขายยา (1)

โดย : พรรณสิริ

Loading

กระบือสื่อรัก นวนิยายรางวัลชนะเลิศจากโครงการช่องวันอ่านเอาปีที่ 4 โดย พรรณสิริ ที่อ่านได้ในเพจอ่านเอาและ anowl.co เรื่องราวของเอื้อมดาวที่ต้องกลายมาเป็นหัวหน้าครอบครัว เธอต้องทิ้งใบปริญญามาเป็นสาวโรงงาน ต้องขายควายเพื่อใช้หนี้ แล้วบททดสอบของชีวิตก็ทำให้รู้ว่าตัวเองแกร่งกว่าที่คิดและชีวิตไม่ต้องขึ้นอยู่กับใบปริญญาเสมอไป

สถานบันเทิงขนาดใหญ่เพิ่งเปิดได้ไม่นาน แต่ด้วยการออกแบบอาคารที่แปลกตาดูล้ำสมัยราวกับอยู่ในห้วงอวกาศ จึงกลายเป็นแหล่งรวมนักท่องราตรีทั้งในตัวจังหวัดและจังหวัดใกล้เคียงเอาไว้

ช่วงพักผ่อนหย่อนใจของคนอื่นกลับเป็นเวลาทำเงินทำทองของโอบบุญ เพราะไปเปรยกับบรรจบว่าร้อนเงิน ผู้คร่ำหวอดกับธุรกิจใต้ดินจึงเสนอให้มาเป็นเด็กเดินของที่นี่ เขาอิดออดในทีแรก แต่เห็นส่วนแบ่งที่จะได้รับจากยอดขายจึงตอบตกลงโดยแทบไม่ต้องคิด

แค่บุหรี่ไฟฟ้า ใครๆ เขาก็ขายกัน ฉันคุยกับผู้จัดการผับแล้ว นายแค่ทำตัวเนียนๆ เหมือนวัยรุ่นที่มาเที่ยว การ์ดของผับจะชี้เป้าลูกค้าให้

แรกๆ โอบบุญก็ยังเงอะงะ แต่พอคุ้นหน้าคุ้นตาและผูกมิตรกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้ก็กลายเป็นงานง่าย เพราะเขาเคยวิ่งซื้อของกินให้นักพนันมาก่อน นักเที่ยวส่วนใหญ่กลายเป็นขาประจำ ส่งข้อความสั่งล่วงหน้าแล้วมารับของกันในลานจอดรถหน้าผับก็มี

คืนนี้ก็เช่นกัน เนื่องจากเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ลานจอดรถจึงแน่นไวกว่าปกติ เด็กหนุ่มเดินเข้าเดินออกระหว่างผับกับลานจอดรถเป็นว่าเล่น คำนวณยอดเงินส่วนแบ่งที่ได้จากการขายแล้วทำเอาหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง

หลังส่งของให้ลูกค้ารายล่าสุดเรียบร้อย โอบบุญเดินทะลุลานจอดรถขึ้นไปตามแนวถนนจนถึงตึกแถวที่ตั้งห่างออกไปประมาณสามร้อยเมตร ด้านล่างเป็นร้านกาแฟแต่ปิดบริการแล้ว เจ้าตัวผลักประตูเข้าไปอย่างคุ้นเคยเดินขึ้นไปยังชั้นลอยที่ถูกกั้นเป็นห้องกระจกเอาไว้

บรรจบนั่งดูโทรทัศน์อยู่ในห้อง จิบเบียร์ด้วยท่าทางสบายอารมณ์ “เป็นยังไงล่ะ คืนนี้ขายดีจนต้องมาเติมของแต่วันเชียว”

“เดือนนี้น่าจะถึงสามหมื่น ขอบคุณพี่จืดมากที่ช่วย” โอบบุญยิ้มกว้าง

ใครจะไปคิดว่าเด็กท้ายรถประจำทางจะกว้างขวางใช่ย่อย บรรจบเป็นคนตัวเล็กๆ ที่มองหาช่องทางสอดแทรกเข้าไปในธุรกิจสีเทาได้อย่างแนบเนียน

“ขายดีก็อย่ากระโตกกระตากไป คนจ้องจะเสียบมีอยู่ ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าไปเร่ขายข้างในนะ คุยกับลูกค้าเสร็จแล้วออกมาที่ลานจอดรถดีกว่า” ลูกพี่โยนบุหรี่นอกหนีภาษีให้หนึ่งคอตตอน “ข้าให้ เอาไปขายน่าจะได้หลายสตางค์อยู่”

บรรจบเห็นคนดิ้นรนเพราะไม่มีจะกินมาก็มาก แต่เพิ่งเคยเจอเด็กอย่างโอบบุญเป็นครั้งแรก

“เขาไม่ได้จะเอาไปส่งโรงฆ่าสัตว์ มันไปกินๆ นอนๆ อยู่รีสอร์ตหรู โชว์ตัวถ่ายรูปกับนักท่องเที่ยว สบายกว่าคนเสียอีก เอ็งจะเดือดร้อนไปทำไม ข้าละไม่เข้าใจจริงๆ”

หากเขาเป็นโอบบุญ จะยอมปล่อยควายสองตัวไป จะได้ไม่ต้องวิ่งหาเงินจนขาแทบขวิด แต่ในเมื่อเด็กหนุ่มยังคงยืนกราน บรรจบจึงลองหาทางช่วย แม้เป็นงานผิดกฎหมายแต่ไม่ถึงขั้นร้ายแรง หากเกิดเรื่องขึ้นมา ด้วยเส้นสายที่มีก็ยังพอจะเคลียร์กับตำรวจได้

โอบบุญไม่เสียเวลาอยู่นาน เขาออกจากร้านกาแฟพร้อมบุหรี่ไฟฟ้าชุดใหม่และบุหรี่นอกอีกหนึ่งคอตตอนมุ่งหน้ากลับไปที่ผับ

ลานจอดรถเต็ม รถล้นออกมาจอดริมถนนเป็นแนวยาว เด็กหนุ่มพยักหน้าให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ยืนตรวจบัตรประชาชน ก่อนตีเนียนไหลไปกับนักท่องเที่ยวเข้าสู่ด้านในผับ

“น้องชาย พี่อยากได้พอต การ์ดบอกว่าน้องมี ขายยังไง” น้ำเสียงยานคางอย่างคนลิ้นไก่สั้นดังแข่งกับเสียงดนตรีบนเวที

โอบบุญหันไปมองคนที่ยืนแกว่งแก้วเหล้าในมือไปมา ท่าทางกรึ่มได้ที่ ไม่ใช่ลูกค้าเก่า เขาจึงค่อนข้างระมัดระวังตัวกว่าปกติ

“ในนี้มันมืด เสียงดังด้วย ออกไปคุยกันแถวลานจอดรถดีกว่าพี่”

แทนที่จะเดินตามกันออกไป นักท่องเที่ยวกลับควักธนบัตรออกจากกระเป๋ากางเกง ยัดใส่มือคนขาย “เอ้าพอไหม”

โอบบุญหันรีหันขวาง รูดเปิดซิปกระเป๋าคาดเอวภายใต้เสื้อแจ็กเก็ต ยัดธนบัตรลงไปก่อนที่จะหยิบบุหรี่ไฟฟ้าออกมา “พี่จะเอารุ่นไหน ผมมี…”

พูดยังไม่ทันขาดคำ จู่ๆ ไฟในผับก็สว่างจ้าขึ้น เสียงเพลงบรรเลงบนเวทีเงียบลงโดยฉับพลัน นักท่องเที่ยวที่กำลังดีดดิ้นอย่างเมามันบนฟลอร์หยุดเต้น หันมองหน้ากันเลิ่กลั่ก บางกลุ่มที่อยู่ใกล้ทางออกฉุกเฉินและประตูทางเข้าด้านหน้า พยายามดันกันออกไปแต่ไม่สำเร็จ

“ขอให้นักท่องเที่ยวทุกคนอยู่ในความสงบ ตอนนี้เจ้าหน้าที่ควบคุมทางออกทุกทางไว้แล้ว ขอให้ยืนอยู่ที่โต๊ะของตัวเอง”

เสียงประกาศบนเวทีเรียกเสียงอื้ออึงฟังไม่ได้ศัพท์จากนักท่องเที่ยวด้านล่าง โอบบุญหัวใจเต้นรัว เขามีบุหรี่ไฟฟ้าอยู่หลายชุด รวมถึงบุหรี่นอกหนีภาษี หากถูกจับได้จะทำอย่างไร

เจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบคนหนึ่งกราดไฟฉายไปรอบๆ โต๊ะกลมตัวสูงที่โอบบุญและลูกค้ายืนอยู่ “ของที่หล่นอยู่ใต้โต๊ะ คุณคนไหนเป็นเจ้าของ” เจ้าหน้าที่ขู่เสียงเข้ม

“ไม่ใช่ของผม ผมแค่เดินมาซื้อบุหรี่ไฟฟ้า ถามน้องคนนี้ดูสิ เขาอาจจะขายอย่างอื่นก็ได้” เมื่อภัยมาถึงตัวคนเมาจึงสร่างขึ้นมาโดยอัตโนมัติ รีบโบ้ยทันที

เจ้าหน้าที่เปลี่ยนเป้าหมายมาเล่นงานโอบบุญแทน อย่างน้อยก็มีบุหรี่ไฟฟ้าซึ่งเป็นของผิดกฎหมายอยู่กับตัวแน่ๆ “ขอค้นตัวหน่อยนะน้องชาย”

โอบบุญหน้าซีด เมื่อเจ้าหน้าที่ล้วงวัตถุต้องห้ามออกมาวางบนโต๊ะ ก่อน ว.เรียกกำลังเสริม “รู้ใช่ไหม บุหรี่ไฟฟ้าผิดกฎหมาย ห้ามขาย เดี๋ยวตรวจฉี่เสร็จแล้วไปโรงพักกับพี่”

 

รถกระบะวนมาจอดหน้าทางขึ้นสถานีตำรวจหลังเวลาเคารพธงชาติไม่นาน เอื้อมดาวปรี่ลงจากรถพร้อมกับชายชรา

หญิงสาวนั่งไม่ติดเมื่อดินแดนโทรศัพท์มาบอกตั้งแต่หัวรุ่ง น้องชายถูกจับพร้อมนักท่องราตรีจำนวนหลายสิบคน แต่ยังไม่แน่ใจว่าโดนข้อหาอะไร

“เจ๊ขึ้นไปกับลุงติ๊กก่อน เดี๋ยวฉันหาที่จอดรถได้แล้วจะรีบตามไป ทำใจดีๆ ไว้นะ” ดินแดนส่งสายตาเป็นกำลังใจให้หญิงสาว

“เอื้อมตามมาทางนี้” ลุงติ๊กเดินนำขึ้นบันไดไปอย่างคุ้นเคย ชายชราเคยขึ้นโรงพักแห่งนี้เป็นว่าเล่นเมื่อหลายปีก่อน สมัยติดตามคดีรถชนบุตรชายคนเล็ก

ด้านบน ญาติมารอประกันตัวนักท่องเที่ยวที่ถูกกวาดต้อนมาจากสถานบันเทิง หลังตรวจปัสสาวะพบสารเสพติดจนแทบไม่มีที่ยืน

เมื่อยังเข้าถึงตัวเจ้าพนักงานไม่ได้ จึงลัดเลาะไปยังห้องคุมขัง หวังหาตัวน้องชายให้พบก่อน

นักท่องเที่ยวแออัดกันอยู่ในห้องคุมขัง โอบบุญนั่งกอดเข่า ซุกหน้าอยู่กับฝ่ามือ จนกระทั่งได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเองซ้ำๆ

“โอบ!”

“พี่เอื้อม!” โอบบุญผุดลุกขึ้น ปรี่เข้าไปเกาะลูกกรง ดีใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้เห็นหน้าพี่สาว

ดวงหน้าอิดโรย เนื้อตัวขะมุกขะมอม เอื้อมดาวเห็นแล้วใจแทบขาด โชคดีที่ตัดสินใจให้มารดารออยู่ที่บ้านไม่เดินทางมาสถานีตำรวจด้วยกัน

“ไหนบอกว่าไปทำงานพิเศษที่คาราโอเกะแถวท่ารถ แล้วทำไมมาโผล่ที่ผับได้ โอบไม่ได้เล่นยาใช่ไหม” น้ำเสียงหญิงสาวสั่นเครือ แทบไม่อยากได้ยินคำตอบจากปากน้องชาย

“เปล่านะ โอบไม่ยุ่งกับของพรรค์นั้นหรอก แค่รับจ๊อบขายบุหรี่ไฟฟ้าในผับเท่านั้นเอง” เด็กหนุ่มปฏิเสธเป็นพัลวัน

“แค่ขายบุหรี่ ไม่ได้เสพยา ทำไมตำรวจถึงต้องจับตัวมาด้วย” เอื้อมดาวชักจะจับต้นชนปลายไม่ถูก

“บุหรี่ไฟฟ้าน่าจะผิดกฎหมาย ทางการไม่ให้ขายหรือเปล่า ข้าเคยเห็นแต่คนแถวบ้านถูกจับเพราะขายยาบ้า แต่ไม่เคยเห็นใครถูกจับเพราะขายบุหรี่ไฟฟ้ามาก่อน” ชายชรามีสีหน้าไม่แน่ใจ

“แถวบ้านลุงไม่มีใครสูบบุหรี่ไฟฟ้ากันหรอก มันแพง ดูดยาบ้าถูกกว่าเยอะ” ในที่สุดดินแดนก็รุดตามมาสมทบ

“ฉันเห็นคนงานในโรงงานสูบกัน ในตลาดเปิดท้ายที่นิคมก็มีขาย ตกลงมันผิดกฎหมายใช่ไหม” หญิงสาวหันมาคาดคั้นเอากับเพื่อนน้องชาย

ดินแดนย่นหน้าเป็นคำตอบ

“รู้ทั้งรู้ว่าผิดกฎหมายแล้วโอบไปยุ่งทำไม อยากได้เงินทำไมไม่บอกพี่” น้ำเสียงพี่สาวเขม็งเกลียวขึ้นทุกขณะ

“พี่เอื้อมภาระเยอะจะตาย บอกไปก็ช่วยไม่ได้อยู่ดี” คนยืนเกาะลูกกรงก้มหน้างุด ปล่อยให้น้ำตาที่เอ่อท้นหล่นลงบนพื้นห้องขัง

ยังไม่ทันได้ซักต่อ บรรจบก็ปรากฏตัวขึ้น ท่าทางกระหืดกระหอบเล็กน้อย ในมือหิ้วกล่องข้าวและขวดน้ำเปล่ามาด้วย ยื่นส่งให้คนที่ยืนเกาะลูกกรงหน้าแห้งอยู่ ทำเอาญาติมิตรที่ยืนอยู่ก่อนหันมองเป็นตาเดียวกัน

“เป็นยังไงบ้างวะ โอบ”

“พี่จืด พี่ต้องช่วยผมนะ ตำรวจหาว่าผมค้ายา พูดเท่าไหร่ก็ไม่เชื่อว่าซองพลาสติกที่ตกอยู่บนพื้นไม่ใช่ของผม”

“ข้าโทรคุยกับผู้กองแล้ว เขาบอกว่าต้องสอบสวนก่อน ปล่อยเอ็งไปไม่ได้ เพราะไอ้คนที่ยืนอยู่ด้วยมันโบ้ยว่าเป็นของเอ็ง”

เอื้อมดาวหันมองหน้าน้องชายหลังลูกกรงสลับกับชายรูปร่างผอมหน้าตาขาวโพลนเหมือนกระดาษ อดรนทนไม่ได้ทะลุกลางเป้าออกมาด้วยความสงสัย “คุณเป็นใคร แล้วมาเกี่ยวอะไรด้วยกับน้องชายฉัน”

“ผมชื่อจืด เป็นคนเอาบุหรี่ไฟฟ้าให้โอบไปขายในผับเองแหละ” เจ้าตัวยืดอกรับอย่างแมนๆ

“อ้าว! ทำไมคุณทำแบบนี้ รู้ทั้งรู้ว่าผิดกฎหมาย เกิดน้องชายฉันต้องติดคุกขึ้นมาจะทำยังไง” เอื้อมดาวร้องเสียงหลง

“ก็น้องชายคุณกำลังร้อนเงิน ผมก็หาทางช่วยในแบบของผม แค่ขายบุหรี่ไฟฟ้าปกติไม่มีปัญหาหรอก ผมจ่ายค่าน้ำร้อนน้ำชาให้เบื้องบนทุกเดือนอยู่ แต่รอบนี้ส่วนกลางลงมาล้วงลูก แล้วมียาบ้าตกอยู่ใต้โต๊ะที่น้องมันนั่งอยู่ เลยเคลียร์ไม่จบ” บรรจบอธิบายเป็นฉากๆ

เขาเดือดเนื้อร้อนใจไม่น้อย ไม่อยากให้เด็กหนุ่มเสียประวัติ โอบบุญเป็นเด็กดี ซื่อสัตย์ ตั้งแต่ช่วยเขาขายของก็ไม่เคยมีปัญหาเรื่องเงินๆ ทองๆ เหมือนลูกน้องคนอื่นๆ

เอื้อมดาวหันกลับไปหาน้องชายอีกรอบ ถามซ้ำๆ ราวกับแผ่นเสียงตกร่อง “โอบเดือดร้อนอะไรหนักหนาถึงต้องหาเงินด้วยวิธีนี้”

“ฉันจะเอาเงินไปไถ่หอมเงินกับหอมทอง สิ้นเดือนนี้ฟาร์มจะส่งพวกมันไปให้ลูกค้าที่เชียงราย ฉันจะไม่ได้เจอพวกมันอีกแล้ว”

“แล้วทำไมไม่บอกพี่ จะได้ช่วยกันคิด โอบมุบมิบทำเอง นอกจากจะไม่ได้ควายคืนมา ตัวเองก็ต้องกลายเป็นผู้ต้องหาไปด้วย ติดคุกขึ้นมาจะทำยังไง” เอื้อมดาวโกรธจัดเสียจนหน้ามืด เหมือนจะเป็นลมล้มทั้งยืนจนต้องเกาะลูกกรงไว้

“ถ้าต้องติดคุกขึ้นมาจริงๆ พี่ก็ปล่อยฉันไว้ในนี้แหละ ไม่ต้องมายุ่ง” ดวงตาเด็กหนุ่มแดงก่ำ ตัดพ้อพี่สาวด้วยอารมณ์น้อยเนื้อต่ำใจ

“มันใช่เวลามาทะเลาะกันไหม หาทางเอามึงออกจากห้องขังให้ได้ก่อนดีกว่า” ดินแดนเห็นท่าไม่ดีจึงต้องห้ามศึกระหว่างพี่น้อง

“ทำใจดีๆ เอื้อมเอ๊ย น้องมันแค่ขายบุหรี่ไฟฟ้า ไม่ได้ขายยา ลองไปคุยกับร้อยเวรดูก่อน” ลุงติ๊กปลอบ

“ใช่ ข้อหาขายบุหรี่ไฟฟ้าแค่เสียค่าปรับ ไม่ถึงกับต้องติดคุกหรอก ฉันรับรอง” บรรจบยืนยันอีกเสียง

เอื้อมดาวมองลอดผ่านซี่ลูกกรงเข้าไปสบสายตารั้นๆ ของคนร่วมสายเลือด บอกตัวเองให้ตั้งสติ เธอต้องหาหนทางประกันตัวน้องชายออกมาก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง จะไม่ยอมให้น้องชายทั้งคนเข้าไปนอนในเรือนจำเป็นอันขาด

 



Don`t copy text!