ฤทัยยักษ์ บทที่ 6.1 : ผู้รอบรู้แห่งท่าเตียน

ฤทัยยักษ์ บทที่ 6.1 : ผู้รอบรู้แห่งท่าเตียน

โดย : เวฬุวลี

Loading

ฤทัยยักษ์ โดย เวฬุวลี นวนิยายที่อ่านเอานำมาให้อ่านออนไลน์ที่ anowl.co กับเรื่องราวของ ‘ฤทัยมาศ’ ตำรวจสาวที่ต้องเข้าไปสืบคดีที่เชื่อมโยงกับอดีตของเธอที่มีร่วมกับยักษ์หนุ่มจากวัดโพธิ์นามว่า ‘แสงอาทิตย์’ และยังไปเกี่ยวพันกับเบื้องลึกเบื้องหลังของศึกยักษ์วัดโพธิ์กับยักษ์วัดแจ้งที่เล่าขานกันมาเนิ่นนาน

ฤทัยมาศตัดสินใจพาแสงอาทิตย์ไปที่สถานีตำรวจที่หล่อนทำงานอยู่ เผื่อว่าถ้าเขารู้เรื่องคดีจริงๆ นี่อาจจะเป็นโอกาสที่หล่อนได้เบาะแสอะไรเพิ่มเติม

หญิงสาวนั่งประจันหน้ากับเขา ตั้งใจจะล้วงข้อมูลให้มากที่สุดว่าเขาคือใคร

“คุณบอกว่า…คุณชื่อแสงอาทิตย์ใช่ไหมคะ แล้วนามสกุลของคุณล่ะ”

“นามสกุล?”

ฤทัยมาศมองหน้าผู้ที่ช่วยชีวิตของหล่อน เข้าใจว่าเขากำลังพูดจากวนหล่อนอยู่

“ขอถามอีกครั้งนะคะ คุณนามสกุลอะไร”

แสงอาทิตย์พยายามทำความเข้าใจ เดาว่าหญิงสาวคงอยากรู้ว่าต้นตระกูลของเขาเป็นใคร

“ปู่ผม ลัสเตียน เป็นวงศ์ลงกา”

“วงศ์ลงกา ตลกแล้ว จะบอกอีกเหรอว่าบ้านคุณอยู่ที่กรุงลงกา!”

“ไม่ใช่ ผมบอกคุณแล้วไงว่าพ่อผมกับผมเคยอยู่ที่เมืองโรมคัล…”

“งั้นฉันขอดูบัตรประชาชนของคุณค่ะ”

“บัตรประชาชน?”

“คุณเป็นคนไทยก็ต้องมีบัตรประชาชนไม่ใช่เหรอ อย่าบอกนะว่าไม่มีอีก”

แสงอาทิตย์ส่ายหน้า จะให้เขาอธิบายอย่างไรว่าเจ้าสิ่งนั้นมันไม่ได้จำเป็นสำหรับเขาเลยสักนิด

“งั้นยื่นมือมา…เดี๋ยวก็รู้ว่าคุณเป็นใคร”

ฤทัยมาศให้แสงอาทิตย์พิมพ์ลายนิ้วมือก่อนจะเอาไปค้นในฐานข้อมูล แต่หล่อนก็คว้าน้ำเหลวอีกรอบ เมื่อปรากฏว่าไม่มีข้อมูลของชายคนนี้ในฐานข้อมูล ชื่อและนามสกุลของเขาก็ไม่ได้อยู่ในข้อมูลทะเบียนราษฎร์

จ่ากุศลซึ่งก็ถูกฤทัยมาศตามตัวให้มาช่วยสอบปากคำผู้ชายคนนี้ด้วย ถึงกับกระซิบบอก

“ผมว่า…อาจจะเป็นพวกต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองมาก็ได้นะครับหมวด”

“ผมบอกแล้วไงว่าผมอยู่ที่นี่มานานแล้ว” แสงอาทิตย์ที่ได้ยินคำพูดดังกล่าว เอ่ยขึ้นมาทันควัน “ให้ผมเล่าเรื่องประวัติศาสตร์ก็ได้ ผมเล่าให้คุณฟังได้หมด”

ฤทัยมาศไม่คิดว่าคำตอบของเขาจะช่วยอะไรได้ แต่ก็อยากรับคำท้าทายเหมือนกัน จึงตัดสินใจตั้งคำถาม “ได้ งั้นลองเล่าประวัติศาสตร์มาสักเรื่อง”

“งั้นผมเล่าประวัติท่าเตียน ก่อนหน้านี้ ท่าเตียนไม่ได้ชื่อท่าเตียน”

“แหม เรื่องนี้ใครๆ ก็รู้ ที่เปลี่ยนเป็นชื่อท่าเตียนเพราะเลี่ยนเตียนจากที่ยักษ์วัดโพธิ์สู้กับยักษ์วัดแจ้งใช่มั้ยละคะ” ฤทัยมาศพูดแทรกขึ้นมา “เรื่องพวกนี้ในอินเทอร์เน็ตก็มี”

“เป็นเพราะไฟไหม้ต่างหาก” แสงอาทิตย์ขัดหญิงสาว “ขึ้นสามค่ำ เดือนอ้าย เพลายามเศษ เกิดไฟไหม้ที่โรงเรือนของพระองค์เจ้ามหาหงส์ในกรมหมื่นสุนทรรักษ์ เพลิงลุกลามจนไปติดบ้านเรือนของข้าราชการและราษฎรที่อยู่ติดกัน (1)

ฤทัยมาศและกุศลต่างนิ่งงันเมื่อได้ฟังคำตอบร่ายยาวจากแสงอาทิตย์

“มั่วหรือเปล่านี่” ฤทัยมาศหันไปกระซิบถามกุศล

“ไม่รู้เหมือนกันครับหมวด ตอนเรียน ผมตกวิชาประวัติศาสตร์” กุศลยิ้มแหยๆ ก่อนเสนอความคิด “เราบอกผู้การเรื่องนี้ดีไหมครับ เผื่อว่าผู้ชายคนนี้จะรู้เบาะแสของคดีจริงๆ”

ฤทัยมาศลังเล หากหล่อนบอกปราการไป ตำรวจสาวเชื่อแน่ว่าหล่อนคงถูกกันเป็นวงนอก ไม่ให้ยุ่งเกี่ยวเรื่องคดีอีก จนในที่สุดหล่อนก็ตัดสินใจ

“อย่าเพิ่งบอกนะจ่า ฉันขอสอบสวนผู้ชายคนนี้เองก่อน…สักวันสองวัน”

“วันสองวัน แล้วหมวดจะเอาเขาไปไว้ไหนล่ะครับ”

ฤทัยมาศหันมามองทางเขา กุศลเห็นแววตาของตำรวจสาวก็ชักจะหวั่นใจ รีบปฏิเสธพัลวัน “ไม่ได้นะครับหมวด ผมอยู่กับแม่ แล้วยังมีพี่ชายพี่สะใภ้ กับหลานๆ แล้วก็หมาอีกสอง แมวอีกสาม ไม่มีที่ว่างแล้วครับ เบียดกันสุดๆ”

ฤทัยมาศมองจ่าสิบตำรวจอย่างหมั่นไส้ ทางตัวต้นเรื่องอย่างแสงอาทิตย์ก็ทำท่าไม่รู้ร้อนรู้หนาว หญิงสาวถอนหายใจ ก่อนตัดสินใจจะแก้ปัญหาด้วยการหาที่อยู่ให้เขาชั่วคราว

 

แสงอาทิตย์มองตึกขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า ก่อนหันมามองฤทัยมาศ คนที่ขับรถพาเขามาจนถึงที่นี่

“เพื่อนฉันเขามีคอนโดที่ปล่อยเช่าไว้ แต่ยังไม่มีคนเช่า คุณก็อยู่ที่นี่ก่อนแล้วกันคืนนี้” ยักษ์หนุ่มหันมามอง ตำรวจสาวรีบพูดอย่างร้อนตัว “อย่าไปฟ้องว่าฉันกักขังหน่วงเหนี่ยวคุณไว้ล่ะ ฉันแค่อยากขอความร่วมมือ อะไรที่คุณรู้เกี่ยวกับคดี คุณบอกฉันให้หมด แล้วหลังจากนั้นฉันก็จะปล่อยคุณกลับบ้าน”

ยักษ์หนุ่มอดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ ที่จริงยักษ์หนุ่มอย่างเขาจะหนีจากไปเมื่อไหร่ก็ได้ แต่เขาอยากอยู่กับฤทัยมาศให้นานอีกสักนิด

ตำรวจสาวพาชายหนุ่มเข้ามาที่ห้องที่เขาจะพักอยู่คืนนี้ ก่อนชี้ไปที่ห้องตรงข้าม “ห้องตรงข้ามเป็นห้องของเพื่อนฉัน แต่วันนี้ลินินไปบิน…พรุ่งนี้ถึงน่าจะกลับมา”

“บิน?” แสงอาทิตย์ยังคงมีสีหน้างงงัน เขารู้ว่าพวกของเขาที่มีฤทธิ์มากสามารถที่จะทำเช่นนั้นได้ แต่ไม่คิดว่ามนุษย์จะมีความสามารถทัดเทียมกัน “มีมนุษย์ที่บินได้ด้วยหรือ”

“พูดอะไรแปลกๆ อีกแล้วนะคุณ ก็เพื่อนฉันเป็นแอร์ เขาก็ไปทำงานบนเครื่องบินไง”

แม้จะไม่เข้าใจทั้งหมด แต่แสงอาทิตย์เริ่มเข้าใจทีละน้อยว่ามนุษย์สามารถบินได้ ไม่ได้ด้วยตนเอง แต่ด้วยเครื่องมือบางอย่าง

ฤทัยมาศไม่คิดจะถามอะไรเขาอีก หญิงสาวเริ่มจะชินกับคำพูดแปลกๆ ของเขา ฤทัยมาศทิ้งแขกแปลกหน้าไว้ในห้องเช่า ก่อนที่จะกลับมาที่ห้องของลินิน เพื่อนสนิทได้ฝากคีย์การ์ดทั้งสองห้องไว้เวลาที่หล่อนไม่อยู่ ฤทัยมาศจะได้มาช่วยดูแลห้องรวมถึงมาช่วยรดน้ำต้นไม้ที่หล่อนปลูกเอาไว้

ตำรวจสาวพยายามที่จะค้นข้อมูลสำหรับคดีต่อ

‘มีใครบางคน กำลังพยายามให้การฆาตกรรมที่เกิดขึ้นต่อๆ กันเป็นฝีมือของพวกยักษ์’

คำพูดของแสงอาทิตย์ยังวนเวียนอยู่ในหัวของหล่อน ฤทัยมาศกดโทรศัพท์มือถือเพื่อค้นหาข้อมูล อยากรู้ว่าอาวุธของยักษ์มีอะไรบ้าง ไม่ช้าไม่นาน หล่อนก็ค้นมาถึงข้อมูลของยักษ์วัดโพธิ์สี่ตน ที่ต่างมีอาวุธวิเศษประจำกาย

ขรมีศรจักรพาลพัง

สัททาสูรมีเวทพรหมเรียกอาวุธจากเทวดา

มัยราพณ์ที่มีมนตร์สะกดทำให้หลับใหล และมีความสามารถในการปรุงยา

แสงอาทิตย์ที่มีแว่นแก้วสุรกานต์ที่ทำให้เกิดไฟ

ฤทัยมาศชะงัก เมื่ออ่านถึงบรรทัดนี้

แสงอาทิตย์ ชื่อนี้บังเอิญเหมือนกันเกินไปไหมนะ

ตำรวจสาวโคลงศีรษะ พยายามเชื่อว่าหล่อนอาจจะคิดไปเอง เพราะถ้ายอมรับว่าผู้ที่ใช้ชื่อนี้เป็นบุคคลเดียวกัน ก็แปลว่าหล่อนกำลังยอมรับว่าแขกที่อยู่ในห้องถัดไปไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นยักษ์

เป็นไปไม่ได้…เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด

ทัยมาศพึมพำกับตนเองก่อนที่ความง่วงงุนจะทำให้หล่อนผล็อยหลับไปบนโซฟาในห้องรับแขกนั้นเอง

 

เชิงอรรถ : 

(1) พระองค์เจ้ามหาหงสโสภาค เป็นโอรสในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นสุรินทรรักษ์ พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ตามประวัติของท่าเตียน โรงเรือนของพระองค์เจ้ามหาหงส์ถูกไฟไหม้ในเหตุการณ์เพลิงไหม้ครั้งใหญ่ที่ท่าเตียนในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

 



Don`t copy text!